เรื่องไม่เป็นเรื่อง...ก็เป็นเรื่อง...


บางครั้งการทำตัวของคนก็แปลกนะ...ทั้งที่ตัวเองร้ายแสนร้ายแต่ก็พยายามทำตัวเป็นแม่พระ...ทั้งที่ข้างในเน่าฟอนเฟะแต่ก็บอกคนอื่นว่ายังดีอยู่...และก็มีคนไม่น้อยเลยที่ชอบอยู่กับคนประเภทนี้

      อันที่จริงบันทึกนี้ไม่อยากเขียนหรอก...อยากเก็บไว้ในใจมากกว่า แต่มันก็มีเหตุให้ฉุกใจลุกขึ้นมาเขียนอีก...เหตุก็มีอยู่ว่าผู้บริหารเรียกบุคลากรของหน่วยงานเข้าประชุมรับทราบเรื่องราวต่างๆ ที่ได้รับนโยบายมาจากระดับสูง...เรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาชี้แจงในที่ประชุมก็คือเรื่องการประเมินต่อสัญญาจ้างพนักงานราชการทั้งที่เป็นครูอาสาสมัครฯ และครู กศน. ตำบล...มองดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรที่เป็นเรื่องแปลก...แต่เมื่อฟังคำชี้แจงหลักเกณฑ์การประเมินซึ่งมีเรื่องต่างๆมากมาย หนึ่งในเรื่องทั้งหมดคือ...การพัฒนาตนเองของพนักงานราชการ...

      ผู้บริหารพูดเชิงสัพยอกว่าการประเมินต่อไปนี้เป็นเรื่องสำคัญจะประเมินกันตั้งแต่หัว จรดเท้า คือประเมินทุกเรื่อง...รวมไปถึงเรื่องกลิ่นด้วย...(หมายถึงกลิ่นตัว) ผมฟังแล้วขัดหูมากเพราะผมก็เป็นคนมีกลิ่นตัวเหมือนกัน...ทุกครั้งที่เหงื่อออก...แต่คิดว่า่ไม่เป็นไรหรอกมันพัฒนากันได้เรื่องแค่นี้....แต่ที่มันเป็นประเด็นก็คือมันถ้าประเมินกลิ่นได้...มันน่าจะสร้างเครื่องมือมาวัดความเน่าของคนได้ด้วย...ไม่ได้หมายถึงการเน่าที่ร่างกาย...เพราะสามารถรักษาให้หายได้ แต่หมายถึงใจ "ใจเน่า" ของคนบางคนซึ่งเป็นเรื่องที่มองไม่เห็น...อาจมองไม่เห็นว่าทำไมใจถึงเน่า...ยกตัวอย่าง...เช่นการนำของจากสำนักงานไปใช้ส่วนตัว...บอกว่าซื้อมาเอง...หรืออะไรอีกทำนองนี้...เห็นเพื่อนหรือคนอื่นทำงานได้ดีกว่าไม่ได้...เกือบเป็นเกือบตาย...ไม่เข้าร่วมไม่ยุ่ง...ซ้ำยังพยายามที่จะขัดจังหวะไม่ไห้งานขับเคลื่อนไปได้...ถ้าเป็นงานในหน้าที่ก็ปัดความรับผิดชอบ...ประเด็นที่สำคัญก็คือ...พยายามที่จะคว่ำองค์กรด้วยวิธีการต่างๆ...และอย่างหนึ่งที่ทำอยู่ก็คือการรวบรวมคนให้เข้ามาเป็นเกราะกำบังตนเอง...สร้างภาพให้ตนเองดูดีมีคนห้อมล้อม...ดูหอม...สวยงาม...หากที่จริงแล้ว...ไม่มีอะไรซ้ำข้างในกลวงเป็นหนอน... ก็คงเหมือนกับสำนวนสุภาษิตที่ว่า "ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง" 

       จะสร้างเครื่องมือใดมาวัดคนประเภทนี้ได้บ้าง...วัดดูว่าการที่มาอยู่ในสำนักงานนี้มีความจริงใจต่อหน่ีวยงานองค์กรเท่าไหร่....มาอยู่ในหน่วยงานนี้มีความรักและศรัทธาในหน่วยงานองค์กรมากหรือน้อยเท่าไหร่...มาทำงานในหน่วยงานองค์กรงานที่มอบหมายให้รับผิดชอบทำได้แค่ใหน หรืออาศัยจมูกของเด็กๆมาช่วย... มาอยู่ในหน่วยงานนี้แล้วมีความรักหวงแหนดูแลทรัพย์สมบัติของหน่วยงานซึ่งเป็นทรัพย์ส่วนรวมหรือไม่... ใช้วัสดุอุปกรณ์สำนักงานเพื่อการส่วนตัวหรือไม่...หรือเข้ามาแล้วใช้อำนาจในการแสวงหาผลประโยชน์หรือไม่...หรือการออกพื้นที่ไปทำงานให้ชุมชนเพื่อหวังผลอามิตหรือไม่...การให้บริการกับกลุ่มเป้าหมายตนเองอิ่มสบายแต่กลุ่มเป้าหมายเดือดร้อนเพราะก่อนไปได้โทรไปสั่งว่าต้องทำอาหารเลี้ยงเจ้าหน้าที่...ซ้ำมีการโทรตามสมัครพรรคพวกให้มากินด้วย...ฯลฯ...สารพัดสารพัน...เกินที่จะบรรยายได้หมด... อย่างนี้แล้วอย่างใหนที่น่าจะประเมินให้ผ่านอยู่องค์กรนี้เพื่อทำงานมากกว่า ระหว่างคนที่มีกลิ่นตัว...แต่ใจไม่เน่า... กับคนที่ข้างในใจเน่า แต่ทำตัวให้ดูดีมีกลิ่นหอม...หรือสังคมราชการไทยเป็นแบบนี้...สงสารประเทศไทย...หน่วยงานใหนมีแบบนี้พึงระวัง...  "ลูกมะเดื่อ เราสามารถที่จะผ่าดูข้างในและรุ้ว่ามันเน่าเป็นหนอนของแมลงหวี่ที่อยู่ข้างใน" แต่ถ้าเป็นคนจะใช้วิธีการใดในการที่จะดู  รีบคิดหาเครื่องมือมาวัดด้วยนะครับ....

หมายเลขบันทึก: 481353เขียนเมื่อ 8 มีนาคม 2012 14:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 14:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวีสดีครับนายหัวผมคนนึงที่ชอบอ่านการเขียนตรงไปตรงมาแบบนี้ครับผมบอกตรงๆว่า หร่อยๆ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท