ช่วงนี้ก็นั่งอ่านคำตอบจากข้อสอบปลายภาค แล้วให้คะแนนไปเรื่อย ๆ เป็นการให้คะแนนตามเป้าประสงค์ที่วางไ้ว้ตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนในรายวิชาต่าง ๆ ตั้งใจว่าจะวิเคราะห์อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงประเด็นหนึ่งที่เด็ก ๆ เขียนตอบมา ซึ่งอ่านแล้วก็ประทับใจ กึ่งประหลาดใจที่กระบวนการสอนที่ผมวางไว้มันทำให้พวกเขาคิดได้ คิดเป็น เปลี่ยนวิธีคิดจากสิ่งที่ไม่เคยทำ สิ่งที่ไม่คุ้นเคย กลับมาลองทำตามสิ่งที่เขาได้ฟัง ได้เห็น ได้สัมผัสทั้งจากสื่อที่ผมนำมาใช้ รวมถึงผลจากการรับฟังในสิ่งที่ผมเน้นย้ำเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของ "ความกตัญญู"
วีดิทัศน์ที่ใช้ คือ การสัมภาษณ์พันเอกนายแพทย์พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา จากรายการตีสิบ และ การสรุปจากผม ซึ่งเป็นครูผู้สอนของเขา
สถานการณ์ที่เลือกใช้ คือ เปิดก่อนวันพ่อไม่กี่วัน
ใครกลับบ้านพอดี ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ทำดีกับพ่อแม่ของเขา
ใครไม่ได้คิดกลับบ้าน ก็อยากกลับบ้านขึ้นมาทันที
ผมสอนเขาว่า ...
ผมจะขอยกตัวอย่างข้อเขียนที่เป็นคำตอบจากลูกศิษย์มานำเสนอนะครับ
คำตอบต่อไปนี้ เป็นคำตอบที่ได้จากข้อสอบกลางภาค (ปลายเดือนธันวาคม ๒๕๕๔)
การได้ดูวีดิทัศน์ดังกล่าว หนูคิดว่า เป็นสิ่งที่ดีนะคะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้เงินฟุ่มเฟือย คนที่ไม่รู้จักพอในการใช้ชีวิต หนูยังอยากเอาไปให้หลานหนูดูมากเลยคะ ไม่รู้ว่าถ้าให้หลานดูแล้ว เขาจะเปลี่ยนนิสัยไหม เพราะทุกวันนี้นะคะ พ่อกับแม่ของแกเป็นทุกข์มากเลย เขาเป็นเด็กอยู่ชั้น ม.๑ แต่เขาติดยา เรียนหนังสือก็ไม่เรียน วัน ๆ ก็ขอเงินแม่ใช้ ก็ด้วยความที่เป็นแม่นะคะ ลูกอยากได้อะไรก็ให้หมด นี่แหละนะคะความเป็นแม่
แต่แม่โชคดีนะคะที่มีหนู เพราะหนูเป็นเด็กไม่เกเร เชื่อฟังพ่อแม่ แต่หนูมีข้อเสียอยู่อย่างเดียวที่แก้ไม่ได้ คือ หนูเป็นคนพูดไม่เพราะ ไม่ใช่ว่าขึ้นเิมิงขึ้นกรูนะคะ แค่หนูไม่ชอบพูดคะ กับแม่ และหนูไม่ชอบบอกว่ารักพ่อ รักแม่นะคะ หนูไม่เคยพูดน่ะ
แต่หลังจากที่หนูดูวีดิทัศน์ดังกล่าว ทำให้หนูเริ่มพูดคะกับพ่อกับแม่ เริ่มกอด หอมแก้ม แม่ซึ่งหนูไม่ค่อยทำเลย นานครั้งจะทำดี แต่วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันพ่อ หนูกะจะบอกรักพ่อ และจะไปกราบพ่อในวันพ่อ และพ่อก็ให้สัญญาว่า จะพาไปกินหมูกะทะ แต่พ่อกลับไปเข้าบ่อนเล่นการพนัน กลับบ้านดึกมาก ทำให้หนูโกรธมาก หนูก็เลยไม่ได้ทำอย่างที่หนูพูด
แต่วันจะกลับหอ หนูก็เข้าไปกอดพ่ออยู่นะคะ
แต่หนูยังคิดว่าที่สุดแล้ว ผู้ชายที่รักหนูคนเดียว
และไม่คิดที่จะนอกใจนั้นก็คือ พ่อของหนูเองค่ะ
ผมเขียนปิดท้ายเอาไว้ใต้คำตอบว่า ...
"... บางทีอาจจะไม่มีพ่อที่ดีที่สุด แต่มีพ่อที่รักคุณมากที่สุด ..."
"... การให้อภัยเป็นทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ..."
จากการได้ดูวีดิทัศน์การสัมภาษณ์ พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา ทำให้ฉันได้เปลี่ยนวิธีคิดในการใช้ชีวิตในทุก ๆ วันว่า เหล้าไม่ดีต่อสุขภาพ ทำให้สมองฝ่อเร็ว ทำให้เสียอนาคต และการจัดวันเกิดไม่ดีมาก เพราะดิฉันคิดมาเสมอว่า ใกล้ถึงวันเกิดแล้วต้องจัดงานวันเกิด
พอได้ฟังอาจารย์พงศ์ศักดิ์แล้ว การจัดงานวันเกิดเหมือนประจานตนว่า แม่ที่ให้กำเนิดในวันนี้ เกือบตายเพราะมัวแต่มาจัดงานไม่สนใจไยดีแม่เลย
ดิฉันเคยพูดไม่ดีกับพ่อแม่ ก็จะปรับปรุงตนเอง ตั้งใจเรียนหนังสือ ไม่ทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจ ดิฉันช่วยพ่อแม่ที่อยู่ทางบ้าน
หลังจากที่ได้ชมวีดิทัศน์นี้ด้วยการไปขายของแบ่งเบาภาระพ่อแม่ที่งานพืชสวนโลก จากที่ไม่เคยทำงานพิเศษมาก่อนเลย ก็หันมาช่วยทางบ้านได้มากขึ้น อาจารย์ ..(ผมเอง).. ได้พูดตอนดูวีดิทัศน์จบว่า "จะทำอะไรก็รีบทำก่อนที่จะไม่ได้ทำ"
ดิฉันจึงนำคำพูดที่อาจารย์พูดมาใช้ในวันพ่อที่ผ่านมา ส่วนที่สูงที่สุดของลูกเมื่อได้แตะส่วนที่ต่ำของพ่อหรือแม่จะได้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ดิฉันก็เลยไปกราบเท้าพ่อแบบที่อายก็อายมาก เพราะไม่เคยทำมาก่อน เพราะพอถึงวันพ่อหรือวันแม่ก็จะซื้อของให้ท่าน แต่วันพ่อที่ผ่านมากราบเท้าพ่อ พ่อร้องไห้ เพราะลูกไม่เคยทำมาก่อนจนพูดไม่ออก แต่พอได้กราบเท้าแล้วดิฉันรู้สึกดีมาก
ดิฉันบอกพ่อว่า ทุก ๆ ปีจะมากราบเท้าพ่อนะ ภาพในวันนั้นเป็นภาพที่ประทับใจมากในชีวิต และได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ทั้ง ๆ ที่มันเป็นสิ่งที่ดีต้องให้คนอื่นมาก่อน ดิฉันถึงจะทำ ดิฉันจะทำความดีต่อแบบนี้เรื่อย ๆ เพราะเมื่อตายไป ความดีจะติดตัวเราไปเสมอ ถึงจะมีเงินทองก็จะเอาไปไม่ได้
และคำตอบต่อไปนี้ เป็นคำตอบที่ได้จากข้อสอบปลายภาค (ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) นี้เอง
จากเมื่อก่อน หนูจัดงานวันเกิดทุกปี และไม่ได้จัดกับพ่อแม่ด้วย แต่จะไปจัดกับเพื่อน ๆ แต่พอดีหนูได้มาเรียนวิชานี้ อาจารย์ได้นำวีดิทัศน์เกี่ยวกับแม่ ที่แม่คลอดเรามา และการจัดงานวันเกิดก็คล้ายวันตายแม่ มันทำให้ความคิดของหนูเปลี่ยนไปเลย หนูไม่จัดงานวันเกิด และหนูยังไปทำบุญวันเกิดกับแม่หนูด้วย และหนูไม่เคยกราบเท้าพ่อกับแม่เลย แต่พออาจารย์ บอกว่า เราควรจะทำอะไรที่ไม่เคยทำตอนที่คน ๆ นั้นยังมีชีวิตอยู่ พอหนูได้กลับบ้าน หนูก็กลับไปกราบเท้าพ่อกับแม่เลย
ทัศนคติของตัวเองที่เปลี่ยนไป หลังจากเรียนวิชานี้แล้ว ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าที่เป็นคนไม่ค่อยแสดงความรักที่มีต่อพ่อแม่ก็ทำให้เกิดความคิดใหม่ที่ควรจะปฏิบัติตัวใหม่ ซึ่งตอนนี้ข้าพเจ้าได้รู้ซึ้งถึงบุญคุณพ่อแม่จึงได้มีโอกาสกลับบ้านแล้วทำหน้าที่ของลูกคือ กราบเท้าพ่อและแม่ตามที่อาจารย์ได้แนะนำ ข้าพเจ้ารู้สึกตื้นเต้นและอายในการทำครั้งแรก
แต่ปัจจุบันถ้าข้าพเจ้ากลับบ้านไปถึง ข้าพเจ้าจะกราบเท้าท่านเสมอ
จึงทำให้ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้สึกไปตื้นเต้นและทำด้วยความรักและรู้สึกถึงบุญคุณพ่อแม่ที่มีต่อข้าพเจ้า
สิ่งที่ข้าพเจ้าทำนั้นเป็นเพียงสิ่งน้อยนิดที่ทำตอบแทนท่าน
แต่ข้าพเจ้าก็มีความตั้งใจว่า
ข้าพเจ้าจะทำตัวให้เป็นที่รักโดยการตั้งใจเรียน มีอาชีพที่มั่นคง
เพื่อเลี้ยงท่าน รักท่าน ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ด้วยวิธีนี้
เนื่องจาก ฉันเป็นลูกที่ไม่เคยไหว้พ่อและแม่ก่อนออกจากบ้าน
และก่อนเข้าบ้านเลย มานานเป็นเวลา ๑๘ ปีกว่า ๆ
จากการมาเรียนครูในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ทางคณะและสาขาเองได้สอนการเคารพ
ฉันจึงมีความรู้สึกอยากไหว้พ่อแม่ทุกครั้งและหลังจากนั้นเป็นต้นมา
ฉันได้แสดงการไหว้พ่อกับแม่มาโดยตลอด
วันหนึ่ง ฉันได้ชมวีดิทัศน์ในการเรียนวิชาสังเกตการสอน
ทำให้ฉันมีความต้องการแสดงความรักให้พ่อกับแม่มากกว่าเดิม
เดิมไม่เคยกอดพ่อกับแม่
แต่มาวันนี้ฉันทำได้ เดิมไม่เคยหอมแก้มพ่อกับแม่
มาในวันนี้ฉันทำได้
ฉันอยากขอบคุณอาจารย์ผู้สอน ถ้าไม่มีวีดิทัศน์ในวันนั้น
ฉันคงไม่กล้าแสดงความรักให้พ่อกับแม่เหมือนในวันนี้
ขอขอบคุณค่ะ
...........................................................................................................................................
ลูกศิษย์ ๕ คนนี้ เรียนคนละวิชา แต่เรียนกับครูคนเดียวกัน และมีกระบวนการนี้สอดแทรกเช่นกัน คำตอบที่ออกมาก็ต่างกรรมต่างวาระต่างเวลากัน
คนที่ ๑ และ ๒ เขียนคำตอบลงกระดาษหลังจากเวลาผ่านไป ๓ สัปดาห์
ส่วน คนที่ ๓ ถึง ๕ เขียนหลังจากเวลาผ่านไป ๓ เดือน
แต่คำตอบยังเป็นความรู้สึกเดียวกัน คือ ความเปลี่ยนแปลงในวิธีคิดของตัวเองที่มีต่อการปฏิบัติต่อคุณพ่อคุณแม่ของเขาที่ดีขึ้น
บางทีก็งงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนกันว่า ผมไปทำอะไรมา ผมไปสอนอะไรเขา เขาถึงได้เปลี่ยนมากมายขนาดนี้
๕ คนนี้เป็นเพียงตัวอย่าง แต่อยากบอกแบบนี้ครับ
หากคิดเปอร์เซ็นต์ ๙๙ เปอร์เซ็นต์คือ
เปลี่ยนอย่างแน่นอน ส่วนอีก ๑ เปอร์เซ็นต์ คือ ปฏิบัติอยู่แล้ว
หรือไม่ก็เป็นพวกบัวใต้เลน แบบนี้ก็มีครับ แต่น้อยมาก ห้องละคน
สองคน
เมื่อคำสอนเป็นสัจธรรม ผู้นำไปใช้เขาจะใช้วิจารณญาณเองว่า เขาควรเชื่อและปฏิบัติตามหรือไม่ ไม่มีใครบังคับใครให้ทำตามสิ่งที่ครูสอนอย่างแน่นอนครับ หากไม่เข้าใจ และก็จะไม่เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวของเขาเอง
น่าปลื้มใจแทนพ่อแม่เขาไม่น้อยใช่ไหมครับ ;)...
