วิธีสร้างบุญบารมี(3)


ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า

มีศรัทธาเป็นบันไดขั้นต้น

 

ศรัทธากับปัญญาต้องเสมอกัน

เพราะถ้าศรัทธามาก แต่ปัญญาน้อย

จะเป็นคนงมงาย

ถ้าปัญญามาก แต่ศรัทธาน้อย

จะเป็นคนหัวดื้ออวดดี

1

ผู้รู้กล่าวว่า เมื่อศรัทธาไม่เกิดขึ้น บุญกุศลอื่นๆ ก็หาเกิดขึ้นไม่

ศรัทธา แปลว่า ความเชื่อ คือเชื่อต่อสิ่งที่ควรเชื่อ

เช่น เชื่อในความที่สัตว์มีกรรม เป็นบุญหรือบาป ดีหรือชั่วเป็นของๆ ตน

2

ในกรณีไปเชื่อต่อสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ

เช่น คำเท็จที่รู้อยู่แก่ใจ

เป็นสิ่งไม่ควรเชื่อว่าจริง

หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นของไม่จริง

เป็นสิ่งไม่ควรเชื่อว่าจริง

ความเชื่อต่อสิ่งที่ไม่ควรเชื่อดังกล่าวมานี้ หาได้ชื่อว่าศรัทธาไม่

3

การเชื่อกรรมเชื่อผลแห่งกรรมที่บุคคลใดทำลงไปแล้ว

ไม่ว่าดีหรือชั่ว เขาต้องได้รับไม่สูญเปล่า ไม่โลกนี้ก็โลกหน้านั้น

ผลแห่งความเชื่อดังกล่าว

ทำให้มีบางคนคิดขวนขวายบำเพ็ญส่วนกุศลธรรมด้วยศรัทธา

เช่น ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา

เพื่อสะสมบุญให้แก่ตนในช่วงที่ยังมีชีวิต

4

จากพระไตรปิฎกและอรรถกถา เล่มที่40 หน้า39

เล่าว่า มีพราหมณ์คนหนึ่ง ในกรุงสาวัตถี เป็นเศรษฐีขี้เหนียวมาก

เขามีบุตรคนเดียว วันหนึ่งอยากจะทำเครื่องประดับให้บุตร

แต่เสียดายค่าบำเหน็จให้ช่างทอง จึงลงมือทำเสียเอง

ชาวบ้านจึงเรียกชื่อลูกเศรษฐีว่า “มัฏฐกุณฑลี” (หนุ่มตุ้มหูเกลี้ยง)

5

เมื่อบุตรชายเขาอายุได้ 16 ปี  เกิดเป็นโรคผอมเหลือง

ภรรยาให้สามีไปหาหมอแต่ เขาบอกว่าสิ้นเปลืองจะรักษาเอง

แล้วไปร้านหมอ ถามหมอว่า พวกท่านจะวางยาขนานไหน ?

ถ้าพบคนไข้ที่เป็นโรคผอมเหลือง

หมอได้ฟังดังนั้น จึงบอกชื่อยาเกร็ดที่เข้าเปลือกไม้

โดยไม่ได้ซักถามถึงสาเหตุของโรค

เมื่อเศรษฐีขี้เหนียวต้มเคี่ยวเป็นตัวยาตามคำแนะนำให้แก่บุตรแล้ว

แต่ดื่มเท่าไรๆ ก็ไม่หายสักที มีแต่ทรุดลง

ในที่สุดบุตรชายมีอาการถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ

หมดเรี่ยวแรงมีโอกาสทุพพลภาพ

6

เศรษฐีเดือดเนื้อร้อนใจยิ่งนัก จึงรีบไปตามหมออีกคนหนึ่ง

หมอผู้นั้นปฏิเสธการรักษาบอกว่าไม่ว่าง

เศรษฐีจึงรู้ว่าชีวิตบุตรชายไม่มีโอกาสรอดแน่

 คิดในใจว่า หากมีพรรคพวกเพื่อนฝูงของเราและลูก

มาเยี่ยมเยียน หรือมาเพื่อประโยชน์อื่นใด

แล้วได้เห็นทรัพย์สมบัติภายในเรือนของเราอาจเป็นอันตรายได้

เราควรจะเอาบุตรชายไว้ข้างนอกน่าจะปลอดภัยกว่า

เมื่อคิดดังนี้แล้ว  จึงย้ายบุตรชายออกมานอนที่ระเบียงเรือนข้างนอก

7

วันหนึ่งหลังจากพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่

ออกเดินบิณฑบาตโปรดสัตว์ในกรุงสาวัตถี

พระองค์เสด็จยืนหน้าประตูเรือนของพราหมณ์เศรษฐีขี้เหนียว

ในขณะนั้น  มัฏฐกุณฑลีมาณพ  กำลังนอนผินหน้าไปข้างในเรือน

พระพุทธเจ้าทรงทราบว่าไม่เห็นพระองค์

จึงได้เปล่งพระรัศมีไปวาบหนึ่ง

ชายหนุ่มคิดว่า นี่เป็นแสงสว่างอะไรหนอ

จึงค่อยๆ พลิกตัวกลับ มองเห็นพระพุทธเจ้าแล้วครุ่นคิดว่า

8

เราอาศัยอยู่กับบิดาที่ไม่นับถือพระพุทธเจ้า

จึงไม่มีโอกาสได้เข้าไปเฝ้าพระองค์ท่าน ไม่เคยเข้าวัดฟังธรรม

ไม่เคยถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์แม้แต่ทัพพีเดียว

มาจนถึงปานนี้แล้ว เรายังป่วยหนักอีก 

คิดแม้จะพลิกตัวลุกขึ้นก็แสนยาก

กระทั่งมือสองข้างของเรายังยกไม่ไหว กิจที่ควรทำอย่างอื่นก็ทำไม่ได้

เมื่อเป็นดังนี้แล้ว ข้าพเจ้าจึงขอนมัสการพระองค์ด้วยจิตที่เลื่อมใสนี้

9

พระพุทธเจ้าทรงทราบความคิดของมาณพผู้นี้ด้วยญาณ

การทำจิตให้เลื่อมใสพระองค์

เท่านี้ก็เพียงพอแล้วในการสร้างบุญบารมี

ขณะพระพุทธเจ้าเสด็จจากไป

มาณพผู้มีจิตที่เลื่อมใสพระองค์ได้เสียชีวิตทันที

คลับคล้ายดังว่าเป็นอาการที่นอนหลับแล้วกลับตื่นขึ้น

ไปเกิดในวิมานทองสูงประมาณ 30โยชน์

ในดาวดึงสเทวโลก มีนางอัปสรเป็นบริวารหนึ่งพัน

10

เราขอให้พิจารณา

พระพุทธเจ้าตรัสว่า

ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า

มีใจเป็นใหญ่

สำเร็จด้วยใจ

 

ชนะ เวชกุล

 

คำสำคัญ (Tags): #ปัญญา#ศรัทธา
หมายเลขบันทึก: 477043เขียนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2012 13:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน 2012 19:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีครับ คุณนงนาท สนธิสุวรรณ

ยินดีที่ได้รู้จัก

และขอบคุณที่แวะมาอ่าน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท