ข้อความเบื้องล่างนี้ผมได้รับมาจาก คุณพัฒนศักดิ์ ฮุ่นตระกูล กรรมการมูลนิธิพัฒนาทรัพยกรมนุษย์ระหว่างประเทศ และกรรมการสภาอุตสาหกรรม
การพัฒนาธุรกิจ Hospitality ในภาคบริการท่องเที่ยว...เพื่อก้าวสู่ตลาดอาเซียน AEC
ธุรกิจ Hospitality1
เป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวสอดคล้องกับการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน
ที่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค
ทำให้การท่องเที่ยวได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิต
ทั้งเพื่อการพักผ่อน คลายเครียด เรียนรู้ และเข้าสังคม
ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว หรือกลุ่มธุรกิจ
Hospitality เป็นธุรกิจที่มีความสำคัญ และมีแนวโน้มเติบโตสูง
ปัจจุบันมีหลายประเทศเริ่มให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ต่างพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ใหม่ๆ
รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
เพื่อรองรับกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นภายหลังจากการก้าวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
หรือ AEC อย่างเต็มรูปแบบในปี 2558
อย่างไรก็ตาม
ด้วยความโดดเด่นทางด้านความหลากหลายของสินค้าและสถานที่ท่องเที่ยว
อัธยาศัยไมตรี ความคุ้มค่าเงิน ประกอบกับทำเลที่ตั้ง ของประเทศไทย
และอีกหลายๆปัจจัย ทำให้คาดว่าธุรกิจ Hospitality
ของไทยยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดอาเซียน โดยเฉพาะธุรกิจสปา
แพทย์แผนไทย ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ-เชิงนิเวศน์-เชิงวัฒนธรรม
เป็นต้น
ปัจจัยแวดล้อมภายนอก นโยบายที่เกี่ยวข้องและกฎระเบียบต่างๆ การเมือง ภาวะเศรษฐกิจโลก ข้อตกลงทางการค้าและบริการ ฯลฯ
ปัจจัยสนับสนุน โครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค บริการขนส่ง(ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ) เทคโนโลยี ระบบการเงิน การตลาด การศึกษา สิ่งแวดล้อม สังคม ฯลฯ
ธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว (Hospitality) *โรงแรม/ที่พัก ร้านอาหาร บริการสุขภาพ/การแพทย์ MICE ธุรกิจนำเที่ยว สปา แพทย์แผนไทย ผลิตภัณฑ์สมุนไพร บริการรับ-ส่งนักท่องเที่ยว ธุรกิจจำหน่ายของที่ระลึก ฯลฯ
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC...การปรับตัวของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย
การก้าวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC
อย่างเต็มรูปแบบในปี 2558
ที่มีเป้าหมายเพื่อให้อาเซียนรวมเป็นตลาดเดียวกันและมี
ฐานการผลิตร่วมกัน โดยเปิดเสรีการค้า ภาคบริการ การลงทุน
และการเคลื่อนย้ายแรงงานที่มีทักษะระหว่างกัน
รวมถึงมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างเสรี
ขณะที่การเปิดเสรีภาคบริการท่องเที่ยว ได้แก่ บริการสุขภาพ
และท่องเที่ยว(ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจร้านอาหาร)
ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเร่งรัด
ที่กำหนดยกเลิกเงื่อนไขข้อจำกัดทั้งหมดและขยายเพดานสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนอาเซียนเป็นร้อยละ
70 ตั้งแต่ปี 2553 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยต้อง
เผชิญกับภาวะการแข่งขันที่คาดว่าจะมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นในระยะต่อไป
อันเนื่องมาจากประเทศในกลุ่มอาเซียนต่างก็เริ่มหันมาให้ความสำคัญในการพัฒนาธุรกิจ
Hospitality กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม
เพื่อรองรับกับจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่คาดว่าจะหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวในแถบอาเซียนเพิ่มขึ้น
สอดคล้องกับที่ องค์การการท่องเที่ยวโลก (World Tourism Organization : UNWTO) ได้คาดการณ์ว่า เมื่อถึงปี พ.ศ. 2563 จะมีนักท่องเที่ยว ระหว่างประเทศเกือบ 1,600 ล้านคน โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิคมีแนวโน้มว่าจะเป็นปลายทางยอดนิยมมากขึ้น โดยมีสัดส่วนถึงร้อยละ 25 ของตลาดการท่องเที่ยวทั่วโลก และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาถึง 400 ล้านคน ขณะที่กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่ โดยมีนักท่องเที่ยวเป็น 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค หรือประมาณ 130-140 ล้านคน
ดังนั้น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยจึงต้องมีการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เวลา โดยอาศัยจุดแข็งของไทย ทั้งด้านความหลากหลายทางธรรมชาติ มีมรดกทางวัฒนธรรม มีอุปนิสัยที่เป็นมิตร และรสชาติอาหารที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ในการช่วยสร้างความแตกต่าง ให้กับภาคการท่องเที่ยวของไทย ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพการให้บริการ เพื่อให้ธุรกิจ Hospitality ของไทยสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในระยะยาว
กลยุทธ์สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี...เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
นอกจากการวางแผนดำเนินธุรกิจในขั้นพื้นฐานแล้ว ผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังควรพัฒนากลยุทธ์การตลาด ทั้งในเชิงรับและเชิงรุก เพื่อเสริม ศักยภาพของธุรกิจให้แข็งแกร่ง ท่ามกลางภาวะการแข่งขันของอุตสาหกรรมบริการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
กลยุทธ์เชิงรับ
การรักษาคุณภาพและระดับมาตรฐานในการให้บริการของธุรกิจให้สม่ำเสมอ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า และ กลับมาใช้บริการซ้ำอีกในอนาคต รวมทั้งเกิดการบอกต่อ ซึ่งเป็นอีกช่องทางการตลาดที่ทรงประสิทธิภาพสูง
รักษาตลาดลูกค้าเดิม ภายหลังจากการเปิดเสรี AEC
คาดว่า การแข่งขันของธุรกิจจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น การรักษา
ลูกค้าเดิมไว้นับเป็นสิ่งสำคัญในยุคปัจจุบัน
เนื่องจากโอกาสที่ลูกค้าเก่าจะเพิ่มยอดซื้อในสินค้า/บริการ
ย่อมดีกว่าการที่จะเสียต้นทุนในการค้นหาลูกค้ารายใหม่ ทั้งนี้
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยควรพัฒนาบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เพื่อจูงใจลูกค้าให้ยังคงเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
เรียนรู้คู่แข่ง ผลจากการเปิดเสรี AEC
อาจก่อให้เกิดคู่แข่งใหม่ๆจากในอาเซียน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย
สิงคโปร์ ซึ่งกำลัง
หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง
โดยต่างเปิดตัวสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ
ซึ่งเริ่มเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากขึ้น ดังนั้น
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยจะต้องศึกษาความเคลื่อนไหวของคู่แข่งอยู่ตลอดเวลาว่ามีการพัฒนาบริการด้านไหนบ้าง
โดยไปทดลองใช้บริการ หรือติดตามข่าวสารต่างๆ ทั้งนี้
เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยกลับมาคิดและพัฒนาธุรกิจของตนเอง
สร้างความร่วมมือกันระหว่างผู้ประกอบการไทย
ปัจจุบันภาครัฐของไทยได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ
ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
ให้มีการรวมกลุ่มเป็นพันธมิตรทางการค้าร่วมกัน
เพื่อลดการตัดราคาแข่งขันกันเอง
รวมทั้งเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของผู้ประกอบการไทย
ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม
กลยุทธ์เชิงรุก
พัฒนากลยุทธ์สำหรับการแย่งชิงลูกค้าจากคู่แข่ง
ถ้าผู้ประกอบการต้องการที่จะประคับประคองธุรกิจท่ามกลางความผันแปรของตลาดท่องเที่ยวและปัจจัยรอบด้านต่างๆ
สิ่งหนึ่งที่ควรทำ คือ การขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวาง
และหลากหลายมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง
ซึ่งนั่นหมายถึงการฉกฉวยลูกค้าของคู่แข่งขันในธุรกิจมาให้ได้
โดยนำเสนอบริการที่แตกต่างไปจากคู่แข่ง
และสามารถดึงดูดความสนใจให้ลูกค้าหันมาลองใช้สินค้าและบริการของเราในที่สุด
เร่งทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง
ในภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงผันผวน
ธุรกิจหลายแห่งหันมาตัดงบประมาณทางด้านการ โฆษณาและประชาสัมพันธ์ลง
ซึ่งหากมองในด้านความเป็นจริงแล้ว ช่วงวิกฤติที่ผันผวนเช่นนี้
การตลาดถือเป็นเรื่องที่สำคัญ
เพราะในช่วงที่ลูกค้ากำลังอยู่ระหว่างเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
การซื้อสินค้าและบริการ
ผู้ประกอบการต้องพยายามจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกใช้สินค้าและบริการของตนให้ได้
โดยนำเสนอความคุ้มค่าแก่ลูกค้า
ซึ่งคงเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกด้วยตนเอง
มุ่งประชาสัมพันธ์เจาะกลุ่มตลาดลูกค้าใหม่
เข้าร่วมกิจกรรมกับภาครัฐ ที่ให้การสนับสนุนในการประชาสัมพันธ์
เผยแพร่สินค้าและบริการต่างๆของไทยในตลาดต่างประเทศ อาทิ
การจัดงานแสดงสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Hospitality เช่น
สปา แพทย์แผนไทย และผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ ฯลฯ
ในกลุ่มประเทศเป้าหมาย อาทิ กลุ่มยุโรป อเมริกา เอเชีย
และกลุ่มตะวันออกกลางอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้นานาประเทศได้รู้จักสินค้าและบริการของไทย
โดยเฉพาะกลุ่มตลาดเอเชียซึ่งถือเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญ
ซึ่งคาดว่าภายหลังการก้าวไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC ในปี 2558
อย่างเต็มรูปแบบ จะทำให้ฐานตลาดผู้บริโภคกว้างขึ้น
อีกทั้งยังเอื้อต่อการขยายธุรกิจร่วมกัน
รวมถึงมีการเดินทางระหว่างประเทศที่สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
จึงเป็นโอกาสในการเติบโตสำหรับธุรกิจ Hospitality ด้วยเช่นกัน
นำเสนอบริการในเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Service) เพื่อให้สอดรับกับแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า ซึ่งผู้ประกอบการสามารถชูจุดเด่นของบริการ เพื่อจูงใจกลุ่มผู้ใช้บริการที่ให้ความสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งนับวันจะมีสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้น อาทิ ธุรกิจโรงแรมที่พักที่มีการออกแบบตัวอาคารให้ลดการใช้พลังงาน มีการจัดการทรัพยากรภายในโรงแรมอย่างคุ้มค่า รวมทั้งให้ผู้เข้าพักมีส่วนในการเป็นส่วนหนึ่งในการลด การใช้ทรัพยากร เช่น การให้ผู้เข้าพักเลือกที่จะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนหรือผ้าเช็ดตัวทุกวันหรือไม่? การใช้ขวดแก้วบรรจุน้ำแทนขวดพลาสติกภายในโรงแรม และการให้ผู้เข้าพักปิดแอร์และไฟฟ้าในห้องพัก ขณะที่ออกไปทำกิจกรรมข้างนอกทุกครั้ง เป็นต้น ธุรกิจบริการรับส่งนักท่องเที่ยว อาจใช้พาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงจากธรรมชาติ และปล่อยมลภาวะต่ำ หรือจัดกิจกรรมเที่ยวชมธรรมชาติ ที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับการเดินทางโดยใช้สัตว์ในท้องถิ่นเป็นพาหนะ ธุรกิจจำหน่ายของที่ระลึก ส่งเสริมการผลิตผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้ ซึ่งเป็นการช่วยลดปริมาณขยะ/ของเหลือใช้ในชุมชนได้อีกทางหนึ่ง
SWOT Analysis ของธุรกิจ Hospitality ของไทย จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค ของธุรกิจ Hospitality ของไทย เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในเบื้องต้น ดังนี้
Strengths
ความหลากหลายของสินค้าและสถานที่ท่องเที่ยว
(Verities)
ซึ่งมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นทะเล ภูเขา น้ำตก หรือแม้แต่ศิลป วัฒนธรรม
โบราณสถานของไทย รวมถึงแหล่งช้อปปิ้ง
และบริการด้านสถานบันเทิงต่างๆ
ความคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย
(Value for money)
จากพื้นฐานค่าครองชีพภายในประเทศที่ไม่สูงนัก
ทำให้ราคาสินค้าและบริการ รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ในประเทศอยู่ในระดับที่เหมาะสมแก่นักท่องเที่ยว
การบริการที่เป็นมิตรของคนไทย (Hospitality)
การต้อนรับและให้บริการอย่างมีอัธยาศัย
นับเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรู้สึกประทับใจ
และเดินทางกลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยซ้ำอีก
ระบบการสื่อสาร โทรคมนาคม
สาธารณูปโภค(Infrastructure)
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกัน
ประเทศไทยถือว่ามีความพร้อมและเหมาะสมมากกว่า
Weaknesses
บุคลากรที่เกี่ยวข้องมีทักษะทางด้านภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศที่จำกัด
ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาสำคัญในการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
การควบคุมคุณภาพของบุคลากรในภาคบริการอาจยังไม่ทั่วถึง
ส่งผลให้มาตรฐานในการให้บริการของผู้ประกอบการแต่ละรายอาจไม่สม่ำเสมอ
ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงการให้บริการในภาพรวมของไทย
การบริหารจัดการของภาคธุรกิจบางราย
ยังไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนเท่าที่ควร
ผู้ประกอบการธุรกิจบริการท่องเที่ยวของไทยส่วนใหญ่
ดำเนินธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
จึงอาจเสียเปรียบธุรกิจข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีเงินทุน
และเครือข่ายที่แข็งแกร่งกว่า ดังนั้น
ผู้ประกอบการไทยจึงควรให้ความสำคัญในการขยายเครือข่ายบริการร่วมกัน
ระบบการโครงข่ายการขนส่งภายในประเทศ
ยังขาดการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ
Opportunities
พฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุคใหม่
ที่มุ่งแสวงหาความแปลกใหม่ แตกต่าง มีเอกลักษณ์
ซึ่งเปลี่ยนไปจากในอดีตที่มักเลือกใช้บริการจากธุรกิจที่มีชื่อเสียง
หรือยึดติดในแบรนด์
จึงเป็นผลดีต่อการก้าวเข้าสู่ธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ
และมีไอเดียที่ตอบสนองกลุ่มนักท่องเที่ยวยุคใหม่ได้
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของสื่อออนไลน์
ทั้งการพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และกระแสความนิยมโซเซียลเน็กเวิร์ก
ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
อีกทั้งยังเป็นช่องทางการตลาดที่มีต้นทุนต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับช่องทางอื่น
และยังช่วยเอื้อต่อการสื่อสารระหว่างกันโดยตรงของผู้ประกอบการธุรกิจและกลุ่มลูกค้า
การเปิดเสรี AEC เป็นโอกาสในการขยายธุรกิจ
โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะขยายความร่วมมือทางธุรกิจ
เพื่อสร้าง เครือข่ายการให้บริการที่มีคุณภาพมากขึ้น อาทิ
การเชื่อมโยงเครือข่ายบริการท่องเที่ยวภายในภูมิภาค ฯลฯ
ภาครัฐมีการสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้ธุรกิจ Hospitality มีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก
Threats
ปัญหาทางด้านการเมืองในประเทศ
ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยต้องชะลอตัวในบางช่วงเวลา
การแข่งขันกันตัดราคาของภาคธุรกิจท่องเที่ยว
เพื่อดึงดูดลูกค้า
ทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยอยู่ในสถานะแหล่งท่องเที่ยวราคาถูก
ซึ่งเป็นการยากต่อการปรับเพิ่มราคาขึ้นในอนาคต
ความผันผวนของปัจจัยในตลาดโลก
อาทิ สภาวะเศรษฐกิจ สังคม และความเคลื่อนไหวทางการเมืองในต่างประเทศ
ส่งผลกระทบต่อความผันแปรของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและภาวะโลกร้อน
นับเป็นปัจจัยที่คาดคะเนได้ยาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอาจมีผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว
การพัฒนาธุรกิจบริการท่องเที่ยวของประเทศคู่แข่ง
โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคอาเซียน
ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย
โดยสรุป
การเปิดตลาด AEC
ส่งผลให้ภาคบริการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนมีแนวโน้มแข่งขันสูงขึ้น
โดยเฉพาะจากการคาดการณ์ขององค์การการท่องเที่ยวโลก(UNWTO) ที่ระบุว่า
ในปี พ.ศ. 2563
ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิคจะกลายเป็นจุดหมายยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วโลก
(มีสัดส่วนตลาดเป็น 1 ใน 4 ของตลาดท่องเที่ยวทั่วโลก)
จึงส่งผลให้ภาคธุรกิจบริการจากต่างชาติ
มุ่งขยายการลงทุนเข้ามาในภูมิภาคอาเซียน
เพื่อเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาจำนวนมากนั้น
อีกทั้งประเทศภายในภูมิภาคอาเซียนเอง
ต่างเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวแห่งใหม่
รวมถึงปรับปรุงภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องให้มีความพร้อมมากที่สุด
เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ดังนั้น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย
ควรเร่งพัฒนาคุณภาพการให้บริการ โดยแสวงหาจุดยืนที่แตกต่าง
จากการศึกษาพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เพื่อหาช่องว่างการให้บริการที่รายอื่นยังไม่สามารถตอบสนองได้
รวมถึงรักษาระดับมาตรฐานการให้บริการอย่างดีที่สุด
เนื่องจากพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในปัจจุบันนิยมค้นหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว
และวางแผนการท่องเที่ยวด้วยตนเอง โดยไม่ยึดติดกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียง
หากแต่จะเลือกสรรบริการที่มีเอกลักษณ์ สร้างความประทับใจ
ด้วยระดับราคาที่เหมาะสม รวมถึงชอบที่จะทดลองในสิ่งใหม่ๆ
จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการที่จะขยายส่วนแบ่งในตลาดบริการท่องเที่ยวของไทย
ตลอดจนอาจก้าวเข้าสู่ตลาดอาเซียนได้ในระยะต่อไป
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
1 ธุรกิจ Hospitality หมายถึง ธุรกิจที่มีการให้บริการ
ซึ่งจากเดิมที่การให้บริการเป็นการส่งมอบบริการที่ผู้ซื้อและผู้ขายได้ตกลงไว้และเป็นอันเสร็จสิ้น
(Service) แต่ปัจจุบันการให้บริการ ขยายความไปถึงการส่งมอบ “บริการ”
ด้วยการต้อนรับอย่างมีมิตรไมตรี ที่สร้างความสุข
ความประทับใจให้กับลูกค้าอย่างเอื้อเฟื้อ และมีคุณธรรม (Hospitality)
โดยจะหมายรวมถึงธุรกิจที่ เน้นการให้บริการ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว
การบริการด้านสุขภาพ ร้านอาหารและภัตตาคาร เป็นต้น
แหล่งที่มาของข้อมูล
- กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
- กรมการท่องเที่ยว
- องค์การการท่องเที่ยวโลก World Tourism Organization : (UNWTO)
ผมและเพื่อนๆในวงการธุรกิจโรงแรมรวมตัวกันให้บริการด้านโรงแรม ดังต่อไปนี้
1,รับให้บริการซื้อขายโรงแรมในประเทศไทยที่มีมูลค่าการซื้อขายอย่างต่ำ 500 ล้านบาท
2.รับหาทีมงานบริหารจัดการโรงแรมทั้งหมด หรือบริหารบางส่วน เช่นส่วนการตลาดและการขาย หรือส่วนบริหารจัดการด้านทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น
3.รับเป็นโค้ช หรือที่ปรึกษาให้กับเจ้าของโรงแรม หุ้นส่วน หรือผู้บริหารทุกระดับ
4.รับบริการจัดฝึกอบรมให้กับผู้บริหารและพนักงานโรงแรมเป็นการส่วนตัวที่โรงแรมของผู้รับบริการ
สนใจติดต่อได้ที่ โทรศัพท์ 089-1381950, 02-9546029 หรือ e-mail address: [email protected]
ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท
สวัสดี
คุณเป็นนักธุรกิจหรือหญิง? คุณอยู่ในใด ๆ
ความเครียดทางการเงินหรือไม่หรือคุณต้องการเงินที่จะเริ่มต้นขึ้น
ธุรกิจของคุณเอง?
) สินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวของธุรกิจ
ข) ธุรกิจเริ่มต้นขึ้นและการศึกษา
ค) การรวมหนี้
D) สินเชื่อ X-Mas
ชื่อ: ..........................................
ประเทศ: .........................................
ที่อยู่: ..........................................
สถานภาพ .......................................
เพศ: ................................................ ...
อายุ ................................................. ....
การกู้ยืมเงินที่ต้องใช้: .........................
เงินกู้ระยะเวลา: ...................................
ส่วนบุคคลหมายเลขโทรศัพท์มือถือ: .......................
รายเดือน
รายได้: .....................................
ขอขอบคุณและยังคงให้ศีลให้พร
อีเมล์: [email protected]