"วันนี้เธอกราบเท้าพ่อแม่ของเธอหรือยัง?" ... (วิธีคิด หรือ ทัศนคติของนักศึกษาครูที่มีต่อ "พ่อแม่และครอบครัว" ที่เปลี่ยนไปจากเดิม)


ช่วงนี้ก็นั่งอ่านคำตอบจากข้อสอบปลายภาค แล้วให้คะแนนไปเรื่อย ๆ เป็นการให้คะแนนตามเป้าประสงค์ที่วางไ้ว้ตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนในรายวิชาต่าง ๆ ตั้งใจว่าจะวิเคราะห์อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงประเด็นหนึ่งที่เด็ก ๆ เขียนตอบมา ซึ่งอ่านแล้วก็ประทับใจ กึ่งประหลาดใจที่กระบวนการสอนที่ผมวางไว้มันทำให้พวกเขาคิดได้ คิดเป็น เปลี่ยนวิธีคิดจากสิ่งที่ไม่เคยทำ สิ่งที่ไม่คุ้นเคย กลับมาลองทำตามสิ่งที่เขาได้ฟัง ได้เห็น ได้สัมผัสทั้งจากสื่อที่ผมนำมาใช้ รวมถึงผลจากการรับฟังในสิ่งที่ผมเน้นย้ำเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของ "ความกตัญญู"

 

วีดิทัศน์ที่ใช้ คือ การสัมภาษณ์พันเอกนายแพทย์พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา จากรายการตีสิบ และ การสรุปจากผม ซึ่งเป็นครูผู้สอนของเขา

 

สถานการณ์ที่เลือกใช้ คือ เปิดก่อนวันพ่อไม่กี่วัน

ใครกลับบ้านพอดี ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ทำดีกับพ่อแม่ของเขา

ใครไม่ได้คิดกลับบ้าน ก็อยากกลับบ้านขึ้นมาทันที

 

 

ผมสอนเขาว่า ...

 

"... จะรีบทำอะไร ก็รีบทำตั้งแต่ตอนนี้ หากพ่อแม่รอเราไม่ได้แล้ว ห้ามมาเสียใจทีหลัง หากไม่ยอมทำ ..."

 

"... ใครไม่เคยกอดพ่อแม่ ใครไม่เคยหอมพ่อแม่ ให้กลับบ้านไปลองทำซะ และใครไม่เคยกราบเท้าพ่อแม่สักครั้งในชีวิต ตอนนี้เรามีโอกาสแล้ว กลับบ้านไปให้ลองทำดู แล้วเราจะรู้สึกถึงสิ่งที่เราทำว่า มันยิ่งใหญ่แค่ไหน และพ่อแม่ของเราจะรู้สึกภูมิใจในเรามาก ๆ ... "

 

"... ทีอยู่กับแฟน ทำได้หมด แต่ไปอยู่กับพ่อแม่ อาย เขิน ไม่กล้าทำ หากไม่มีพ่อแม่อยู่ในโลกนี้แล้ว แต่อยากทำขึ้นมา คงจะมีใครมาเห็นใจเราหรอกนะ ..."

 

 

 

ผมจะขอยกตัวอย่างข้อเขียนที่เป็นคำตอบจากลูกศิษย์มานำเสนอนะครับ

 

คำตอบต่อไปนี้ เป็นคำตอบที่ได้จากข้อสอบกลางภาค (ปลายเดือนธันวาคม ๒๕๕๔)

 

 

 

๑.

 

ผู้ชายที่รักหนูคนเดียว

 

การได้ดูวีดิทัศน์ดังกล่าว หนูคิดว่า เป็นสิ่งที่ดีนะคะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้เงินฟุ่มเฟือย คนที่ไม่รู้จักพอในการใช้ชีวิต หนูยังอยากเอาไปให้หลานหนูดูมากเลยคะ ไม่รู้ว่าถ้าให้หลานดูแล้ว เขาจะเปลี่ยนนิสัยไหม เพราะทุกวันนี้นะคะ พ่อกับแม่ของแกเป็นทุกข์มากเลย เขาเป็นเด็กอยู่ชั้น ม.๑ แต่เขาติดยา เรียนหนังสือก็ไม่เรียน วัน ๆ ก็ขอเงินแม่ใช้ ก็ด้วยความที่เป็นแม่นะคะ ลูกอยากได้อะไรก็ให้หมด นี่แหละนะคะความเป็นแม่

แต่แม่โชคดีนะคะที่มีหนู เพราะหนูเป็นเด็กไม่เกเร เชื่อฟังพ่อแม่ แต่หนูมีข้อเสียอยู่อย่างเดียวที่แก้ไม่ได้ คือ หนูเป็นคนพูดไม่เพราะ ไม่ใช่ว่าขึ้นเิมิงขึ้นกรูนะคะ แค่หนูไม่ชอบพูดคะ กับแม่ และหนูไม่ชอบบอกว่ารักพ่อ รักแม่นะคะ หนูไม่เคยพูดน่ะ

แต่หลังจากที่หนูดูวีดิทัศน์ดังกล่าว ทำให้หนูเริ่มพูดคะกับพ่อกับแม่ เริ่มกอด หอมแก้ม แม่ซึ่งหนูไม่ค่อยทำเลย นานครั้งจะทำดี แต่วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันพ่อ หนูกะจะบอกรักพ่อ และจะไปกราบพ่อในวันพ่อ และพ่อก็ให้สัญญาว่า จะพาไปกินหมูกะทะ แต่พ่อกลับไปเข้าบ่อนเล่นการพนัน กลับบ้านดึกมาก ทำให้หนูโกรธมาก หนูก็เลยไม่ได้ทำอย่างที่หนูพูด

แต่วันจะกลับหอ หนูก็เข้าไปกอดพ่ออยู่นะคะ แต่หนูยังคิดว่าที่สุดแล้ว ผู้ชายที่รักหนูคนเดียว และไม่คิดที่จะนอกใจนั้นก็คือ พ่อของหนูเองค่ะ

 

ผมเขียนปิดท้ายเอาไว้ใต้คำตอบว่า ...

"... บางทีอาจจะไม่มีพ่อที่ดีที่สุด แต่มีพ่อที่รักคุณมากที่สุด ..."

"... การให้อภัยเป็นทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ..."

 

 

 

๒.

 

กราบเท้าพ่อเป็นครั้งแรก ... พ่อร้องไห้เลย

 

จากการได้ดูวีดิทัศน์การสัมภาษณ์ พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา ทำให้ฉันได้เปลี่ยนวิธีคิดในการใช้ชีวิตในทุก ๆ วันว่า เหล้าไม่ดีต่อสุขภาพ ทำให้สมองฝ่อเร็ว ทำให้เสียอนาคต และการจัดวันเกิดไม่ดีมาก เพราะดิฉันคิดมาเสมอว่า ใกล้ถึงวันเกิดแล้วต้องจัดงานวันเกิด

พอได้ฟังอาจารย์พงศ์ศักดิ์แล้ว การจัดงานวันเกิดเหมือนประจานตนว่า แม่ที่ให้กำเนิดในวันนี้ เกือบตายเพราะมัวแต่มาจัดงานไม่สนใจไยดีแม่เลย

ดิฉันเคยพูดไม่ดีกับพ่อแม่ ก็จะปรับปรุงตนเอง ตั้งใจเรียนหนังสือ ไม่ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจ ดิฉันช่วยพ่อแม่ที่อยู่ทางบ้าน

หลังจากที่ได้ชมวีดิทัศน์นี้ด้วยการไปขายของแบ่งเบาภาระพ่อแม่ที่งานพืชสวนโลก จากที่ไม่เคยทำงานพิเศษมาก่อนเลย ก็หันมาช่วยทางบ้านได้มากขึ้น อาจารย์ ..(ผมเอง).. ได้พูดตอนดูวีดิทัศน์จบว่า "จะทำอะไรก็รีบทำก่อนที่จะไม่ได้ทำ"

ดิฉันจึงนำคำพูดที่อาจารย์พูดมาใช้ในวันพ่อที่ผ่านมา ส่วนที่สูงที่สุดของลูกเมื่อได้แตะส่วนที่ต่ำของพ่อหรือแม่จะได้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ดิฉันก็เลยไปกราบเท้าพ่อแบบที่อายก็อายมาก เพราะไม่เคยทำมาก่อน เพราะพอถึงวันพ่อหรือวันแม่ก็จะซื้อของให้ท่าน แต่วันพ่อที่ผ่านมากราบเท้าพ่อ พ่อร้องไห้ เพราะลูกไม่เคยทำมาก่อนจนพูดไม่ออก แต่พอได้กราบเท้าแล้วดิฉันรู้สึกดีมาก

ดิฉันบอกพ่อว่า ทุก ๆ ปีจะมากราบเท้าพ่อนะ ภาพในวันนั้นเป็นภาพที่ประทับใจมากในชีวิต และได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ทั้ง ๆ ที่มันเป็นสิ่งที่ดีต้องให้คนอื่นมาก่อน ดิฉันถึงจะทำ ดิฉันจะทำความดีต่อแบบนี้เรื่อย ๆ เพราะเมื่อตายไป ความดีจะติดตัวเราไปเสมอ ถึงจะมีเงินทองก็จะเอาไปไม่ได้

 

 

 

และคำตอบต่อไปนี้ เป็นคำตอบที่ได้จากข้อสอบปลายภาค (ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) นี้เอง

 

 

 

๓.

 

จะทำอะไรก็รีบทำตอนคนที่เรารักมีชีวิตอยู่

 

จากเมื่อก่อน หนูจัดงานวันเกิดทุกปี และไม่ได้จัดกับพ่อแม่ด้วย แต่จะไปจัดกับเพื่อน ๆ แต่พอดีหนูได้มาเรียนวิชานี้ อาจารย์ได้นำวีดิทัศน์เกี่ยวกับแม่ ที่แม่คลอดเรามา และการจัดงานวันเกิดก็คล้ายวันตายแม่ มันทำให้ความคิดของหนูเปลี่ยนไปเลย หนูไม่จัดงานวันเกิด และหนูยังไปทำบุญวันเกิดกับแม่หนูด้วย และหนูไม่เคยกราบเท้าพ่อกับแม่เลย แต่พออาจารย์ บอกว่า เราควรจะทำอะไรที่ไม่เคยทำตอนที่คน ๆ นั้นยังมีชีวิตอยู่ พอหนูได้กลับบ้าน หนูก็กลับไปกราบเท้าพ่อกับแม่เลย

 

 

 

๔.

 

กราบเท้าพ่อแม่ตามที่อาจารย์แนะนำ

 

ทัศนคติของตัวเองที่เปลี่ยนไป หลังจากเรียนวิชานี้แล้ว ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าที่เป็นคนไม่ค่อยแสดงความรักที่มีต่อพ่อแม่ก็ทำให้เกิดความคิดใหม่ที่ควรจะปฏิบัติตัวใหม่ ซึ่งตอนนี้ข้าพเจ้าได้รู้ซึ้งถึงบุญคุณพ่อแม่จึงได้มีโอกาสกลับบ้านแล้วทำหน้าที่ของลูกคือ กราบเท้าพ่อและแม่ตามที่อาจารย์ได้แนะนำ ข้าพเจ้ารู้สึกตื้นเต้นและอายในการทำครั้งแรก

แต่ปัจจุบันถ้าข้าพเจ้ากลับบ้านไปถึง ข้าพเจ้าจะกราบเท้าท่านเสมอ จึงทำให้ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้สึกไปตื้นเต้นและทำด้วยความรักและรู้สึกถึงบุญคุณพ่อแม่ที่มีต่อข้าพเจ้า สิ่งที่ข้าพเจ้าทำนั้นเป็นเพียงสิ่งน้อยนิดที่ทำตอบแทนท่าน แต่ข้าพเจ้าก็มีความตั้งใจว่า ข้าพเจ้าจะทำตัวให้เป็นที่รักโดยการตั้งใจเรียน มีอาชีพที่มั่นคง เพื่อเลี้ยงท่าน รักท่าน ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ด้วยวิธีนี้

 

 

 

๕.

 

วันนี้ฉันทำได้

 

เนื่องจาก ฉันเป็นลูกที่ไม่เคยไหว้พ่อและแม่ก่อนออกจากบ้าน และก่อนเข้าบ้านเลย มานานเป็นเวลา ๑๘ ปีกว่า ๆ จากการมาเรียนครูในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ทางคณะและสาขาเองได้สอนการเคารพ ฉันจึงมีความรู้สึกอยากไหว้พ่อแม่ทุกครั้งและหลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉันได้แสดงการไหว้พ่อกับแม่มาโดยตลอด

วันหนึ่ง ฉันได้ชมวีดิทัศน์ในการเรียนวิชาสังเกตการสอน ทำให้ฉันมีความต้องการแสดงความรักให้พ่อกับแม่มากกว่าเดิม เดิมไม่เคยกอดพ่อกับแม่ แต่มาวันนี้ฉันทำได้ เดิมไม่เคยหอมแก้มพ่อกับแม่ มาในวันนี้ฉันทำได้

ฉันอยากขอบคุณอาจารย์ผู้สอน ถ้าไม่มีวีดิทัศน์ในวันนั้น ฉันคงไม่กล้าแสดงความรักให้พ่อกับแม่เหมือนในวันนี้

ขอขอบคุณค่ะ

 

...........................................................................................................................................

 

ลูกศิษย์ ๕ คนนี้ เรียนคนละวิชา แต่เรียนกับครูคนเดียวกัน และมีกระบวนการนี้สอดแทรกเช่นกัน คำตอบที่ออกมาก็ต่างกรรมต่างวาระต่างเวลากัน

คนที่ ๑ และ ๒ เขียนคำตอบลงกระดาษหลังจากเวลาผ่านไป ๓ สัปดาห์

ส่วน คนที่ ๓ ถึง ๕ เขียนหลังจากเวลาผ่านไป ๓ เดือน

แต่คำตอบยังเป็นความรู้สึกเดียวกัน คือ ความเปลี่ยนแปลงในวิธีคิดของตัวเองที่มีต่อการปฏิบัติต่อคุณพ่อคุณแม่ของเขาที่ดีขึ้น

 

บางทีก็งงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนกันว่า ผมไปทำอะไรมา ผมไปสอนอะไรเขา เขาถึงได้เปลี่ยนมากมายขนาดนี้

๕ คนนี้เป็นเพียงตัวอย่าง แต่อยากบอกแบบนี้ครับ หากคิดเปอร์เซ็นต์ ๙๙ เปอร์เซ็นต์คือ เปลี่ยนอย่างแน่นอน ส่วนอีก ๑ เปอร์เซ็นต์ คือ ปฏิบัติอยู่แล้ว หรือไม่ก็เป็นพวกบัวใต้เลน แบบนี้ก็มีครับ แต่น้อยมาก ห้องละคน สองคน

 

เมื่อคำสอนเป็นสัจธรรม ผู้นำไปใช้เขาจะใช้วิจารณญาณเองว่า เขาควรเชื่อและปฏิบัติตามหรือไม่ ไม่มีใครบังคับใครให้ทำตามสิ่งที่ครูสอนอย่างแน่นอนครับ หากไม่เข้าใจ และก็จะไม่เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวของเขาเอง

น่าปลื้มใจแทนพ่อแม่เขาไม่น้อยใช่ไหมครับ ;)...

 

ผลที่เป็นแบบนี้ จะเป็นแบบนี้ทุกวิชาที่ผมสอน และจะเป็นแบบนี้ตราบที่ผมยังเป็น "ครู" อยู่ครับ ... ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับที่จะเปลี่ยนใจเด็กวัยรุ่นได้ง่าย ๆ แล้วให้เขากลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็น

 

คำหมั่นไส้ตกอยู่กับผมเยอะจากคนใกล้ตัวว่า ...

* ผมสอนเกินคำอธิบายรายวิชา

* ผมสอนอะไรกันหนักกันหนา ปล่อย ๆ ไปมั้งก็ได้

* ผมตรวจงานอะไรกันหนักกันหนา ทีหลังก็สั่งงานน้อย ๆ

 

แต่คุณทราบไหม ...

ผลที่เกิดขึ้นในบันทึกนี้ต่างหากที่ทำให้ผมยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้เขาได้เปลี่ยนตัวเอง

คนที่ปรามาส หรือไ่ม่ใส่ในหัวใจเด็กเหล่านี้ คงไม่เคยได้ิลิ้มรสความสุขแบบนี้หรอก

 

 

ก็บอกแล้วว่า

 

"มันได้ผล !"

 

 

ยังมีผลที่น่าวิเคราะห์มากมายที่เกิดจากกระบวนการสอนแบบนี้ แล้วผมนึกได้ ผมจะมาเล่าให้ฟังนะครับ

 

ขอบคุณทุกท่านที่เสียเวลาเข้ามาอ่าน

 

บุญรักษา นะครับ ;)...

 

...........................................................................................................................................

หมายเลขบันทึก: 479809เขียนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2012 01:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 08:09 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

We should have another "hot topic" like "HA" the one we are running at the moment.

I am thinking of "HH" for "happy Home" (let's "act" it) or "Healthy Home" (sounds 'commercial').

This a problem -- we don't know what to call "the way to make life happy" ;-) and full :-) :-)

wow! ชอบจังค่ะ HH: Happy & Healthy Home ของคุณ sr

เพราะความสุขในครอบครัว คือรากฐาน ขยายต่อไป มิสิ้นสุด

ขอนำเสนอของปูบ้าง LA: Love Always, Love for All :)

มิใช่ด้วย รัก หรือ เราจึงทุกสิ่งอย่างด้วย ด้วยเต็มใจ และสุขใจ

.. คงตอบโจทย์ คำหมั่นไส้ เหล่านั้นได้ ส่งกำลังใจเน่อ ครูเงา ฮา

 

ความสุขพองในอก

เบิกบานอย่างเงื่อนไขบางเบา

ปล่อยวางเปี่ยมเมตตา

ค่ะ คนเป็นครู อาจารย์ มีส่วนช่วยในการบอกศิษย์ ได้อย่างดีทีเดียวค่ะ เพราะเด็กไม่เหมือนกันทุกคน บางคนเกิดมาจากครอบครัวที่อบอุ่น ก็สามารถทำได้โดยไม่ขัดเขิน แต่บางคนเกิดมาครอบครัวอบอุ่นก็จริง แต่พ่อแม่ไม่ค่อยได้บอก ได้สอน (อาจด้วยเหตุผลอื่น ๆ) จึงทำให้เด็ก ๆ ไม่ค่อยได้ทำ ถ้าครู อาจารย์มีส่วนช่วยในตอนนี้ ดีมาก ๆ ค่ะ อาจารย์ได้ช่วยสังคมในภาพรวม สังคมจะดีได้ ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันค่ะ ทำหรือไม่ทำก็ขึ้นอยู่กับตัวของเด็กแล้วละคะ...แต่ถ้าเขายังมีจิตสำนึกที่ดีต่อความกตัญญู พี่เชื่อค่ะว่า เด็กคนนั้นเขาต้องทำ เพราะในส่วนลึก ๆ เขาก็รัก พ่อ - แม่ เหมือนกันค่ะ เพียงแต่ไม่เคยทำ ก็จะรู้สึกเคอะ ๆ เขิน ๆ ไงค่ะ หากลองทำ เขาก็ทำได้ค่ะ ช่วยกันนะคะสังคมไทยจะได้ดีขึ้น แม้เป็นเสียงไม่มาก แต่เราก็ได้ลองทำแล้ว คิดว่าข้างหน้าสังคมไทยก็จะดีขึ้นเอง ถ้าพวกเราร่วมมือกันทำค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ...

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ คุณ sr ;)...

แน่นอนครับ คุณ Poo ... ครอบครัวคือเบ้าหลอมของเด็กจริง ๆ

ขอบคุณมากครับ ;)...

"ปล่อยวางด้วยเมตตา จึงควรค่าแก่ความดี"

ขอบคุณมากครับ คุณหมอ ทพญ.ธิรัมภา ;)...

ขอบคุณมากครับ พี่ บุษยมาศ ;)...

ด้วยความไ่ม่เหมือนกันนี่แหละครับ ที่ทำให้ต้องสอนให้เขาได้ไปทดลองด้วยเอง

ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

"... บางทีอาจจะไม่มีพ่อที่ดีที่สุด แต่มีพ่อที่รักคุณมากที่สุด ..."

ชอบจังค่ะ อ่านเรื่องเล่ารายวิชานี้แล้วชักอยากลงทะเบียนเรียนกับอาจารย์ค่ะ อยากกลับไปเป็นนักเรียนศึกษาอีกครั้ง เพราะตอนนั้นยังมีเวลาทำในสิ่งที่น้องๆ ทำกัน แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว...

ผู้ชายที่รักหนูคนเดียว และไม่คิดที่จะนอกใจนั้นก็คือ พ่อของหนูเองค่ะ

รักพ่อที่สุดในโลก  ค่ะอาจารย์เทวดา

เรื่องเล่าที่น่าปลื้มใจมีมากมายจริง ๆ ครับ อาจารย์ Ico48 ...ปริม ทัดบุปผา... ;)...

