"คงจะเป็นการยากที่จะห้ามไม่ให้เด็กโกหก"
ประโยคนี้เป็นประโยคที่ฉันคิดอยู่ในใจเสมอเมื่อต้องเจอกับคำโกหกที่ดูว่าจะไม่แนบเนียนเอาซะเลยของเด็กๆ คงจะเป็นการยากจริงๆที่เราจะห้ามเด็กไม่ให้โกหกได้ เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งที่แทรกซึมอยู่ในพันธุกรรมของมนุษย์ หรือที่เรียกว่า "สัญชาติญาณการเอาตัวรอดนั่นเอง"
มีอยู่กรณีหนึ่ง ในห้องเรียนเด็กชั้นมัธยมของดิฉัน ในขณะที่ดิฉันกำลังสอนอยู่นั้น ดิฉันก็ได้เหลือบไปเห็น เด็กชายคนหนึ่งนั่งก้มหน้าก้มตา พลางก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดิฉันทราบทันทีว่า เค้ากำลังแชทบีบี(อวัยวะใหม่ที่งอกมาของมนุษย์วัยรุ่น) อยู่แน่นอน แต่เมื่อดิฉันถามเด็กชายคนนั้นว่า "เธอกำลังทำอะไรอยู่ใต้โต๊ะ หยิบขึ้นมาบนโต๊ะเดี๋ยวนี้" เด็กคนนั้นก็หยิบวัตถุอย่างหนึ่งขึ้นมาทันที แต่ไม่ใช่สิ่งที่้เราคิดไว้ในตอนแรกหรอกค่ะ สิ่งที่เขาหยิบขึ้นมานั้น คือสมุดสามเล่ม (โกหกเก่งจริงๆ) ดิฉันเลยให้เค้านำสมุดเล่มนั้นมาให้ดิฉัน เมื่อนำมาดู ปรากฏว่า ไม่มีเล่มใดเลยที่เป็นชื่อของเขา เจ้าของสมุดเริ่มร้อนตัว เพราะกลัวจะโดนคุณครูยึดไป และดิฉันก็ยึดจริงๆค่ะ โดยมีความหวังว่า เด็กชายที่เป็นต้นเหตุ จะมายอมรับผิด เพราะเห็นแก่เพื่อน(ตามธรรมชาติของวัยรุ่นที่จะต้องเกรงใจเพื่อนมากกว่าใคร) แต่แล้วก็ไม่มีวี่แววของเด็กชายคนนั้นเลย มิหนำซ้ำยังหัวเราะชอบใจที่เพื่อโดนยึดสมุดไป(เพราะตนเอง) จนในที่สุด เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ เจ้าของสมุดต้องทยอยมารับสมุดคืนด้วยตนเอง เพราะต้องนำไปส่งครูในวิชานั้นๆ...
เหตุการณ์นี้ทำเอาดิฉันสติเกือบหลุดเลยทีเดียว เพราะเด็กชายคนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลย จนที่สุดดิฉันก็ต้องเรียกเด็กชายคนนั้นมาอบรมพูดคุย กันในเรื่องความรับผิดชอบ ความเป็นสุภาพบุรุษ รวมถึงความกล้าหาญ (เทศน์ชุดใหญ่เลยล่ะค่ะ) ซึ่งดิฉันก็ต้องยอมรับว่า ในฐานะของการเป็น ครู นั้น ดิฉันทำได้เพียงแค่พร่ำสอน และชี้ให้เห็นข้อเสียของการโกหกเท่านั้น แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าหากว่าสิ่งที่เขาได้ฟังจากปากครู มันขัดกับสิ่งที่เขาได้เห็น แบบอย่างของผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ที่ให้สัญญาลอยลม และโกหกกันจนเป็นเรื่องธรรมชาติ....
"ไม่มีใครที่ชอบคนโกหก...แต่ทุกคนล้วนเคยโกหก"
ไม่มีความเห็น