นมัสการ พระมหาแล อาสโย ขำสุข
ภาพคนผู้ไทดำในเวียดนาม ภาพโดย
อ.ธีรภาพ โลหิตกุล
...............
ครับจุดพลิกผันครั้งหนึ่งของผู้ไทดำและผู้ไทขาว ในเวียดนามครั้งสำคัญช่วงหนึ่งคือช่วงฝรั่งเศสล่าอาณานิคม ประวัติศาสตร์ได้ถูกจารึกว่าครั้งหนึ่งผู้ไทเคยเป็นประเทศ ในนาม “สหพันธ์รัฐไท”
........
ภาพลุงโฮพบท่านปรีดี พนมยงค์ภาพหลังการกู้ชาติจากฝรั่งเศสสำเร็จ
และแล้ว 7 มีนาคม 2497ฝรั่งเศสพร้อมคณะผู้ปกครอง “สหพันธรัฐไท” ก็พ่ายแพ้สงครามที่เดียนเบียนฟู หรือเมืองแถน อย่างอัปยศอดสู ให้กับขบวนการเวียดมินห์ พร้อมกองทัพผู้ไทที่เข้าร่วมกับ ขบวนการ เวียดมินห์ ตำนานแห่งรัฐ “สหพันธ์รัฐไท” ก็สิ้นสุดลงพร้อมกับความพ่ายแพ้ของฝรั่งเศสที่เดียนเบียนฟูครับ .............
บ้านลุงโฮที่นาจอก นครพนม ลุงโฮเคยมาพักที่นี่ขณะเตรียมการกู้ชาติขับไล่ฝรั่งเศส
คำร้อง/เนื้อร้อง บทเพลง ไทดำรำพัน จากพระมหาแล อาสโย ขำสุข ครับ
http://www.gotoknow.org/activities/users/sombatk?activity_page=2&escape=false
ท่านได้ให้ข้อสังเกตในการเขียนภาษาลาวครั้งนั้นด้วย อีกทั้ได้ให้ความรู้เพิ่มเติมเรื่องการนับศักราชแบบลาวด้วย ดังนี้
" ผมขออนุญาตให้คะแนนตั้งใจ(เขียนภาษาลาว) 100 คะแนนเต็มครับ แต่ว่าตัวอักษร น.นก กับ ม.แมว ต้องสังเกตดูดี ๆ ส่วนใหญ่แล้วคนไทยมักสับสนกับอักษรลาว 2 ตัวนี้ โดยเฉพาะอักษรควบคือ ตัวหนอ กับตัวหมอ ถ้าผิดนิดเดียว คำว่าหนา ก็จะกลายเป็นหมา หรือคำว่าหมาก็จะอ่านว่าหนาไป เป็นซะอย่างนั้น
อีกอย่างครับ ปีพุทธศักราช ขอยกตัวอย่างเมื่อวานนี้ผมไปเวียงจันทน์มา(ความจริงก็ไปเกือบทุกวัน) ขณะขับรถอยู่ได้เปิดสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาวฟังไปด้วย
คนลาวนี่ถ้าเป็นทางการ เขาใช้คริสตศักราช เช่น 2011 ถ้าเป็นเรื่องในทางพระพุทธศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม เขาจะใช้พุทธศักราชครับ
เมื่อวานโฆษกสถานีอ่านว่าปีพุดทะสังกาด 2553 (อ่านว่า สองพันห้าฮ้อยห้าสิบสาม) คนที่นั่งรถไปกับผมถามว่าโฆษกอ่านผิดหรือเปล่า ผมตอบว่า ไม่ผิดหรอกครับ เขาอ่านถูกต้องแล้ว ปี 2554 ของลาว(ปีนี้)เขาจะเริ่มต้นในวันที่ 14 เมษายน 2554
คนที่นั่งไปด้วยหลาย ๆ คน ต่างก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่า ประเทศลาวเขาใช้วิธีนับปีพุทธศักราชกันอย่างนี้ "
ส่วนเรื่องเพลงไทดำรำพันนั้น อาตมาไม่ได้ถามประวัิติความเป็นมาของเพลงท่านเลยไม่ได้กล่าวถึง แต่ท่านได้ช่วยแปลบทพูดในเพลงให้ทราบแทน ดังนี้
" เพลงไตดำรำพันนั้นคุ้นเคยกับคนไทยมาหลายสิบปี ถ้าไม่ทราบความเป็นมา หลาย ๆ ท่านอาจเข้าใจไปว่าเป็นเพลงไทยไปแล้วก็มี เช่นเดียวกับเพลง กุหลาบปากซัน
บทพูดตอนท้ายของเพลงไตดำรำพันนั้น พอจะแปลความได้ว่า.....
เมื่อหวลคิดขึ้นมา(คราใด) น้ำตา(คน)ไต(มัก)ไหล(ริน) ยามเมื่อจากไกล ปู่เจ้าเซินลา (วิญญาณบรรพบุรุษของพี่น้องชาวไตดำซึ่งอยู่ที่เมืองเซินลา หรือ Son La ในเวียดนามเหนือ ใกล้ๆ กับเมืองแอด แขวงหัวพันของลาว)
อพยพหลบลี้ไพรีมา(อันนี้ชัดอยู่แล้ว) ไตดำตั้วหน้า(ทั้งมวล)ยังคนึงหา(ถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอนของตน) อย่างไม่เคยลืมเลือน "
เป็นคนผู้ไทเหมือนกันค่ะสันนิฐานว่าผู้ไทดำเพราะใช้เสื้อผ้าที่ตัดเย็บด้วยผ้าสีดำแล้วตกแต่งลวดลายด้วยผ้าแถบที่ทอด้วยมือ ซึ่งจากการเล่าของตายายว่าสมัยก่อน(สมัยท่านผู้ที่เล่า)ชุดแต่งงานของสตรี/ชายผู้ไทจะใช้ชุดสีดำ ที่เรียกว่าเสื้อแขบ ซิ่นหมี่ สะโร่ง ก็ขอชื่นชมในความมีอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของคนผู้ไท
ยินดีรู้จักคนผู้ไทคือเด๋ว คุณนุจจิรา สารจิตร
นมัสการพระมหาแล อาสโย ขำสุข
ขอบคุณพระคุณครับ
สุเทพ ไชยขันธุ์
หลายวันก่อนไปรื้อกองหนังสือ เจอกับหนังสือที่ซื้อไว้นานแล้ว ปกหนังสือเขียนว่า ผู้ไทเวียดนาม
(ภาพโดยคุณวันชัย)
เครื่องแต่งกายของชาวผู้ไท สีที่โดดเด่นที่สุดคือสีดำ สีดำที่ชาวผู้ไทเรียกกันคือสีดำย้อมหม้อการย้อมเสื้อผ้าของชาวผู้ไทนั้นจะใช้ครามเป็นตัวย้อมแต่เมื่อย้อมเสร็จแล้วจะเรียกผ้าชนิดนั้นว่าผ้าดำ ถึงแม้ว่าผ้าจะออกมาเป็นสีน้ำเงินหรือสีกรมท่าก็ตามแต่ก็ยังเรียกว่าผ้าดำหม้อ ถ้าถามคนแก่อายุ70ปีขึ้นไปจะเรียกว่าผ้าดำทั้งนั้น เพราะการย้อมหม้อนิลหรือหม้อครามนั้น ความเข้มของสีจะขึ้นอยู่กับจำนวนหม้อที่ใช้ย้อม การย้อมมะเกลือของชาวผู้ไทก็มีแต่จะไม่นิยมย้อมผ้าเท่าหม้อครามหรือหม้อนิล การย้อมผ้า การอิ้วฝ้าย เข็นฝ้าย ลักษณะนี้จะมีอยู่ทุกชาติพันธุ์เพราะเครื่องนุ่งห่มเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ฉะนั้นการจะศึกษาเรื่องผู้ไทโดยผ่านผ้าต้องรู้ลักษณะเด่นของผ้าผู้ไทที่ต่างไปจากผ้าของกลุ่มชาติพันธุ์อื่น เพราะลักษณะของสีผ้า ลายผ้า และการผลิต เหมือนกันกับชาติพันธุ์อื่น การศึกษาทางด้านภาษาศาสตร์นั้นคิดว่าข้อจำกัดมันอยู่ที่ว่า ผู้ไทในไทยปัจจุบันนั้นรับเอาวัฒนธรรมทั้งของลาวและไทยมามาก ส่วนทางด้านผู้ไทเวียดนามและจีนก็รับเอาความเป็นเวียดนามและจีนจากส่วนกลางมาบางแล้ว ฉะนั้นการที่จะหาเปรียบเทียบภาษาทั้งสามประเทศคงต้องอาศัยนักภาษาศาตร์มาช่วยในการวิเคราะห์ทางด้านภาษา เพราะคนตระกูลไท ที่ใช้ภาษาตระกูลไท-กะได นั้นมีหลากหลายชาติพันธุ์ ฉะนั้นเราจึงต้องหาข้อแตกต่างระหว่างภาษาผู้ไทกับชาติพันธุ์อื่นว่าแตกต่างกันตรงไหนอย่างไร ขอเสนอแนะว่า เราควรที่จะลงพื้นที่ผู้ไทในไทยเพื่อเก็บข้อมูลในเรื่องต่างๆ เช่น ภาษา สิ่งของเครื่องใช้ พิธีกรรม ความเชื่อเป็นต้น การศึกษาในที่นี้เป็นการศึกษาเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตซึ่งในปัจจุบันเลือนหายไปแล้วหรือไม่มีการสืบต่อแต่ยังมีผู้รู้หรือเคยได้ยินบรรพบุรุษเคยกล่าวเอาไว้ และข้อมูลอื่นๆที่เป็นประโยชน์ในการศึกษาต่อยอด อีกทั้งศึกษาถึงอดีตของผู้ไทเวียดนามและจีนในเรื่องต่างๆให้มีข้อมูลที่มากพอสมควร แล้วมาพบกันครึ่งทางระหว่างผู้ไทในไทยกับผู้ไทในต่างแดน อาจจะทำให้เราได้พบกับสิ่งที่เราต้องการก็เป็นได้ แต่ถ้าเราจะศึกษาถึงประวัติความเป็นมาจากสิ่งต่างๆที่เป็นผู้ไทปัจจุบัน ที่ถูกวัฒนธรรมเมืองกลืนไปบ้างแล้วนั้นอาจจะเป้นหรือยากหรือไม่ในการศึกษาความเป็นมาของผู้ไท
ยังมีวัฒนธรรมบางอย่างในปัจจุบันที่ทำให้เราได้เห็นเค้าลางของถิ่นกำเนิดความเป็นผู้ไท อย่างผู้ไทในเมืองกุดสิมนารายณ์
หมีดำแต่งเพลงไทดำรำพัน หรือเอามาจาก มาจากท้าวฮุง ท้าวเฮืองคนไทดำ ซึ่งไปตายที่ฝรั่งเศส ทั้งสองเคยฟ้องหมีดำ ซึ่งเป็นนายทหารเรื่องลิขสิทธิ์เพลงนี้ คดีความยังไม่สิ่้น หมีดำ ฮ ตกตาย
ไทดำแตกแยกออกเป็น๒ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเข้าข้างฝรั่งเศส อีกฝ่ายเข้าข้างเวียดนาม เพราะหลงเชื่อโฮจิมินห์ที่โฆษณาว่าถ้าร่วมกันต่อสู้ฝรั่งเศสจนชนะ จะให้เอกราชแก่สิบสองจุไท เมื่อชนะฝรั่งเศสจริง โฮจิมินห์ก็ให้แค่เป็นเขตปกครองพิเศษ พอให้หลงดีใจเล่นๆ พอผ่านมาหลายปีประมาณปี๒๕๑๘ ก็ยุบเลิกเขตปกครองพิเศษ ให้ไทดำหรือสิบสองจุไทมีสถานะเหมือนเมืองอื่นๆในเวียดนาม ถ้าฝรั่งเศสชนะ ก็มีโอกาสได้เอกราชเหมือนอาณานิคมอื่นๆของฝรั่งเศส ประวัติศาสตร์ของสิบสองจุไทหรือเดียนเบียนฟูช่างไม่แตกต่างกับไทยใหญ่ในรัฐฉานของพม่าเลย
ชอบประวัติศาสตร์ของผู้คนแถบลุ่มน้ำโขง โดยเฉพาะ พี่น้องทางฝั่ง สปป.ลาว