บางทีเขียนเป็นหนังสือทำมือสักเล่ม อาจจะดีกว่าเป็นงานวิจัยก็ได้นะครับ

ในความเป็นจริง มีนักศึกษาร้อยละ ๕ เท่านั้นครับอาจารย์ที่เรียนกับผม และก็ไม่ได้แปลว่า อยากเรียนด้วยนะครับ สถานการณ์บังคับบ้าง ติดเงื่อนไขต่าง ๆ บ้าง น้อยนักที่มีคนเดินมาบอกผมว่า อาจารย์ค่ะ หนูตั้งใจจะมาเรียนวิชาของครู

ให้อาจารย์ ...ปริม ทัดบุปผา... คิดใหม่อีกรอบครับ ;)...

ขอเป็นผมด้วยสิ นางฟ้า ชาดา ;)...

ขอบคุณมาก ๆ ครับ

สวัสดีค่ะ
  • อ่านแล้วคิดถึงพ่อแม่จังเลยค่ะ
  • ตอนท่านมีชีวิตอยู่ กลับบ้านทีไรก้กอด และหอมแก้มนุ้ม ๆ ของพ่อ เสมอ
  • กระทั่งวันที่ท่านเสียชีวิต
  • ตอนนี้ทั้งสองท่านเสียชีวิตไปแล้ว
  • คุณพ่อเสียปลายปี 53 คุณแม่ เสีย เมื่อ 24 มกราคม ที่ผ่านมา
  • ยังรู้สึกเสียใจ กอดแม่ หอมแก้มแม่ น้อยกว่าพ่อ
  • อยากบอกว่า "จงตั้งใจว่าง" ไปเยี่ยมพ่อแม่ ดูแลพ่อแม่ตอนท่านมีชีวิตอยู่นะคะ
  • ขอบพระคุณบันทึกงดงามเช่นนี้ค่ะ

 

สวัสดีครับ

                  

               กอดพ่อแม่แลเห็นเป็นความสุข

               ช่วยปลอบปลุกแสดงเห็นเป็นหลักฐาน

               สื่อความรักฝังใจไปยาวนาน

               นับเป็นการกตัญญูผู้เกิดเรา

               

ขอบคุณท่านอาจารย์ ธนา นนทพุทธ มาก ๆ ครับ ;)...

อาจารย์ของหนูคนนี้ ไม่ได้สอนเฉพาะความรู้ในตำราเท่านั้นค่ะ

สอนทักษะชีวิตให้ด้วยเสมอ อยู่ที่ว่าลูกศิษย์ของอาจารย์

จะสนใจและนำมาใส่ใจมากน้อยแค่ไหน...แต่ทุกคำสอนของอาจารย์

ล้วนแล้วแต่จะช่วยทำให้ลูกศิษย์เป็นคนดี (หากเขาเลือกจะทำและเป็น)

ไม่ว่าใครจะสบประมาทอย่างไร ขอให้อาจารย์อย่าไปสนใจค่ะ

หนูมีวันนี้ได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะคำสอนของอาจารย์ค่ะ

โห จริงหรือครับนี่ ดอกหญ้าน้ำ ;)...

ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีนะครับ ที่ครูมี "ลูกศิษย์" ดี ๆ ๑ คนเลยนะ

สามารถเรียก ดอกหญ้าน้ำ ว่า ลูกศิษย์หมายเลข ๑ ได้ครับ

เพราะเป็นคนแรกที่ครูสอนด้วยความตั้งใจ เมื่อตอนหนุ่ม ๆ ;)...

ขอบใจมากจ้า

ลูกศิษย์หมายเลข ๑ เลยเหรอค่ะอาจารย์

ขอบคุณค่ะ

ถูกต้องนะคร้าบ ... ดอกหญ้าน้ำ ;)...

จำได้ว่า นอกเวลาเรียนก็จะมี ดอกหญ้าน้ำ คนเดียวที่เข้ามาช่วยครูทำโน้นทำนี่ และยังได้พูดคุยกันในเรื่องราวของอดีต ปัจจุบัน อนาคต ต่าง ๆ มากมาย

จนกระทั่ง ดอกหญ้าน้ำ ได้มีงานมีการทำในปัจจุบันไงครับ ;)...

จำได้ว่า สอนไปเยอะแยะมากมายเลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท