โรคเกาต์ >>> เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรัง พบในชายอายุ 30 ขึ้นไปและพบในหญิงเล็กน้อยหรือหลังหมดประจำเดือน สามารถรักษาให้หายได้ แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจมีภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้
สาเหตุ
เกิดจากร่างกายมีกรดยูริก (uric acid) สะสมมากเกินไปหรือได้จากการย่อยสลายของสาร เพียวริน (Purine)ที่มีมากในเนื้อสัตว์ปีกเครื่องในสัตว์ และผักยอดอ่อน ทำให้เกิดสารยูริคสูงในเลือด และจะสะสมในข้อ โดย
-ทานอาหารที่มีพิวรีนน้อยหรือไม่มีพิวรีน ได้แก่ นม ไข่ ฯลฯ
-งดเว้นอาหารที่มีพิวรีนมาก เช่น เครื่องในสัตว์ ปลาซาร์ดีน ฯลฯ
-หลีกเลี่ยงอาหารที่มีพิวรีนปานกลาง เช่น สัตว์ปีก อาหารทะเล
-อาหารที่ปรุงไม่ควรใส่ผงชูรส หลีกเลี่ยง อาหารทอด น้ำต้มเนื้อ เช่นก๋วยเตี๋ยวน้ำ
อาการ
-มีอาการปวดข้อรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นฉับพลันทันที ถ้าเป็นการปวดครั้งแรกมักจะเป็นเพียงข้อเดียว ข้อจะบวมและเจ็บมากจนเดินไม่ไหว
-ผิวหนังในบริเวณนั้นจะตึง ร้อนและแดงและจะพบลักษณะจำเพาะ คือ ขณะที่อาการเริ่มทุเลาผิวหนังในบริเวณที่ปวดนั้นจะลอกและคัน
โรคที่มักพบร่วมกับโรคเกาต์
การรักษา
แนวทางการรักษาโรคเกาต์ ได้แก่ ให้ยาลดการอักเสบ ให้ยาลดกรดยูริคในเลือด ทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ การจำกัดอาหารมีกรดยูริค(สารพิวรีน) สูง และให้ยาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ เป็นต้น และปฏิบัติตามแพทย์แนะนำ แต่ถ้าปล่อยเป็นเรื้อรัง จนเกิดไตวาย อาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้จากไตวาย
เมื่อเป็นโรคเกาต์ ควรปฏิบัติตัวอย่างไร ?
1.รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
2.หยุดพักการใช้ข้อระยะที่มีการอักเสบ
3.รับประทานอาหารโปรตีนในปริมาณที่พอเหมาะ
4.ดื่มน้ำมากๆ 2-3 ลิตรต่อวัน
5.หลีกเลี่ยงอากาศเย็น
6.ลดน้ำหนักในผู้ป่วยโรคเกาต์ที่อ้วน
7.ดำเนินชีวิตอย่าให้เคร่งเครียดมากนัก
บทบาทของนักกิจกรรมบำบัด
-ใช้เครื่องมือช่วย เพื่อป้องกันข้อติด
-ให้ออกกำลังกายให้เป็นกิจกรรม โดยนำกิจกรรมที่เป็นกิจวัตรประจำวันที่เขา(ผู้ป่วย)สนใจ
ไม่มีความเห็น