สังคมวันนี้เป็นสังคมแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หรือสังคมแห่งการเพ่งโทษ?


          ทุกวันนี้อาตมภาพตื่นเช้าขึ้นมาก็รับรู้ข้อมูลข่าวสารมากมายผ่านทาง SMS บ้าง เครือข่ายในสังคมออนไลน์บ้าง หนังสือพิมพ์บ้าง โทรทัศน์บ้าง หรือ วิทยุ  บ้างครั้งก็ให้นั่งคิดว่า เอ้อ.. ดีนะยุคนี้สมัยนี้  ไม่ว่าจะอยู่ซีกไหนของแผ่นดินขวานทองนี้ก็รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้  นี่หรือที่เรียกกันว่า สังคมแห่งการแลกเปลี่ยนรู้ซึ่งกันและกัน  แต่.. พอพิเคราะห์ดูให้ดีอีกทีจะใช่หรือเปล่าหนอ  เพราะเห็นสื่อทั้งหลายก็มีแต่ผู้คนที่คอยแต่จะชี้นิ้วไปที่คนที่อยู่ตรงกันข้ามกับตนว่า นั่นไม่ถูก  นี่ไม่ใช่ คนนั้นก็ผิด  คนนี้ก็ผิด  คนนั้นไม่ดี  คนนี้ไม่ดี  แล้วตัวคนที่ชี้คนอื่นว่าอย่างโน้น  อย่างนี้  เคยก้มมองดูนิ้วตัวเองบ้างหรือไม่หนอ  ว่านิ้วมันชี้ไปที่คนอื่นนิ้วเดียว  ที่เหลือมันชี้เข้าตัวเองหมด  แล้วเขาเคยเพ่งโทษตนเองบ้างหรือเปล่า  เคยตำหนิตนเองบ้างหรือไม่  เอ.. หรือว่า  สังคมนี้เป็นสังคมแห่งการเพ่งโทษหรือเปล่า ?

         ลองมานั่งคิดดู  ทำไมประเทศไทยเราถึงไม่ค่อยเลิศหรูเหมือนแต่ก่อนนะ  ทั้งที่อะไรก็ดูพัฒนาขึ้นตึกรามบ้านช่องออกจะใหญ่โต  ถนนหนทางหรือก็ดี  แต่ทำไมคนที่อยู่ถึงหาความสุขกันยากขึ้น  รอยยิ้มบนใบหน้าคนไทยถึงหายไป  คนไทยกลายเป็นคนยิ้มไม่สวยเหมือนแต่ก่อน  อ๋อ.. นี่เองละ เพราะคนเราเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะยอมเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นเขาบ้าง  ถือว่าตัวเองดี  ตัวเองเก่ง  อะไรฉันก็ถูกหมด  คนอื่นผิดหมด  คนอื่นไม่ดีเท่าฉัน  มิน่า.. มันถึงได้วุ่นวายแบบนี้  นี่นะ.. ถ้าหากเราจะลองเปิดใจฟังคนอื่นเขาบ้าง  อย่าพึ่งตัดสินว่าเขาผิด  ทั้งที่ยังไม่ได้ยินเขาพูด  ไม่เห็นเขาทำ  ถ้าเอากันอย่างนี้มันก็เละกันพอดีประเทศไทย

         ลองมาฝึกตนให้เป็นคนที่เปิดใจกว้างรับฟังคนอื่นบ้าง  มองคนอื่นในแง่ดีบ้างได้ไหม  ในโลกกลม ๆ ใบนี้ไม่มีใครดีทั้งหมด  ไม่มีใครชั่วทั้งหมดหรอก  มันก็มีดีบ้างชั่วบ้างเป็นธรรมดา  ก็ลองเปิดใจมองด้านดีเขาบ้างเป็นไร  แล้วท่านก็จะมีความสุขขึ้นบ้าง  และประเทศนนี้ก็คงจะมีความสุข  รอยยิ้มที่เคยเหือดหายก็คงจะกลับมาเป็นสัญญลักษณ์แห่งดินแดนนี้ว่า " LAND  OF  SMILE" 

           ดังนั้นลองพิจารณาบทกลอนของหลวงพ่อพุทธทาส แล้วนำมาใช้สอนใจตนบ้าง เผื่อท่านจะหาความสุขให้ชีวิตอันมีเวลาน้อยนิดของท่านได้บ้าง..

                              เขามีส่วน        เลวบ้าง         ช่างหัวเขา

                             จงเลือกเอา     ส่วนที่ดี           เขามีอยู่

                           เป็นประโยชน์     โลกบ้าง          ยังน่าดู

                           ส่วนที่ชั่ว            อย่าไปรู้          ของเขาเลย

                           จะหาคน            มีดี                โดยส่วนเดียว

                           อย่ามั่วเที่ยว       ค้นหา              สหายเอ๋ย

                       เหมือนเที่ยวหา      หนวดเต่า          ตายเปล่าเลย

                         ฝึกให้เคย            มองแต่ดี            มีคุณจริง.

 

                                        ธรรมสวัสดี.. 

หมายเลขบันทึก: 477046เขียนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2012 13:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 17:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

น้ำย่อมไหลจากที่สูง ลงสู่ืั้ที่ต่ำ

   จับผิดคนอื่นนั้นง่าย  และ  ที่ชอบจับผิดคนอื่น  จะทำให้ตัวเองดูดี  ตัวเอง มีค่าสูงขึ้น

   ในขณะที่การเพ่งโทษตัวเอง  นั้นทำยาก  เหมือนเป็นการทวนกระแส

   และ  การปรับปรุงพัฒนาตัวเอง ให้มีคุณค่า  ก็เป็นเรื่องที่ทำยาก และ ต้องใช้เวลา

              จับผิดคนอื่น  ง่าย  ใช้เวลาน้อย เห็นผลเร็ว  ที่จะเพิ่มค่าให้ตัวเอง

ด้วยกระบวนการต่างๆรึป่าวค่ะ ที่ทำให้เกิดอะไรต่างๆขึ้น ต้องหาคำตอบ ให้เจอ สุดท้าย นำหลักพระพุทธศาสนาเข้ามาใช้ในองค์กรจะทำให้พนักงานรักกันมากขึ้น ผู้จัดการ หัวหน้าฝ่าย สามารถทำงานเป็นทีมมากขึ้น มุ่งเป้าหมายเดียวกัน ผลตอบแทน กลับมา นำมาซึ่งใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตประจำวันร่วมกัน คิดบวกช่วยได้มากค่ะพระอาจารย์ หนูก็พยายามทำอยู่ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท