ปฏิบัติธรรมแบบนอกคอก (ตอน ๕ ระงับความฟุ้งซ่าน)


ปฏิบัติธรรมแบบนอกคอก (ตอน ๕ ปราบลิงจ๋อ)

 

อุปสรรคสำคัญของผู้บำเพ็ญภาวนาธรรม ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม ก็คือ การฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อของความคิด ที่มันโลดแล่นออกไป จนไม่อยู่กะร่องรอย ซึ่งผมได้อ่านฟังวิธีการทำสมาธิมามาก แต่ไม่ค่อยเจอการสอนว่าจะเอาสติกลับมาได้อย่างไร

 

ส่วนใหญ่ก็จะสอนกันว่า พอรู้ตัวว่าเพ้อเจ้อ ก็ให้ดึงสติกลับมา...ซึ่งผมว่ามันค่อนข้างกำปั้นทุบดิน อีกทั้งพอดึงสติกลับมาสู่อารมณ์สมาธิ เดี๋ยวมันก็เพ้อเจ้ออีกแล้ว ก็ชักคะเย่อกันจนเหนื่อยล้า ผมจำไม่ได้ว่าท่านใดที่อุปมาจิตมนุษย์ดังลิงจ๋อ (น่าเป็นหลวงปู่มั่น) ที่ชอบกระโดดจากกิ่งนี้ไปเกาะกิ่งโน้นแบบที่เรียกว่าอยู่ไม่สุข จิตเราก็เช่นกันพอจะให้อยู่นิ่งๆก็มักกระโดดไปเกาะอารมณ์โน้นอารมณ์นี้ตลอดเวลา

 

สำหรับผู้นิยมใช้อานาปานสติแบบผม ผมขอเสนอวิธี”ปราบลิงจ๋อ” ด้วยการกลั้นหายใจ คือหายใจลึกๆ แล้วกักลมไว้ในปอดนานๆ ให้นานที่สุด จะบริกรรมคำอะไรด้วยก็ได้เช่น จากนี้ไปจิตเราจะไม่วอกแวกอีกหนอๆๆๆๆ กลั้นไว้จนแทบว่าจะหมดลมตาย แล้วปล่อยออก แล้วสูดเข้าเต็มปอดใหม่ทันที กลั้นอีก ..ทำแบบนี้สัก 3-10 เที่ยว พบว่าปราบพยศได้ดีนักแล

 

หลักการของวิธีนี้ก็คือการกระตุกกายแรงๆ ให้ตื่นจากการเพ้อเจ้อนั่นเอง จะว่าเป็นการลงโทษตัวเองก็ได้ เป็นการเปลี่ยนอิริยาบถทางจิต

 

พอลงโทษตัวเองเสร็จแล้ว ก็มักเกิดอาการเกร็งร่างกายในส่วนต่างๆอีกแล้ว ตั้งแต่ปลายคิ้ว ลิ้น ยันพุง น่อง ก็หันกลับไปทำความรู้สึกกายให้ผ่อนคลายใหม่ (กายคตาสติ) จากนั้นก็หันมากำหนดลมหายใจต่อ วิธีของผมจะหายใจแบบสบายๆ ไม่กำหนดเคร่งครัดว่าหายใจยาวหรือสั้น เพราะผมว่ามันอาจเป็นภาระกรรมที่มากเกินไปจนจิตมันเหนื่อยได้ การตามลมยาวเกินไปก็เหนื่อยได้ การไม่ตามเลย แต่เฝ้าดูเฉยๆ ก็อาจหย่อนเกินไป สำหรับผมทางสายกลางคือ ตามลมแค่คอหอย  พร้อมกำชับด้วยคำบริกรรม “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป” ในสามจังหวะของการหายใจ

 

ท่านใดนำวิธีนี้ไปใช้แล้วได้ผลสำเร็จ ขอรับค่าลิขสิทธิ์เป็นคำสอน โดยให้มาเทศน์ให้ผมฟังเป็นคนแรกได้ไหม  :-)

 ....คนถางทาง (๒๕ มกราคม ๒๕๕๕)

หมายเลขบันทึก: 476220เขียนเมื่อ 25 มกราคม 2012 16:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 03:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

วิธีอาจารย์ก็น่าสนใจดีนะคะ เป็นข้อแนะนำที่ดีมากเลยทีเดียว เรียกได้ว่าปราบมันที่ต้นตอไม่ให้ฟุ้งขึ้นมาอีก

ส่วนตัวแล้วทุกวันนี้ใช้วิธีดูที่เดิม แล้วก็ทำให้มันดับที่จุดเดิม โดยเอาสติเข้าไปสลายอารมณ์ที่ทำให้ฟุ้งซ่านให้กลายเป็นความโปร่งเบาแทนที่ความฟุ้งซ่านที่ผ่านเข้ามาในหัวเราแล้วกระทบไปที่จิต เมื่อเติมสติเข้าไปในใจบ่อยๆ อย่างรู้เท่าทัน ปัญญาที่ซ่อนอยู่ข้างในมันก็จะปรากฏออกมาเองโดยอัตโนมัติ เมื่อนั้นเราจะอยู่กับความทรงจำที่เป็นปัจจุบันได้อย่างสงบสุข แม้ว่าจะมีเรื่องให้ต้องคิดฟุ้งซ่านอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ผ่านเข้ามากระทบใจ ก็เปรียบเป็นได้แค่สายลมที่พัดผ่านมา แล้วก็ผ่านไปแค่นั้นเอง

ถ้าทำได้แบบคุณ nop ก็จบ นั่นแหละดีที่สุดแล้ว แสดงว่าก้าวหน้ามากแล้วสินะ ผมเองก็พยายามทำแบบนั้นแหละ แต่ไม่สำเร็จ ก็เลยต้องคิดค้นวิธีกลั้นหายใจดังว่า อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท