นางเกสรเกิดจากดอกบัวในหนองน้ำใหญ่ ฤาษีตาไฟ บำเพ็ญตะบะอยู่ที่ริมบึงบัวนำมาชุบเลี้ยงและเติบใหญ่อยู่ที่ต้นมะขามและดอนต้นปีบริมบึงบัว ในคืนเดือนหงาย นางเกสรจะโล้ชิงช้าและร้องเพลงพวงมาลัย ชาวบ้านไม่มีใครกล้าออกบ้าน ต่อมาเกิดชุมชนขึ้นจึงได้ชื่อว่าหนองบัว บึงบัวดังกล่าวได้ขุดลอกเป็นเกาะลอย และทุกวันนี้ ยังมีชาวบ้านที่ร้องเพลงพวงมาลัยได้หลายคน
อ่านรายละเอียดตำนานท้องถิ่นหนองบัว http://www.gotoknow.org/blogs/posts/481470
Beautiful and powerful work of art!
May I copy your drawing for my pwn viewing -- offline?
ขอบคุณคุณ sr ครับ
ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ
เป็นเรื่องที่น่ายินดีครับที่เรื่องราวของท้องถิ่นของชุมชนในชนบทแห่งหนึ่งยังมีความเป็นเรื่องสร้างความน่าสนใจให้แก่สังคมวงกว้างได้
เป็นการสนองตอบที่เป็นครูให้แก่ผมเป็นอย่างดีด้วยครับว่า
การเรียนรู้ทางสังคมอย่างทั่วๆไปนั้น หากค่อยๆนำมาศึกษา
นำเอามาประมวลผลใหม่
และหาวิธีถ่ายทอดที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมต่างๆอยู่เสมอ
ก็จะทำให้เรื่องราวของสังคม วิถีชีวิต และถิ่นอาศัยต่างๆของเรา
อีกมากมายหลายเรื่อง ที่ดูเหมือนว่าเราได้รู้จัก ใกล้ตัว
และคุ้นเคยดีแล้ว
เกิดแง่มุมที่ให้ความรู้สึกและความคิดใหม่ๆที่ดีๆได้อีก
เป็นเสียงสะท้อนที่ให้กำลังใจทั้งแก่ผม คนหนองบัว
และเครือข่ายคนทำงานพัฒนาการเรียนรู้สุขภาวะชุมชนมากครับ
คนหนองบัวโชคดีจังเลยครับอาจารย์..
ขอบพระคุณครับอาจารย์ธนิตย์ครับ
ในแง่หนึ่งก็เป็นการดึงศักยภาพและสร้างทุนทางสังคมวัฒนธรรมขึ้นจากสิ่งที่มีอยู่แต่ไม่เคยปรากฏต่อสังคมวงกว้างของชุมชนหนองบัว เพื่อเป็นทุนต่อทุนเหมือนกันครับอาจารย์ มองอย่างคนทำงานความรู้ ใช้ความรู้สร้างคนและสร้างสังคมอย่างเราๆ ก็ท้าทายดีเหมือนกันครับว่า เครื่องมือและวิธีการทางความรู้นั้น จะสามารถทำงานเชิงสังคมและร่วมสร้างสุขภาวะสังคม ได้ในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน อย่างไรบ้าง
อีกทางหนึ่งก็เหมือนกับเป็นการลงทุนลงแรงกันเองก่อน เพื่อแสดงความมุ่งมั่นตั้งใจ จะได้เป็นทุนให้หนองบัวพอได้เป็นแหล่งทำสิ่งดีๆของสังคมบ้างแม้จะเป็นบ้านนอกและไม่ค่อยมีอะไรมาก เป็นต้นว่า อยากค่อยๆทำให้หนองบัวพอมีข้อมูล มีกรณีตัวอย่างของจริงดีๆ แล้วได้เป็นแหล่งจัดประชุมในประเด็นที่สำคัญๆทั้งต่อหนองบัวและต่อวาระของประเทศ ซึ่งอยากได้มือดีๆหลายๆท่านไปร่วม อย่างเช่นอาจารย์ด้วยน่ะครับ
เห็นนางเกสรโล้ชิงช้าและร้องเพลงพวงมาลัยแล้ว
ทำให้นึกถึงเพลงพวงมาลัยเพลงพื้นบ้านหนองบัว
พอดีไปพบตัวอย่างเพลงพวงมาลัยเลยนำมาฝาก
นำมาจากเอกสารงานวิจัยท้องถิ่นของนักเรียนชั้นม.๕ โรงเรียนหนองบัว
ซึ่งทำวิจัยเรื่อง "พัฒนาการของประเพณีการกินดองในชุมชนบ้านกุฎฤาษี
อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ๒๕๕๓"
ทีมวิจัยประกอบด้วย นางสาววิวรรธนา ฤทธิ์เทพ นางสาวกัลยรัตน์ เพ็งพรม
นางสาววรรณิศา มั่นกิจ ครูที่ปรึกษา นางลัญฉกร อาสา
".....คุณยายถนอม แก้วไพรชัฎ คุณยายวัย 80 กว่าปีได้เล่าย้อนให้ฟังถึงประเพณีและการละเล่นในอดีตว่า คนหนุ่มสาว มักนิยมชวนกันไปเที่ยวตามงานเทศกาลหรืองานบุญต่างๆ โดยฝ่ายชายจะชักชวนเพื่อนของตน มารับสาวๆถึงที่บ้าน และไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มใหญ่ มีการร้องรำแก้กันระหว่างชายและหญิง เช่น เทศกาลตรุษสงกรานต์ ในตอนเช้า คนในชุมชนจะพากันไปทำบุญที่วัด ฟังเทศน์และธรรมเทศนาจากพระสงฆ์ จากนั้นคนหนุ่มสาวจะนัดกันไปยังลานวัด หรือลานกว้างบริเวณหนองน้ำ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลดังกล่าว มีการเก็บดอกไม้นานาชนิดเข้าไปในโบสถ์เพื่อพิษฐานขอพรพระพุทธรูปให้สมดังปรารถนา จากนั้นก็จะออกมาร้องรำกันข้างนอกที่ลานกว้าง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะล้อมกันเป็นวง และเริ่มเกี้ยวพาราสีกันด้วยบทกลอนต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักนิยมเล่นกันตอนบ่ายจนถึงค่ำ ......"(หน้า ๑๓-๑๕)
(ตัวอย่างเพลงพวงมาลัยโล้ชิงช้า)
ชาย พวงมาลัย ลอยไป ลอยไปที่ต้นมะขาม (พร้อมกัน: เอยลอยไป ลอยไป ที่ต้นมะขาม) พี่มาพูดแต่น้องพี่เอย เขาให้เอย ฉะนี้นะได้ แล้วเอย ยังว่า ว่าแก้มน้อยเอยสองข้าง มันมีแต่ทางน้ำตา ทางน้ำตา (พร้อมกัน: จริงนะเอย มาลัย ยิ่งแลยิ่งใกล้กันเอย)
หญิง พวงมาลัยเอย ลอยไป ลอยไปที่ต้นมะพลับ (พร้อมกัน: ลอยไป ลอยไป ที่ต้นมะพลับ) พี่ไปข้างทุ่งมะปรือ พี่เอย น้องก็แลหาย พี่ไปข้างทุ่งหนองทราย น้องก็คอยวันกลับ พ่อทูนหัวน้อยเอย ต้องให้เขาเย้ยน้องยับ (พร้อมกัน: ให้เจ้าหวังเอยมาลัยยิ่งไกลกันเอย)
ชาย พวงมาลัยเอย ลอยไป ลอยไปที่ต้นมะรื่น (พร้อมกัน: เอยลอยไป ลอยไป ที่ต้นมะรื่น) ถ้าแม้นพี่ชายพี่ชายเอย อย่างว่าว น้องจะตามสาวไม่ให้ไปทางอื่น ทำให้พ่อช่อยอดนุ่น ทำไมจะได้พ่อคุณกลับคืน (พร้อมกัน: จริงเสียแล้วเอย มาลัยยิ่งรัก ยิ่งไกลกันเอย)
หญิง พวงมาลัยเอย ลอยไป ลอยไปที่ต้นมะค่า (พร้อมกัน: เอ่อ เอย ลอยไป ลอยไป ที่ต้นมะค่า) พี่ไปทางเหนือเอย ให้ตามพี่ไปทางหลัง น้องก็คอยข่าวว่าแก้มน้องสองข้าง มีแต่ทางน้ำตา (พร้อมกัน: เจ้าพวงเอย มาลัย ยิ่งแลยิ่งไกลกันเอย)
จากเอกสารงานวิจัย(๒๕๕๓) ชุดโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่นภาคเหนือ
เรื่อง พัฒนาการของประเพณีการกินดองในชุมชนบ้านกุฎฤาษี อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์
ชื่อสมาชิก/ทีมวิจัย และระดับที่ศึกษา
นางสาววิวรรธนา ฤทธิ์เทพ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
นางสาวกัลยรัตน์ เพ็งพรม
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
นางสาววรรณิศา มั่นกิจ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ครูที่ปรึกษา นางลัญฉกร อาสา
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์มหาแลครับ
เมื่อตอนนั่งเสวนาเวทีคนหนองบัวที่เกาะลอย งานงิ้วเมื่อปีที่ผ่านมา
ชาวบ้านกุฎฤาษีย้อนความทรงจำและอธิบายลักษณะเนื้อหาของเพลงพวงมาลัยที่มีลักษณะอย่างนี้ว่า
เนื้อหาที่พรรณาถึงการจากไกลกัน ทำให้ห่วงหาอาลัย
จนร้องไห้ถึงกันอย่างนี้
เนื่องจากเมื่อก่อนนี้พวกคนหนุ่มต้องออกไปเป็นทหาร ต้องออกไปรบ
เพลงพวงมาลัยจึงมีความเป็นเพลงเชิดชูยกย่องเกียรติยศของคนที่อุทิศตนเพื่อชาติบ้านเมือง
สะท้อนค่านิยมต่อชีวิตและการเลือกคู่ของคนหนองบัวในอดีต .....
ลักษณะอย่างนี้
นอกจากทำให้เห็นวิธีบันทึกถ่ายทอดความรู้ทางสังคมไว้ในวัฒนธรรมมุขปาฐะ
หรือสืบทอดกันไว้ด้วยปากเปล่าแล้ว
ก็เห็นวิธีประดิษฐ์สร้างศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อหล่อหลอมกล่อมเกลาวิธีคิดและวิถีปฏิบัติตน
สร้างความเป็นหญิง ความเป็นชาย
ให้ความหมายของการสร้างความเป็นครอบครัวที่มีความเชื่อมโยงใกล้ชิดกันมากกับการสร้างชาติและสร้างสุขภาวะส่วนรวม
....
น่านำเอามาถอดรหัสเพื่อเห็นภาพสะท้อนของสังคมก่อนมาสู่ยุคปัจจุบันให้ยิ่งแจ่มชัดมากขึ้นเรื่อยๆนะครับ