ผลที่เป็นแบบนี้ จะเป็นแบบนี้ทุกวิชาที่ผมสอน และจะเป็นแบบนี้ตราบที่ผมยังเป็น "ครู" อยู่ครับ ... ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับที่จะเปลี่ยนใจเด็กวัยรุ่นได้ง่าย ๆ แล้วให้เขากลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็น
คำหมั่นไส้ตกอยู่กับผมเยอะจากคนใกล้ตัวว่า ...
* ผมสอนเกินคำอธิบายรายวิชา
* ผมสอนอะไรกันหนักกันหนา ปล่อย ๆ ไปมั้งก็ได้
* ผมตรวจงานอะไรกันหนักกันหนา ทีหลังก็สั่งงานน้อย ๆ
แต่คุณทราบไหม ...
ผลที่เกิดขึ้นในบันทึกนี้ต่างหากที่ทำให้ผมยอมทำทุกอย่าง เพื่อให้เขาได้เปลี่ยนตัวเอง
คนที่ปรามาส หรือไ่ม่ใส่ในหัวใจเด็กเหล่านี้ คงไม่เคยได้ิลิ้มรสความสุขแบบนี้หรอก
ก็บอกแล้วว่า
ยังมีผลที่น่าวิเคราะห์มากมายที่เกิดจากกระบวนการสอนแบบนี้ แล้วผมนึกได้ ผมจะมาเล่าให้ฟังนะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เสียเวลาเข้ามาอ่าน
บุญรักษา นะครับ ;)...
...........................................................................................................................................
We should have another "hot topic" like "HA" the one we are running at the moment.
I am thinking of "HH" for "happy Home" (let's "act" it) or "Healthy Home" (sounds 'commercial').
This a problem -- we don't know what to call "the way to make life happy" ;-) and full :-) :-)
wow! ชอบจังค่ะ HH: Happy & Healthy Home ของคุณ sr
เพราะความสุขในครอบครัว คือรากฐาน ขยายต่อไป มิสิ้นสุด
ขอนำเสนอของปูบ้าง LA: Love Always, Love for All :)
มิใช่ด้วย รัก หรือ เราจึงทุกสิ่งอย่างด้วย ด้วยเต็มใจ และสุขใจ
.. คงตอบโจทย์ คำหมั่นไส้ เหล่านั้นได้ ส่งกำลังใจเน่อ ครูเงา ฮา
ความสุขพองในอก
เบิกบานอย่างเงื่อนไขบางเบา
ปล่อยวางเปี่ยมเมตตา
ค่ะ คนเป็นครู อาจารย์ มีส่วนช่วยในการบอกศิษย์ ได้อย่างดีทีเดียวค่ะ เพราะเด็กไม่เหมือนกันทุกคน บางคนเกิดมาจากครอบครัวที่อบอุ่น ก็สามารถทำได้โดยไม่ขัดเขิน แต่บางคนเกิดมาครอบครัวอบอุ่นก็จริง แต่พ่อแม่ไม่ค่อยได้บอก ได้สอน (อาจด้วยเหตุผลอื่น ๆ) จึงทำให้เด็ก ๆ ไม่ค่อยได้ทำ ถ้าครู อาจารย์มีส่วนช่วยในตอนนี้ ดีมาก ๆ ค่ะ อาจารย์ได้ช่วยสังคมในภาพรวม สังคมจะดีได้ ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันค่ะ ทำหรือไม่ทำก็ขึ้นอยู่กับตัวของเด็กแล้วละคะ...แต่ถ้าเขายังมีจิตสำนึกที่ดีต่อความกตัญญู พี่เชื่อค่ะว่า เด็กคนนั้นเขาต้องทำ เพราะในส่วนลึก ๆ เขาก็รัก พ่อ - แม่ เหมือนกันค่ะ เพียงแต่ไม่เคยทำ ก็จะรู้สึกเคอะ ๆ เขิน ๆ ไงค่ะ หากลองทำ เขาก็ทำได้ค่ะ ช่วยกันนะคะสังคมไทยจะได้ดีขึ้น แม้เป็นเสียงไม่มาก แต่เราก็ได้ลองทำแล้ว คิดว่าข้างหน้าสังคมไทยก็จะดีขึ้นเอง ถ้าพวกเราร่วมมือกันทำค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ...
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ คุณ sr ;)...
แน่นอนครับ คุณ Poo ... ครอบครัวคือเบ้าหลอมของเด็กจริง ๆ
ขอบคุณมากครับ ;)...
"ปล่อยวางด้วยเมตตา จึงควรค่าแก่ความดี"
ขอบคุณมากครับ คุณหมอ ทพญ.ธิรัมภา ;)...
ขอบคุณมากครับ พี่ บุษยมาศ ;)...
ด้วยความไ่ม่เหมือนกันนี่แหละครับ ที่ทำให้ต้องสอนให้เขาได้ไปทดลองด้วยเอง
ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
"... บางทีอาจจะไม่มีพ่อที่ดีที่สุด แต่มีพ่อที่รักคุณมากที่สุด ..."
ชอบจังค่ะ อ่านเรื่องเล่ารายวิชานี้แล้วชักอยากลงทะเบียนเรียนกับอาจารย์ค่ะ อยากกลับไปเป็นนักเรียนศึกษาอีกครั้ง เพราะตอนนั้นยังมีเวลาทำในสิ่งที่น้องๆ ทำกัน แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว...
ผู้ชายที่รักหนูคนเดียว และไม่คิดที่จะนอกใจนั้นก็คือ พ่อของหนูเองค่ะ
รักพ่อที่สุดในโลก ค่ะอาจารย์เทวดา
เรื่องเล่าที่น่าปลื้มใจมีมากมายจริง ๆ ครับ อาจารย์ ...ปริม ทัดบุปผา... ;)...
บางทีเขียนเป็นหนังสือทำมือสักเล่ม อาจจะดีกว่าเป็นงานวิจัยก็ได้นะครับ
ในความเป็นจริง มีนักศึกษาร้อยละ ๕ เท่านั้นครับอาจารย์ที่เรียนกับผม และก็ไม่ได้แปลว่า อยากเรียนด้วยนะครับ สถานการณ์บังคับบ้าง ติดเงื่อนไขต่าง ๆ บ้าง น้อยนักที่มีคนเดินมาบอกผมว่า อาจารย์ค่ะ หนูตั้งใจจะมาเรียนวิชาของครู
ให้อาจารย์ ...ปริม ทัดบุปผา... คิดใหม่อีกรอบครับ ;)...
ขอเป็นผมด้วยสิ นางฟ้า ชาดา ;)...
ขอบคุณมาก ๆ ครับ
ขอบคุณมากครับ พี่ครู อิงจันทร์ บ้านกลอนไฉไล ;)...
สวัสดีครับ
กอดพ่อแม่แลเห็นเป็นความสุข
ช่วยปลอบปลุกแสดงเห็นเป็นหลักฐาน
สื่อความรักฝังใจไปยาวนาน
นับเป็นการกตัญญูผู้เกิดเรา
ขอบคุณท่านอาจารย์ ธนา นนทพุทธ มาก ๆ ครับ ;)...
อาจารย์ของหนูคนนี้ ไม่ได้สอนเฉพาะความรู้ในตำราเท่านั้นค่ะ
สอนทักษะชีวิตให้ด้วยเสมอ อยู่ที่ว่าลูกศิษย์ของอาจารย์
จะสนใจและนำมาใส่ใจมากน้อยแค่ไหน...แต่ทุกคำสอนของอาจารย์
ล้วนแล้วแต่จะช่วยทำให้ลูกศิษย์เป็นคนดี (หากเขาเลือกจะทำและเป็น)
ไม่ว่าใครจะสบประมาทอย่างไร ขอให้อาจารย์อย่าไปสนใจค่ะ
หนูมีวันนี้ได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะคำสอนของอาจารย์ค่ะ
โห จริงหรือครับนี่ ดอกหญ้าน้ำ ;)...
ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีนะครับ ที่ครูมี "ลูกศิษย์" ดี ๆ ๑ คนเลยนะ
สามารถเรียก ดอกหญ้าน้ำ ว่า ลูกศิษย์หมายเลข ๑ ได้ครับ
เพราะเป็นคนแรกที่ครูสอนด้วยความตั้งใจ เมื่อตอนหนุ่ม ๆ ;)...
ขอบใจมากจ้า
ลูกศิษย์หมายเลข ๑ เลยเหรอค่ะอาจารย์
ขอบคุณค่ะ
ถูกต้องนะคร้าบ ... ดอกหญ้าน้ำ ;)...
จำได้ว่า นอกเวลาเรียนก็จะมี ดอกหญ้าน้ำ คนเดียวที่เข้ามาช่วยครูทำโน้นทำนี่ และยังได้พูดคุยกันในเรื่องราวของอดีต ปัจจุบัน อนาคต ต่าง ๆ มากมาย
จนกระทั่ง ดอกหญ้าน้ำ ได้มีงานมีการทำในปัจจุบันไงครับ ;)...
จำได้ว่า สอนไปเยอะแยะมากมายเลย