พลังของหนังกับการเรียนรู้


พฤติกรรมการบริโภคหนังของคนไทยเป็นตัวแปรหลักที่จะสามารถกำหนดทิศทางของหนังไทยในระดับหนึ่งได้ หากคนดูยังนิยมดูหนังเพียงเพราะต้องการความบันเทิงเพียงอย่างเดียว ความพยายามที่จะสร้างหนังที่มีคุณค่าของผู้สร้างก็คงจะลดน้อยลงเรื่อยๆ จนในที่สุดแล้วอาจจะเหลือแต่หนังตลาด หรือหนังตามกระแสแล้วคนดูก็คงไม่ได้อะไรนอกจากความบันเทิง เมื่อถึงเวลานั้น บทบาทของหนังไทยในการจัดการความรู้ให้กับสังคมในฐานะคนเล่าเรื่อง (Storytelling) ที่มีคุณค่าคงเหลือไว้แต่ความทรงจำ

พลังของหนัง! กับการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

              หากย้อนกลับไปในอดีต หนังนับว่าเป็นสื่อมัลติมีเดียที่เก่าแก่ที่สุดที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น นับตั้งแต่ ยุค Penny Arcade ซึ่งโทมัส อัลวา เอดิสัน ผู้ประดิษฐ์ไฟฟ้าของโลกเป็นคนทำให้เกิดหนังขึ้น เนื่องจากไฟฟ้าเป็นจุดที่ทำให้มีการประดิษฐ์เครื่องบันทึกภาพสี Kineto-photograph และก็มีการตั้งตู้ Peep Show ตามศูนย์การค้า ให้คนมาหยอดเหรียญดู ราคา 1 เพนนีเลยเรียกหนังยุคนี้ว่า เพนนี อาร์เคด จนปี 1902 เริ่มมีการสร้างหนังที่มีเรื่องยาวมากขึ้น และยุคสุดท้ายในปี 1905 มีการผลิตหนังที่สมบูรณ์เรื่องแรกเรื่อง The Great Train Robberry ของ Edwin Porter ความยาว 10 นาที ต่อมาก็มีเรื่อง Life of an American Fireman

                      จากนั้นหนังก็เริ่มเป็นเรื่องเป็นราว คนดูจะดูจากตู้ก็เมื่อยหลัง จึงมีการสร้างโรงหนังขึ้น แล้วเก็บเงินคนดู 1 นิเกิล ก็เลยเรียกยุคนี้ว่า Nickelodeon จากนั้นการสร้างหนังก็เป็นงานศิลปะที่มีวิวัฒนาการในการสร้างสรรค์การดำเนินเรื่อง จนถึงเทคโนโลยีการผลิตมาจนถึงปัจจุบัน

             สำหรับในประเทศไทยนั้น “หนัง” เป็นสื่อที่มีมาอย่างยาวนานเช่นเดียวกัน ในหนังสือกำเนิดหนังไทยของ โดม สุขวงศ์ ระบุว่า หนังฝรั่งเรื่องแรกที่สร้างในไทยก็คือเรื่อง นางสาวสุวรรณ ของอเล็กซานเดอร์ แม็กเร นักสร้างหนังชาวอเมริกันจากฮอลลีวู้ด ออกฉายครั้งแรกในสยาม ปีพ.ศ.2466 สมัยรัชกาลที่ 6 แต่หนังไทยที่คนไทยสร้างเรื่องแรกก็คือ "โชคสองชั้น" ผลงานของพี่น้องสกุลวสุวัตและคณะในนาม "กรุงเทพฯ หนังบริษัท" ออกฉายเมื่อ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2470 ในสมัยรัชกาลที่ 7 เรื่องราวของโชคสองชั้น เป็นเรื่องราวของกมล นายอำเภอหนุ่มที่ได้รับมอบหมายให้มาจับโจรร้ายที่ซ่อนตัวในกรุงเทพฯ ระหว่างมาพักที่บ้านพระยา ก็ไปรักกับวลี สาวที่มีหนุ่มหมายปองอยู่แล้ว และหนุ่มที่ว่านี้ชื่อ นายวิง ก็คือคนร้ายที่ซ่อนตัวมานั่นเองนายวิงรู้ว่านายกมลจะมาจับตนจึงวางแผนกำจัด แต่นายกมลไหวทัน จึงต่อสู้กัน ระหว่างนั้นคนร้ายจึงฉุดน.ส.วลี ขึ้นรถหลอกล่อนายกมล จึงขับรถไล่กวดกัน กระทั่งต่อสู้กันและพระเอกก็ชนะในที่สุด ได้โชคสองชั้นคือทั้งจับคนร้ายได้และได้นางเอก จากเนื้อเรื่องของหนัง “โชคสองชั้น” สะท้อนให้เห็นว่าเนื้อหาของหนังในแต่ละยุคมักจะมีการถ่ายทอดเรื่องราววิถีชีวิตเช่น เรื่องความรักของหนุ่มสาว การดำรงชีวิตรวมไปถึง ขนบธรรมเนียมศิลปวัฒนธรรมของคนในแต่ละประเทศ

             ดังนั้นเราอาจเห็นภาพสะท้อนของสังคมในแต่ละยุคผ่านเนื้อหาของหนังในแต่ละเรื่องและในขณะเดียวกันหนังก็สามารถสร้างภาพอนาคตกลายเป็นจินตนาการให้กับคนในสังคมได้เช่นเดียวกัน          

          จริงๆแล้วหากจะกล่าวถึงหน้าที่ของหนังโดยทั่วไปคงไม่ต่างกับสื่ออื่นๆเท่าไหร่นัก

           หนังมีหน้าที่รวมๆอยู่สี่ประการ

           ประการแรกคือ การเล่าเรื่อง บอกให้คนรู้เรื่องราวต่างๆที่ต้องการถ่ายทอด

           ประการที่สอง คือ  การสื่อทางอารมณ์ หนังมีหน้าที่สร้างอารมณ์ต่างๆให้กับคนดู ไม่ว่าจะเป็นความโศกเศร้า ความสุข ความหวาดเสียว สยดสยอง หนังสามารถทำได้

           ประการที่สาม หน้าที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ ซึ่งอาจเกิดจากการใช้ภาพ อารมณ์ ดนตรี ฯลฯ

           ประการสุดท้ายสำคัญมาก นั่นก็คือ การสื่อทางด้านความคิด หรือ intellectual function ซึ่งการสื่อทางความคิดมีอยู่สองลักษณะด้วยกัน ลักษณะหนึ่งก็คือ

  • คนทำหนังอาจแทรกความคิดบางอย่างที่อาจเป็นปรัชญา หรือข้อคิด หรือแง่คิดดีดีเกี่ยวกับการใช้ชีวิตเข้าไปในเนื้อเรื่อง ซึ่งคนดูจะรับรู้และอาจจะเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันของตนเอง
  •  และอีกลักษณะหนึ่งคือการกระตุ้นให้คนดูใช้ความคิดตัวเองโดยที่คนทำหนังไม่ได้เอาความคิดของตัวเองไปให้ ทั้งสองลักษณะนี้ล้วนแต่ขอให้คนดูคิด ไม่ใช่ดูหนังแค่สนุกๆ สักเรื่องแล้วจบเพียงแค่นั้น

          หากจะนำแนวความคิดนี้มาเชื่อมโยงกับบทบาทหน้าที่ของสื่อ (Media function) แล้ว หนังก็น่าจะมีหน้าที่หลักๆ คือ การให้ความบันเทิง(Entertainment) และ การทำหน้าที่เป็นครูของสังคม (Culture Heritage)ในการถ่ายทอดความรู้ และวัฒนธรรมต่างๆให้กับสังคม ในยุคปัจจุบันที่รัฐบาลต้องการให้ประชาชนดำรงชีวิตพื้นฐานอยู่บนสังคมแห่งการเรียนรู้(Knowledge base Societies) ทำให้สื่อต่างๆต้องกลับมาทบทวนบทบาทหน้าที่ตัวเองเพื่อช่วยเสริมสร้างคนในสังคมให้เกิดการเรียนรู้ประโยชน์จากสื่อ

            ดังนั้นหากจะกล่าวถึงแนวคิดของการจัดการความรู้ (Knowledge Management) หลักการอย่างหนึ่งที่สามารถจัดการความรู้ได้อย่างมีพลังก็คือ หลักการเล่าเรื่อง (Story Telling) การเล่าเรื่องที่ดีจะทำให้เกิดความรู้แบบฝังลึก หรือที่เรียกว่า Tacit Knowledge ที่สามารถออกมาได้อย่างพรั่งพรูแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ยิ่งได้มีการจดบันทึก หรือนำมาสนทนากันก็จะทำให้ได้ความรู้ใหม่ที่ฝังแน่นมากขึ้น สรุปง่ายๆก็คือ การเล่าเรื่องมีพลานุภาพในการเป็นรูปธรรมเพื่อค้นหานามธรรมได้

                   ดังนั้นจากหลักการดังกล่าว หนังถือว่ามีบทบาทในการเป็นนักเล่าเรื่องในการจัดการความรู้

                  จากแนวคิดที่จะกล่าวต่อไป หนังจะทำหน้าที่เล่าเรื่องได้ในหลายแง่มุมทั้งมุมมองของคนทำหนังและมุมมองของคนดูหนัง ในการสร้างสังคมแห่งความรู้ “หนัง” มีหน้าที่ถ่ายทอดศิลปะต่างๆเป็นเรื่องราวสู่สังคม

                  อย่างไรก็ตามเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันบางกลุ่มว่าหนังเป็นส่วนหนึ่งที่มีอิทธิพลในการทำลายสังคมบางส่วนด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมในปัจจุบันที่ค่อนข้างมีความเปราะบางทางวัฒนธรรมและครอบครัวอยู่แล้ว

                อิทธิพลของหนังฮอลลี่วู๊ดที่อยู่ในกระแสนิยมทั่วโลก มักถูกพาดพิงเสมอว่านำวัฒนธรรมของชาวตะวันตกส่งผ่านมาพร้อมกับเนื้อหาของหนังซึ่งบางอย่างที่ไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมของคนไทยและมีอิทธิพลทำให้เกิดการเลียนแบบหรือเห็นว่าดีได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กและเยาวชน อย่างเช่น

  • การเกิดกระแสวัฒนธรรมบริโภคนิยม แฟชั่นล้ำสมัย หรือที่น่าเป็นห่วงคือค่านิยมทางเพศ
  • นอกจากนี้ฉากการใช้ความรุนแรงที่ปรากฏในหนังก็ส่งผลบางอย่างที่ทำให้คนดูโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชนพยายามทำตามอีกด้วยดังจะเห็นได้จากข่าวโศกนาฏกรรมทั้งหลายที่เด็กและเยาวชนก่อขึ้นโดยมีสาเหตุการกระทำส่วนหนึ่งมาจากการเลียนแบบสื่อ....

         ถึงแม้ว่าหนังที่เป็นสื่อข้ามชาติดูเหมือนจะมีอิทธิพลสูงต่อคนดู จะถูกตราหน้าสำหรับคนบางกลุ่มว่าเป็นอาชากรสังคม แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งก็ยังมีหนังอีกไม่น้อยที่ผู้สร้างตั้งใจผลิตเพื่อถ่ายทอดสิ่งที่มีประโยชน์และมีคุณค่าให้กับสังคม เช่น หนังที่มีเนื้อหาสืบทอดศิลปวัฒนธรรมให้กับประเทศ หนังเรื่อง “โหมโรง” The Overture ที่เข้าฉายในปี 2547 เป็นการเล่าเรื่องการดำเนินชีวิตในสังคมสมัยสงครามโลกและเป็นรอยต่อของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จนถึงระบอบประชาธิปไตยและเข้าสู่โลกตะวันตกที่ไหลเข้ามา หนังไม่ได้บ่งบอกให้ยึดมั่นถือมั่นในเรื่องดนตรีไทยอย่างเดียว แต่ยังมีภาพการเล่นระนาดที่คลอไประหว่างพ่อกับบุตรชายที่เล่นเปียโน ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจในการประสานดนตรีตะวันตกกับดนตรีไทยโดยสุดยอดของครูดนตรีไทย เรียกว่าหนังเรื่องนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างดนตรีทางเก่ากับทางใหม่หรืออารยธรรมไทยกับอารยธรรมตะวันตก หนังเรื่องนี้ได้รับการยอมรับประสบความสำเร็จทั้งรายได้(ถึงแม้ไม่มากเหมือนหนังตามกระแส) และคุณค่าที่ให้กับสังคมไทย โหมโรงได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมและขับเคลื่อนกระแสสังคมให้เยาวชนหันมาเห็นความสำคัญของดนตรีไทยได้ในระยะหนึ่งในขณะที่หนังออกฉายได้รับการตอบรับที่ดีและกระทรวงศึกษาธิการได้ออกมารณรงค์ให้แต่ละโรงเรียนพานักเรียนไปดูโดยมีการเปิดให้ชมฟรีเป็นบางรอบ

                 หากจะพูดถึงการถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่น หนังเรื่อง 15 ค่ำเดือน 11 ซึ่งออกฉายในปี 2545 ก็ไม่น่าพลาดที่สามารถเล่าเรื่องวัฒนธรรมความเชื่อของชาวอีสานได้อย่างสนุกสนาน “จิระ มะลิกุล” ผู้กำกับหนัง สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของผู้คนที่มีความผูกพันกับแม่น้ำโขง พุทธศาสนา พญานาค และวิถี ถิ่นของตนเอง ที่กำลังถูกรุกล้ำจากวัตถุและความเปลี่ยนแปลง ออกมาได้อย่างมีชั้นเชิงเต็มเปี่ยมไปด้วยความงด งาม และลึกซึ้งยิ่งนัก เหตุการณ์ต่างๆ ถูกเรียงร้อยผ่านตัวละครที่มีความเกี่ยวเนื่องกันได้กลมกลืน ลื่นไหล ประสานกันเป็น เยี่ยมในเชิงการเล่าเรื่อง ด้วยภาษาภาพ ภาษากาย ภาษาพูด ที่รวมกันแล้วกลายเป็น ภาษาใจ ที่ถ่ายทอดอยู่บนวิถีชีวิตต่างจังหวัดอันงดงามเรียบง่าย แน่นอนที่สุดหนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลถึง 8 รางวัลแต่ไม่ประสบความสำเร็จเรื่องรายได้

                 หนังไทยบางเรื่องมีเนื้อหาส่งเสริมให้เยาวชนได้รับรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์เกิดความหวงแหนและความรักชาติได้ทำให้คนไทยรักและเทิดทูนในความเป็นไทยที่พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงรักษาและต่อสู้ด้วยเลือดเนื้อเพื่อให้คนไทยทุกคน มีผืนแผ่นดินไทยให้ได้อยู่อาศัย โดยไม่ต้องกลายเป็นเมืองขึ้นของชนชาติอื่น “สุริโยไท” ผลงานการกำกับของ หม่อมเจ้าชาตรี เฉลิมยุคล ทำสถิตเข้าฉายนานที่สุดและประสบความสำเร็จในด้านรายได้อย่างงดงาม ได้รับการคัดเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลหนังนานาชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลหนังเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส และ เทศกาลซันแดนซ์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ฯลฯ

               ที่กล่าวมาแล้วเป็นหนังไทยที่มีการถ่ายทอดเนื้อหาให้คนไทยเกิดการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียมตลอดจนศิลปวัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของสื่อดังที่กล่าวไว้ข้างต้น

               นอกจากนี้หนังบางเรื่อง ยังให้ข้อคิดหรือแง่คิดดีดีเกี่ยวกับการใช้ชีวิตเข้าไปในเนื้อหา ซึ่งเมื่อคนดูรับรู้และอาจจะเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันของตนเองที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตได้ ในปี 2548 หนังเรื่อง “มหาลัยเหมืองแร่” ได้รับรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำไปถึง 6 รางวัล รวมรางวัลหนังยอดเยี่ยมแห่งปี และยังไม่รวมรางวัลที่ได้จากสถาบันอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน “เหมืองแร่” เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ถูกรีไทร์จากมหาวิทยาลัยในกรุงเทพชื่อดัง แล้วถูกส่งมาภาคใต้เพื่อมาเรียนรู้ชีวิต หนังสื่อให้เห็นถึงการใช้ชีวิตในเหมืองแร่ที่เปรียบเสมือนมหาวิทยาลัย ข้อคิดถูกแฝงไว้เกือบทุกซีนของหนัง จนสรุปสุดท้ายแม้ไม่ได้ใบปริญญาจากมหาลัยแต่ได้การเรียนรู้การใช้ชีวิตจริงและมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของคนในเหมืองแร่ และแน่นอนที่สุดหนังเรื่องนี้ไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างรายได้ แต่สามารถให้ความอิ่มใจและข้อคิดกับสังคมโดยเฉพาะสังคมอุดมศึกษาปัญญาชนในประเทศไทย

                  จากที่กล่าวมาทั้งหมดมีข้อสังเกตที่น่าสนใจอยู่ประการหนึ่งว่า หนังที่มีสาระ มีคุณค่า และส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับสังคมมักไม่ประสบความสำเร็จทางรายได้ เรียกง่ายๆว่าไม่ได้เป็นหนังที่จัดอยู่ในประเภท “กลุ่มหนังตลาด” ซึ่งจะเป็นหนังที่ทำอะไรตามสูตร เช่น หนังตลก หนังผี หนังบู๊แอ็คชั้น ที่คนดูคุ้นเคยกับการดำเนินเรื่องและสามารถรับได้ง่าย จนกลายเป็นหนังที่ทำรายได้

                  ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า พฤติกรรมการบริโภคหนังของคนไทยเป็นตัวแปรหลักที่จะสามารถกำหนดทิศทางของหนังไทยในระดับหนึ่งได้ หากคนดูยังนิยมดูหนังเพียงเพราะต้องการความบันเทิงเพียงอย่างเดียว ความพยายามที่จะสร้างหนังที่มีคุณค่าของผู้สร้างก็คงจะลดน้อยลงเรื่อยๆ จนในที่สุดแล้วอาจจะเหลือแต่หนังตลาด หรือหนังตามกระแสแล้วคนดูก็คงไม่ได้อะไรนอกจากความบันเทิง

                  เมื่อถึงเวลานั้น บทบาทของหนังไทยในการจัดการความรู้ให้กับสังคมในฐานะคนเล่าเรื่อง (Storytelling) ที่มีคุณค่าคงเหลือไว้แต่ความทรงจำ

                   ถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐบาลจะเข้ามาช่วยสนับสนุน ส่งเสริมหนังที่มีคุณค่าและลดบทบาทของหนังที่ทำลายสังคม และที่สำคัญที่สุด “ผู้ชม” ได้ให้โอกาสหนังที่มีคุณค่ามากพอหรือยัง ในฐานนะที่หนังถือเป็นผลผลิตของสังคม เพราะเนื้อหาของหนังน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนความเป็นคนในสังคมนั้นได้ด้วยเช่นเดียวกัน

เอกสารอ้างอิง

เสรี วงษ์มณฑา. เอกสารประกอบการสอน วิชา วัฒนธรรมองค์กรและการจัดการความรู้. การจัดการดุษฎีบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต. 2549.

วิจารณ์ พานิช. บทความทศานุภาพของการจัดการความรู้ http://www.kmi.or.th/autopage/show_all.php?h=11 http://www.pantown.com/board.php?id=9795&name=board7&topic=10&action=view http://www.thaifilm.com/thaiFilmDetail.asp?id=12

หมายเลขบันทึก: 47578เขียนเมื่อ 1 กันยายน 2006 12:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 16:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (31)
  • สวัสดีครับเจ๊เฟิร์น
  • ดีมากครับ ค่อยชื่นใจหน่อย นึกว่าบันทึกเดียวจะหายซะแล้ว
  • สัปดาห์หน้าคงจะได้เจอกันนะครับ ร้านเดิม "บ้านต้นไม้" อิอิ นัดเจ๊เบญ น้องตองไว้ด้วยนะครับ
  • เจอกันเมื่อชาติต้องการครับ
  • ขอพลังแห่งความรู้ที่สร้างสรรค์จงสถิตกับท่านตลอดไป
ขอบคุณน้องเฟิร์นครับ...ขอเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากบล็อกก่อนพบเจอตัวจริงเสียงจริงนะครับ
สวัสดีค่ะ พี่จรัญธร อยากรู้จักจังค่ะ เข้ามาแชร์กันได้นะคะ อีกอย่าง พี่รู้จักคุณพ่อหนูได้ยังไงคะ หวังว่าคงได้เจอกันเร็วๆนี้นะคะ น้องเฟิน

สืบ นาคะเสถียร (31 ธ.ค. 24921 ก.ย. 2533)

นักอนุรักษ์และนักวิชาการด้านทรัพยากรธรรมชาติคนสำคัญของไทย มีบทบาทและชื่อเสียง จากการทำงานอนุรักษ์และปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า ในเชี่ยวหลาน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

ชีวิตวัยเยาว์

สืบ นาคะเสถียร หรือชื่อเดิม "สืบยศ" เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2492 ที่ตำบลท่างาม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี บุตรของ นายสลับ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี และนางบุญเยี่ยม สืบมีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยสืบเป็นบุตรชายคนโต น้องชายและน้องสาวอีก 2 คนคือ กอบกิจ นาคะเสถียร และ กัลยา รักษาสิริกุล สืบมีบุตรสาว 1 คนชื่อชินรัตน์ ในวัยเด็ก สืบ ได้ช่วยงานในนาของมารดาด้วยความอดทน บุคลิกประจำตัว คือเมื่อเขาสนใจหรือตั้งใจทำอะไรแล้วก็จะมีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จ และเป็นผู้ที่มีผลการเรียนดีมาโดยตลอด สืบได้ช่วยทำงานในนา ของมารดา เมื่อว่างจากภาระดังกล่าว ก็ออกท่องเที่ยวไปกับเพื่อน โดยมีหนังสติ๊กคู่ใจ

ประวัติการศึกษา

สืบได้เข้าเรียนชั้น ประถมตอนต้น ที่โรงเรียนประจำจังหวัดปราจีนบุรี ช่วงปิดเทอมว่างจากการเรียน ก็ออกไปช่วยทางบ้าน ยกเสริมแนวคันนาเอง เพื่อไม่ให้มีข้อพิพาทกับเพื่อนบ้าน เมื่อเรียนจบชั้นประถม 4 ได้ไปเรียนต่อที่ โรงเรียนเซนต์หลุยส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จนจบในระดับชั้นชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาในคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2511 และจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2514 และต่อมาได้ทำงานที่ส่วนสาธารณะของการเคหะแห่งชาติ ใน พ.ศ. 2517 สืบเข้าศึกษาในระดับปริญญาโท สาขาวิชาวนวัฒน์วิทยา ที่คณะวนศาสตร์ มหาลัยเกษตรศาสตร์ สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2518 ได้เริ่มชีวิตข้าราชการ โดยบรรจุเข้ารับราชการ ตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2522 สืบได้รับทุนการศึกษาจากบริติชเคาน์ซิลเรียนต่อในระดับปริญญาโทอีกครั้ง สาขาอนุรักษ์วิทยา ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ในอังกฤษ และจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2524

สืบกับมรดกงานวิจัยด้านสัตว์ป่า

หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สืบ นาคะเสถียร ได้เริ่มชีวิตข้าราชการ โดยบรรจุเข้ารับราชการ ตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ซึ่งขณะนั้นเป็นเพียงหน่วยงานที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น เขาตัดสินเลือกกองนี้เพราะต้องการทำงานเกี่ยวกับสัตว์ป่า งานแรกของสืบที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ จังหวัดชลบุรี เป็นจุดที่ทำให้สืบได้เรียนรู้ว่าได้มีผู้มีอิทธิพลบุกรุกทำลายป่าจำนวนมาก โดยไม่เกรงกลัวกฏหมาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2522 ได้เรียนต่ออีกที่อังกฤษ ถึงปี 2524 ได้กลับมารับตำแหน่งหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางพระ มีส่วนร่วมในการจัดการและประสานงาน รวมทั้งเป็นวิทยากร ฝึกอบรมพนักงานพิทักษ์ป่าอีกหลายรุ่น และ 2 ปีต่อมา ในปี 2526 สืบได้ขอย้ายตัวเองเข้ามาเป็นนักวิชาการ กองอนุรักษ์สัตว์ป่า ทำหน้าที่วิจัยสัตว์ป่าเพียงอย่างเดียว

ในระยะนี้ เป็นจังหวะที่สืบได้แสดงความเป็นนักวิชาการออกมาอย่างเต็มที่ งานวิจัยศึกษาสัตว์ป่าเป็นงานที่สืบทำได้ดี และมีความสุขในการทำงานวิชาการมาก สืบรักงานด้านนี้เป็นชีวิตจิตใจ อันเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาได้ผูกพันกับสัตว์ป่าอย่างจริงจัง งานวิจัยในช่วงแรกของสืบ เป็นการวิจัยนก โดยศึกษาจำนวนนกชนิดและพฤติกรรมรวมถึงการทำรังของนกสืบได้เริ่มใช้เครื่องมือในการบันทึกงานวิจัย ซึ่งรวมถึง กล้องวีดีโอ กล้องถ่ายภาพ และการสเก็ตซ์ภาพ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ได้กลายเป็นผลงานการวิจัยสัตว์ป่าชิ้นสำคัญของเมืองไทยในเวลาต่อมา ได้แก่ ภาพถ่ายสไลด์สัตว์ป่าหายากนับพันรูป ม้วนเทปวิดีโอภาพชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ป่า และปัญหาการทำลายป่าในเมืองไทยหลายสิบม้วน โดยผลงานทั้งหมดสืบเป็นคนถ่ายและตัดต่อเองทั้งหมด

 

ผลงานวิชาการของสืบ

สืบได้ผลิตงานวิจัยเกี่ยวกับสัตว์ป่าออกมามากมาย ตั้งแต่การสำรวจติดตามชนิดและพฤติกรรมการทำรังของนก สำรวจแหล่งอาศัยของกวางผา ค้นหาและศึกษาพฤติกรรมของเลียงผา มาจนถึงการสำรวจศึกษาสภาพทางนิเวศของป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่ฯ และได้เป็นอาจารย์พิเศษ ประจำภาคชีววิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  1. การทำรังวางไข่ของนกบางชนิดที่ อ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี สัมมนาสัตว์ป่าเมืองไทย พ.ศ. 2524
  2. รายงานการสำรวจนก บริเวณอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี สัมมนาสัตว์ป่าเมืองไทย พ.ศ. 2526
  3. รายงานผลการวิจัย วางแผนขั้นรายละเอียดสำหรับ ฟื้นฟูสภาพป่าไม้และ การจัดการป่าไม้บริเวณ พื้นที่ป่าต้นน้ำคลองแสง โครงการเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี 2527
  4. การศึกษานิเวศวิทยาของสัตว์ป่า ในบริเวณโครงการ ศูนย์ศึกษาเพื่อการพัฒนาภูพาน ตามพระราชดำริ 2528
  5. นิเวศวิทยาป่าไม้และสัตว์ป่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวรและ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง 2529
  6. รายงานผลการจับเนื้อทราย ที่เกาะกระดาษ 2529
  7. เลียงผาที่พบในประเทศไทย การกระจายถิ่นที่อยู่อาศัย และพฤติกรรมบางประการ 2529
  8. สำรวจถิ่นที่อยู่อาศัยของเก้งหม้อ
  9. นิเวศวิทยาป่าไม้และสัตว์ป่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี และ จ.ตาก และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี และ จ.ตาก กุมภาพันธ์ 2530 โดย สืบ นาคะเสถียร, นริศ ภูมิภาคพันธุ์, ศักดิ์สิทิ์ ซิ้มเจริญ
  10. การสำรวจเบื้องต้นเกี่ยวกับ สัตว์ป่าในพรุโต๊ะแดง จ.นราธิวาส 2530-2532
  11. การอพยพสัตว์ป่า ในอ่างเก็บน้ำรัชชประภา สัมมนาสัตว์ป่า 2532
  12. วิเคราะห์ความเหมาะสม จากรายงานและแผนการ แก้ไขผลกระทบด้านทรัพยากร ป่าไม้และสัตว์ป่า
  13. โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ แควใหญ่ตอนบน (Assessment on Report and Impact Assessment Plan on Forestry and Wildlife of Upper Quae Yai Project)
  14. รายงานการประเมินผลงาน ช่วยเหลือสัตว์ป่าตกค้าง ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำ เขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) จ.สุราษฏร์ธานี
  15. Nomination of the Thung Yai-Huay Kha Khaeng Wildlife Sanctuary to be a UNESCO World Heritage Site, May 1990 Submitted by the Wildlife Conservation Division, Royal Forest Department Prepared Seub Nakasathien and Belinda Stewart-Cox

โครงการอพยพสัตว์ป่าที่เชี่ยวหลาน

สืบ นาคะเสถียร ได้รับตำแหน่งหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่า โดยมีงบประมาณเริ่มต้นเพียง 8 แสนบาท ในการรับผิดชอบพื้นที่แสนกว่าไร่ โดยไม่มีการอนุมัติอุปกรณ์ช่วยชีวิตสัตว์ป่าแม้แต่เรือ แม้กระนั้นสืบได้ทำงานทั้งวันทั้งคืน และศึกษาข้อมูลจากทุกแหล่งทั้งหนังสือในเมืองไทย และหนังสือจากต่างประเทศ ตลอดจนขอความรู้จากนายพรานเก่าที่มีความชำนาญในการจับสัตว์ป่ามาก่อน

ในปี พ.ศ. 2529 สืบได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานในหน้าที่ หัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้าง ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำ เขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) บริเวณแก่งน้ำเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี สืบได้รับหน้าที่ให้เข้าไปช่วยเหลืออพยพสัตว์ป่าที่ตกค้างในอ่างเก็บน้ำ เนื่องจากปัญหาการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน สืบได้ทุ่มเทเวลาให้กับการกู้ชีวิตสัตว์ป่าที่หนีภัยน้ำท่วม ถึงแม้ว่าโครงการอพยพสัตว์ป่าสามารถช่วยสัตว์ได้กว่า 1,364 ตัว สืบรู้สึกเสียใจกับสัตว์อีกจำนวนมากที่เสียชีวิตไป สืบเริ่มเข้าใจปัญหาและ ตระหนักว่างานวิชาการเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถช่วยเหลือป่าและสัตว์ป่าจากการถูกทำลายได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาระดับชาติ โดยจะเห็นได้กรณีรัฐบาลจะสร้างเขื่อนน้ำโจน ในบริเวณทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัดกาญจนบุรี สืบได้เข้าคัดค้านอย่างเต็มที่

สืบได้เขียนรายงานผลการอพยพสัตว์ป่าจากเขื่อนเชี่ยวหลาน เพื่อบอกทุกคนให้รู้ว่า การช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ถูกทำลายถิ่นที่อยู่นั้น เป็นเรื่องที่เกือบจะไร้ผลโดยสิ้นเชิง สืบยืนยันว่าการสร้างเขื่อนได้ทำลายล้างเผ่าพันธุ์ แหล่งอาหาร ตลอดจน ที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าอย่างรุนแรง กระทั่งความช่วยเหลือจากมนุษย์ ไม่สามารถชดเชยได้ โดยการรวมพลังของกลุ่มนักอนุรักษ์ ซึ่งในที่สุดโครงการสร้างเขื่อนน้ำโจนได้ถูกระงับไป

ในระหว่างที่เขียนรายงานเขื่อนเชี่ยวหลาน สืบได้รับตำแหน่ง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวัดสุราษฏร์ธานี เพิ่มอีกตำแหน่ง และต่อมาในปี พ.ศ. 2530 สืบได้ปฏิบัติงานในโครงการศึกษาผลกระทบสภาพแวดล้อม เพื่อพัฒนาพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง จังหวัดนราธิวาส

 

ตำนานของห้วยขาแข้ง

สืบ นาคะเสถียร ได้กลับเข้ามารับราชการที่กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ ในปี พ.ศ. 2531 และสืบได้พยายามเสนอให้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และป่าห้วยขาแข้ง มีฐานะเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการ จากองค์การสหประชาชาติ โดยเล็งเห็นว่าฐานะดังกล่าวจะเป็นหลักประกันสำคัญ ที่จะคุ้มครองป่าผืนนี้เอาไว้อย่างถาวร โดย ปลายปี พ.ศ. 2532 สืบได้รับทุนเรียนต่อระดับปริญญาเอกที่อังกฤษ พร้อมกับได้รับมอบหมาย ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นป่าอนุรักษ์ที่มีความสำคัญมากไม่แพ้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ในปี พ.ศ. 2533 สืบได้จัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร ได้เป็นวิทยากรบรรยาย และร่วมอภิปรายในโอกาสและสถานที่ต่าง ๆ หลายแห่ง โดยเน้นเรื่อง "การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและปัญหาที่เกี่ยวข้อง" และ "การอพยพสัตว์ป่าตกค้างในเขื่อนเชี่ยวหลาน"

ด้วยป่าห้วยขาแข้งเป็นผืนป่าที่อุดมไปด้วยพรรณไม้และสัตว์ป่าอันล้ำค่า ทำให้หลายฝ่ายต่างก็จ้องบุกรุกเข้ามาหาผลประโยชน์ สืบได้แสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะรักษาป่าผืนนี้ไว้ให้ได้อย่างชัดแจ้ง ได้ประกาศให้รู้ทั่วกันว่า "ผมมารับงานที่นี่ โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน" ตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปรับงานหัวหน้าเขตฯ ถึงแม้กระนั้นก็ยังไ่ม่สามารถปกป้องป่าได้ เนื่องจาก การดูแลผืนป่าขนาดมากกว่าหนึ่งล้านไร่ ด้วยงบประมาณและกำลังคนที่จำกัด รวมถึงการทุจริตของเจ้าหน้าที่ กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยง่าย และมากกว่านั้นปัญหาความยากจนของชาวบ้านที่อยู่อาศัยโดยรอบเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทำให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลที่หวังผลประโยชน์ ได้ว่าจ้างชาวบ้านในเขตป่าสงวนเข้ามาตัดไม้ และลักลอบล่าสัตว์ในเขตป่าอนุรักษ์

ในทรรศนะของสืบ หนทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาได้คือการสร้างแนวป่ากันชนขึ้นมา โดยให้ชาวบ้านอพยพออกนอกแนวกันชน และพัฒนาแนวกันชนให้เป็นป่าชุมชนที่ชาวบ้านสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับความสนใจและความร่วมมากจากเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

 

การเสียสละด้วยชีวิต

เช้ามืดวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2533 สืบ นาคะเสถียร ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลง สืบได้สั่งเสียลูกน้องคนสนิทและเขียนจดหมายสั่งเสีย 6 ฉบับ ชำระสะสางภาระรับผิดชอบ และทรัพย์สินส่วนตัวที่คั่งค้าง รวมถึงมอบหมาย เครื่องใช้ และอุปกรณ์ในการศึกษาวิจัยด้านสัตว์ป่า ให้สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เพื่อนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว ตั้งศาลเพื่อแสดงความคารวะต่อดวงวิญญาณของเจ้าหน้าที่ ซึ่งพลีชีพรักษาป่าห้วยขาแข้ง แล้วสวดมนต์ไหว้พระจนจิตใจสงบ เสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่งในราวป่าลึก ที่ห้วยขาแข้ง สืบ นาคะเสถียร ได้จบชีวิตของเขาลง และเป็นจุดเริ่มต้นของ "ตำนานนักอนุรักษ์ไทย สืบ นาคะเสถียร ผู้ที่รักป่าไม้ สัตว์ป่าและธรรมชาติ ด้วยกายวาจา"

สองอาทิตย์ต่อมา บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมป่าไม้ รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายทหาร นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ นายอำเภอ ป่าไม้เขต และ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ อีกนับร้อยคน ได้เปิดประชุมเพื่อหามาตรการป้องกันการบุกรุกป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โดย สืบ นาคะเสถียร ได้พยายามจัดตั้งการประชุมหลายสิบครั้งแต่ไม่มีการตอบรับจากเจ้าหน้านี้ซักครั้งจนกระทั่งการเสียชีวิตของสืบ ทำให้มีข้อกล่าวว่า หากไม่มีเสียงปืนนัดนั้น การประชุมดังกล่าวก็คงไม่เกิดขึ้นเช่นกัน

การจากไปของ สืบ นาคะเสถียร ได้ส่งผลสะเทือนอย่างล้ำลึกต่อผู้คนที่รักธรรมชาติ และแสวงหาความเป็นธรรมในสังคม ทั้งนี้เพราะว่าในยามที่ยังมีชีวิตอยู่ สืบมิได้เป็นเพียงข้าราชการอาชีพที่มีภาระการงานเกี่ยวกับการพิทักษ์ป่า และสัตว์ป่าเท่านั้น หากเป็นผู้นำคนสำคัญของขบวนการอนุรักษ์ธรรมชาติในประเทศไทย เป็นผู้ที่เคยต่อสู้เพื่อปกปักรักษาทรัพยากรป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ โดยไม่คำนึงภัยอันตราย การจากไปของเขานับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นความสูญเสียที่นักอนุรักษ์ธรรมชาติทุกคน ไม่อาจปล่อยให้ผ่านพ้นไป โดยปราศจากความทรงจำ

 

ในแววตาทั้งคู่ ไม่รับรู้อะไร

I can see nothing in your eyes.

เธอคงยังไม่เข้าใจ ว่าฉันไม่ใช่คนเก่า

you probably still don't understand that I'm not the previous person.

เราคงยังเหมือนเพื่อน หยอกล้อเหมือนวันวาน

We're still like friends, teasing each other like yesterday;

แต่ฉันคือคนใจสั่น แต่ฉันคือคนหวั่นไหว

but I'm the one that palpitates, but I'm the one that's anxious.

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

You really don't know what is it,

ในความคุ้นเคยกันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น

in the familiarity we're in, it obscured something that's more than what there is.

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

You really don't know what is it,

ว่าเพื่อนคนหนึ่ง มันแอบมันคิดอะไรไปไกล กว่าเป็นเพื่อนกัน

that a friend, that secretly thinks of far more than being friends.

กลายเป็นคนฝันใฝ่อยู่ใกล้ใกล้เธอ

To turn into the person who can only dream, next to you;

กลายเป็นคนที่รอเก้อ เหมือนหนังสือที่เธอไม่อ่าน

to turn into one that waits in vain, like a book that you don't read.

ตาคอยมองจ้องอยู่ อยากให้รู้ใจกัน

My eyes kept looking, staring, wanting to let you know my heart,

แต่แล้วเธอยังมองผ่าน และฉันก็ยังหวั่นไหว

but then you are still just obvilous to me, and I then am still anxious.

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

You really don't know what is it,

ในความคุ้นเคยกันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น

in the familiarity we're in, it obscured something that's more than what there is.

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

You really don't know what is it,

ว่าเพื่อนคนหนึ่ง มันแอบมันคิดอะไรไปไกล กว่าเป็นเพื่อนกัน

that a friend, that secretly thinks of far more than being friends.



ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

You really don't know what is it,

ในความคุ้นเคยกันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น

in the familiarity we're in, it obscured something that's more than what there is.

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

You really don't know what is it,

ว่าเพื่อนคนหนึ่ง มันแอบมันคิดอะไรไปไกล กว่าเป็นเพื่อนกัน

that a friend, that secretly thinks of far more than being friends.

มันคิดอะไรไปไกล กว่าเป็นเพื่อนกัน

I secretly think of far more than being friends.


 

จรัล มโนเพ็ชร (1 มกราคม พ.ศ. 24943 กันยายน พ.ศ. 2544) เป็นศิลปินชาวไทย ผู้เป็นทั้งนักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง และนักแสดง ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัย

งานดนตรีของจรัลมีเอกลักษณ์จากการสร้างสรรค์ภาษาถิ่นเหนือ คำเมือง ของเขาซึ่งถูกเรียกว่า “โฟล์คซองคำเมือง” ที่ก่อเกิดขึ้นนับแต่ปี พ.ศ. 2520 และได้รับความสนใจจนเป็นที่ยอมรับ และกลายเป็นแบบอย่างบนแนวทางดนตรีท้องถิ่นร่วมสมัยในปัจจุบัน

โฟล์คซองคำเมืองของจรัลไม่เพียงได้รับความนิยมชมชอบจากชาวเหนือหรือชาวล้านนา ซึ่งเข้าใจภาษาคำเมืองภาษาท้องถิ่นของตน แต่ยังเป็นที่ชื่นชอบของชาวไทยภาคอื่น ๆ ไปจนถึงชาวต่างชาติที่สนใจในศิลปะการดนตรี เอกลักษณ์ของเขาทั้งในการแต่งเพลง ร้องเพลง และเล่นดนตรี ทำให้จรัลได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชาโฟล์คซองคำเมือง” จรัลแต่งเพลงไว้กว่าสองร้อยเพลงในช่วงเวลาราวยี่สิบห้าปีของชีวิตศิลปินของเขา เป็นบทเพลงที่งดงามด้วยการใช้ภาษาเยี่ยงกวี จนทำให้เขาได้รับโล่ห์ประกาศเกียรติคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี พ.ศ. 2537 ในฐานะ “บุคคลดีเด่นทางด้านการใช้ภาษา”

แม้จรัลจะเสียชีวิตไปแล้วแต่บทเพลงของเขานับร้อยเพลงนั้นยังคงเป็นอมตะ ผู้คนยังคงฟังเพลงของเขาอยู่ไม่เสื่อมคลาย

 

ประวัติ

จรัล มโนเพ็ชร เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ ในย่านที่เรียกว่าประตูเชียงใหม่ พ่อของเขาเป็นข้าราชการอยู่ที่แขวงการทางจังหวัดเชียงใหม่ ชื่อ สิงห์แก้ว มโนเพ็ชร ส่วนแม่ชื่อ เจ้าต่อมคำ มโนเพ็ชร สืบเชื้อสายมาจากราชตระกูล ณ เชียงใหม่

จรัลเกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2494 เป็นลูกคนที่สอง มีพี่น้องชายหญิงรวมทั้งหมด 7 คน ครอบครัวเป็นชนชั้นกลาง มีชีวิตเรียบง่ายสมถะตามแบบวิถีชีวิตชาวเหนือทั่วไป ใฝ่ใจในพุทธศาสนา ทั้งพ่อและแม่ของจรัลจะไปทำบุญและร่วมงานพิธีทางศาสนาอยู่เสมอที่วัดใกล้บ้าน คือ วัดฟ่อนสร้อย ซึ่งเป็นวัดที่ครอบครัวนี้มีศรัทธาอย่างยิ่ง ด้วยครอบครัวมโนเพ็ชรเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อของจรัลจึงต้องหารายได้พิเศษ ความที่เป็นคนมีฝีมือในด้านงานศิลปะหัตถกรรมท้องถิ่นที่สืบทอดตกมาจากบรรพบุรุษชาวเหนือ ทั้งการเขียนรูป และการแกะสลักไม้ พ่อของจรัลจึงมีรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัว จรัลเองในเวลานั้นแม้จะอยู่ในวัยเด็ก แต่บางครั้งเมื่อพ่อมีงานพิเศษล้นมือจรัลจะเป็นผู้ช่วยพ่อของเขา ทั้งงานเขียนรูปและงานแกะสลักไม้

การศึกษา

จรัลเข้าเรียนหนังสือครั้งแรกที่โรงเรียนพุทธิโสภณ แล้วจึงย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนเมตตาศึกษา จากนั้นจึงสอบเข้าเรียนในขั้นอุดมศึกษาที่วิทยาลัยเทคนิคภาคพายัพ จรัลฝึกเล่นกีตาร์มาตั้งแต่เด็กเพราะความชอบในดนตรี ทั้งจากที่เขาได้ฟังทางสถานีวิทยุในเชียงใหม่ และจากพวกมิชชันนารีที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาในภาคเหนือ ระหว่างที่เรียนอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคภาคพายัพ จรัลช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวด้วยการทำงานเพื่อหารายได้พิเศษโดยไม่ต้องรบกวนเงินทองจากทางบ้าน เขาเริ่มต้นด้วยการรับจ้างร้องเพลงและเล่นกีตาร์ตามร้านอาหาร หรือตามคลับตามบาร์ในเชียงใหม่ ซึ่งในเวลานั้นยังมีอยู่เพียงไม่กี่แห่ง แนวดนตรีที่เขาชอบเป็นพิเศษคือดนตรีโฟล์ค คันทรี และบลูส์ ที่ต่อมาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลอย่างยิ่งในการแต่งเพลงของเขา

เมื่อจบการศึกษาจากวิทยาลัย จรัลเข้าทำงานรับราชการเป็นงานแรกที่แขวงการทางอำเภอพะเยา (เวลานั้นพะเยายังไม่ได้รับการยกให้เป็นจังหวัดเหมือนในปัจจุบัน) ต่อมาจึงย้ายไปทำงานที่บริษัทไทยฟาร์มมิ่ง และที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ จรัลยังคงทำงานประจำไปด้วยควบคู่กับการร้องเพลงตามร้านอาหาร ตามโรงแรมและคลับบาร์ในเชียงใหม่

ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2520 เมื่อบทเพลงโฟล์คซองคำเมืองของเขาเผยแพร่ไปทั่วประเทศ เพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือเพลงที่ชื่อ อุ๊ยคำ ซึ่งเวลานั้นเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทเพลงของ ปีเตอร์ พอล แอนด์ แมรี นอกจากนั้นยังมีศิลปินต่างชาติอีกหลายคนที่เป็นต้นแบบการเล่นดนตรีของจรัล เช่น บ็อบ ดีแลน, จอห์น เดนเวอร์, นิตตี้ กริทที้ เดิร์ท แบนด์, วิลลี่ เนลสัน, จิม โครเชต์ และ พอล ไซมอน & อาร์ท การ์ฟังเกล ซึ่งส่งผลไปถึงการทำงานโฟล์คซองคำเมืองอันเป็นดนตรีในรูปแบบของจรัลเอง

จรัลก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปในยุคนั้นที่ได้ยินได้ฟังดนตรีจากอเมริกาและอังกฤษที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยตามสมัยนิยม แต่จรัลไม่เพียงชื่นชอบเสียงดนตรีจากต่างประเทศ เขายังชื่นชอบบทเพลงสมัยก่อนแต่โบราณของชาวล้านนาอย่างยิ่ง เมื่อจรัลเริ่มต้นแต่งเพลง บทเพลงของเขาจึงเป็นการผสมผสานแนวดนตรีตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้จะเป็นการผสมผสานศิลปะดนตรีของตะวันออกกับตะวันตกก็ตาม แต่งานดนตรีของจรัลก็แฝงด้วยลักษณะท้องถิ่นล้านนาที่ชัดเจน ทั้งท่วงทำนองและเนื้อหาของบทเพลงที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวล้านนาตั้งแต่ยุคแรกที่ทำให้จรัลมีชื่อเสียงขึ้นมา และแม้เวลาจะผ่านไป บทเพลงของจรัลเริ่มที่จะเป็นลักษณะสากลแต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งบทเพลงพื้นบ้านของล้านนา

ยุคแรก

บทเพลงคำเมืองของเขาแพร่กระจายไปทั่วในปี พ.ศ. 2520 แต่บรรดาครูเพลงในล้านนาที่จรัลมักเรียกว่า ฤาษีทางดนตรี ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์งานของเขาซึ่งแปลกแตกต่างไปจากดนตรีล้านนาที่เคยได้ยินได้ฟังกันมา เพราะจรัลใช้กีตาร์ และแมนโดลินมาแทนเสียงซึง ใช้ขลุ่ยฝรั่งแทนขลุ่ยไทย และเขายังใช้เครื่องดนตรีสมัยใหม่อีกมากมายมาบรรเลงบทเพลงเก่าแก่ของล้านนาตามแบบฉบับโฟล์คซองคำเมืองของเขา จรัลพูดว่า “บทเพลงแบบเก่าๆนั้นมีคนทำอยู่มากแล้วและก็ไม่สนุกสำหรับผมที่จะไปเลียนแบบของเก่าเสียทุกอย่าง”

การเป็นคนนอกคอกที่กล้าพอที่จะสร้างสรรงานดนตรีซึ่งแตกต่างจากงานเก่า ๆ ตามแบบของศิลปินนี้เอง ที่ส่งผลให้บทเพลงเก่าแก่ของล้านนากลับมาได้รับความสนใจจากวัยรุ่นในยุคนั้น แทนที่จะหายไปตามกาลเวลาและสมัยนิยม จรัลได้รับการยกย่องอย่างสูงว่าเป็นนักแต่งเพลงฝีมือเยี่ยม ที่แม้บรรดาศิลปินเพลงด้วยกันต่างก็ยอมรับ เขาเชียวชาญการแต่งเพลงหลายรูปแบบแต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือบทเพลงแบบบัลลาด ซึ่งเป็นบทเพลงที่บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของผู้คนของท้องถิ่นล้านนาอันเป็นบ้านเกิดของเขา จรัลพูดถึงการแต่งเพลงเองร้องเพลงเองของเขาว่า….. '“มันเป็นงานที่เป็นตัวตนจริงๆแท้ๆจากใจ ในเมื่อผมเป็นนักร้องแต่ไม่อยากร้องเพลงของคนอื่น ผมจึงต้องเขียนเพลงของตัวเอง เป็นเพลงที่ผมอยากร้อง มันทำให้ได้เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ ไม่ต้องอาศัยให้ใครมาสร้างภาพลักษณ์”'

ในยุคแรกๆนั้นจรัลทำงานดนตรีร่วมกับพี่น้องและญาติๆของเขาในตระกูลมโนเพ็ชร คือน้องชายสามคนที่ชื่อ กิจจา – ครรถ์ชิด และเกษม รวมทั้งมักจะมีนักร้องหญิงชื่อสุนทรี เวชานนท์ ร่วมร้องเพลงด้วย แต่ต่อมาทั้งหมดก็แยกทางกันไปตามวิถีของแต่ละคน น้องชายทั้งสามของเขาต่างก็ยังคงเล่นดนตรีและร้องเพลง โดยที่ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯนั่นเอง ส่วนนักร้องผู้หญิงนั้นแต่งงานกับชายชาวออสเตรเลียจึงโยกย้ายไปอยู่ต่างประเทศระยะหนึ่ง เมื่อกลับมาเมืองไทยอีกครั้งก็ได้เกิดเรื่องความบาดหมางระหว่างจรัลกับนักร้องหญิงจนทำให้ไม่อาจร่วมงานกันได้อีกต่อไป จรัลเองถึงกับประกาศว่าจะไม่ขอขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมกับนักร้องนี้อีก และเขาก็ได้ทำเช่นนั้นตราบจนวันตายจริงๆ

ยุคหลัง

ในช่วงบั้นปลายของชีวิตราวสิบปีก่อนที่จรัลจะเสียชีวิต งานดนตรีของเขาจึงเป็นการทำงานเพียงลำพังอย่างแท้จริง แต่ด้วยความสามารถอันสูงส่งของเขา งานดนตรีของจรัลกลับพัฒนายิ่งขึ้น โดยที่เขายังคงแต่งเพลงเอง ร้องเอง เล่นดนตรีเอง และจรัลยังเรียบเรียงเสียงดนตรีเองอีกด้วย จนทำให้เขาได้รับรางวัลดนตรี สีสันอวอร์ด ในปี พ.ศ. 2538 โดยเป็นศิลปินชายเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลถึงสามรางวัลในครั้งนั้น นั่นก็คือในฐานะนักร้องชายยอดเยี่ยม จากเพลงศิลปินป่า อัลบั้มยอดเยี่ยม จากอัลบั้มชุดศิลปินป่า และบทเพลงยอดเยี่ยมจากงานชุดศิลปินป่า

เมื่อจรัลโยกย้ายจากจังหวัดเชียงใหม่ไปอยู่ที่กรุงเทพฯ นอกจากมีกิจการร้านอาหารและทำงานเพลงแล้ว บางครั้งจรัลยังรับแสดงหนังและละคร อีกทั้งยังแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์และละครเหล่านั้นด้วย ความสามารถในด้านนี้ทำให้ต่อมาจรัลได้รับรางวัลทางด้านการแสดงอีกหลายรางวัลทีเดียว ในปี พ.ศ. 2539 เนื่องในวโรกาสกาญจนาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีการจัดทำดนตรีเรียกว่าดนตรีจตุรภาค โดยรวบรวมนักดนตรีฝีมือเยี่ยมจากทั่วทุกภาคในประเทศมาแต่งเพลงเพื่อเฉลิมฉลองวโรกาสนี้ จรัลเองขณะนั้นมีอายุเพียงสี่สิบห้าปีเท่านั้นแต่ก็ได้รับเชิญในฐานะครูเพลงภาคเหนือ เขาแต่งเพลงชื่อว่า ฮ่มฟ้าปารมี เป็นเพลงที่ไพเราะมาก จนทำให้ต่อมาแพร่หลายในวงกว้าง และในที่สุดสถาบันการศึกษาด้านศิลปะการดนตรีในจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำเพลงนี้ไปใช้ประกอบการสอนในสาขานาฏศิลป์ด้วย และปัจจุบันนี้ได้มีผู้คิดท่าฟ้อนรำสำหรับบทเพลงนี้เช่นกัน เรียกว่า ฟ้อนฮ่มฟ้าปารมี ช่วงชีวิตการทำงานศิลปะการดนตรีของจรัลเริ่มในปี พ.ศ. 2520 และสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2544 เมื่อจรัลเสียชีวิตจากการที่หัวใจล้มเหลวฉับพลัน โดยที่ก่อนเสียชีวิตนั่นเองจรัลกำลังตั้งใจที่จะทำงานเพลงในโอกาสที่โฟล์คซองคำเมืองของเขายืนยาวมาถึงยี่สิบห้าปีแห่งการทำงานเพลง เขาตั้งใจใช้ชื่อว่า 25 ปี โฟล์คซองคำเมือง จรัล มโนเพ็ชร

การเสียชีวิต

ข่าวการเสียชีวิตของจรัลจากการที่หัวใจล้มเหลวฉับพลัน เมื่อย่ำรุ่งของวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2544 จังหวัดลำพูน สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วประเทศ ผู้คนจำนวนมากจากทุกวงการเดินทางไปคารวะศพของเขา ซึ่งตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดพระธาตุหริภุญไชยเป็นเวลาห้าวัน พวงหรีดที่มีผู้นำไปแสดงความเคารพและคารวะศพของจรัลมีเป็นจำนวนมากจนกระทั่งไม่มีที่วาง ทางวัดจึงต้องนำไปแขวนไว้บนกำแพงวัดทั้งด้านในและด้านนอก นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นคือ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ส่งพวงหรีดดอกไม้สดมา และรวมทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย หรือแม้แต่รัฐมนตรีตามกระทรวงต่าง ๆ และสมาชิกรัฐสภา

หลังการเสียชีวิตของจรัล มโนเพ็ชร นอกจากการขนานนามที่เขาได้รับมาตลอดว่าเป็น ราชาโฟล์คซองคำเมือง แล้ว ผู้คนได้ยกย่องและเรียกเขาด้วยชื่อต่าง ๆ กันเป็นต้นว่า ศิลปินล้านนาแห่งยุคสมัย ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ มหาคีตกวีล้านนา ราชันย์แห่งดุริยะศิลป์ นักวิชาการและนักอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมยกย่องให้ จรัล มโนเพ็ชร เป็นนักรบวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น

ก่อนเสียชีวิตไม่นานจรัล มโนเพ็ชร ได้รับเชิญจากรัฐบาลให้เป็นที่ปรึกษางานด้านวัฒนธรรม ซึ่งจรัลได้ตอบตกลงไปแล้ว แต่ก่อนที่การประชุมครั้งแรกจะเกิดขึ้นจรัลก็เสียชีวิตไปก่อน

 

ผลงาน

ผลงานดนตรี (พ.ศ. 2520 – 2544)

  1. โฟล์คซองคำเมือง อมตะ 1
  2. โฟล์คซองคำเมือง อมตะ2
  3. เสียงซึงที่สันทราย
  4. จากยอดดอย
  5. ลูกข้าวนึ่ง
  6. แตกหนุ่ม
  7. อื่อ…จา…จา
  8. บ้านบนดอย
  9. เอื้องผึ้ง-จันผา
  10. ไม้กลางกรุง
  11. ตำนานโฟล์ค
  12. ฉันมีความรักมาให้
  13. จรัลแจ๊ส
  14. โฟล์ค 1991
  15. ศิลปินป่า
  16. หวังเอย หวังว่า
  17. ความหวังความฝันของวันนี้
  18. ล้านนาซิมโฟนี

ผลงานการแสดง (พ.ศ. 2520 – 2544)

ภาพยนตร์

  • ดอกไม้ร่วงที่แม่ริม
  • เสียงซึงที่สันทราย
  • ด้วยเกล้า
  • วิถีคนกล้า
  • กาเหว่าที่บางเพลง

ละครโทรทัศน์

  • เวลาในขวดแก้ว
  • ไม้ดัด
  • หงษ์เหนือมังกร
  • ขมิ้นกับปูน

ละครเวที

พากย์

ดนตรีประกอบภาพยนตร์และสารคดี

  • ดนตรีประกอบสารคดีขององค์การยูนิเซฟ เพื่อรณรงค์ต่อต้านการประกอบอาชีพโสเภณีของสาวเหนือ
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง บุญชูผู้น่ารัก (ทุกภาค)
  • ดนตรีประกอบสารคดีโทรทัศน์ ชุดพุกามประเทศ-เชียงตุง-อาณาจักรล้านนา
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง เขาชื่อกานต์
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง คนทรงเจ้า
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง วิถีคนกล้า
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง ยิ้มนิดคิดเท่าไหร่
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง กาเหว่าที่บางเพลง
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง อนึ่ง…คิดถึงพอสังเขป
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง โก๊ะจ๋า…ป่านะโก๊ะ
  • ดนตรีประกอบสารคดีโทรทัศน มาลัยชีวิต
  • ดนตรีประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง เหตุเกิดเมื่อคืนหนึ่ง
  • ดนตรีประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง ระเริงชล
  • ดนตรีประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง เวลาในขวดแก้ว
  • ดนตรีประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง เจ้านาง

เกียรติคุณที่เคยได้รับ

เป็นหนึ่งในงานเขียนบันทึกเพียงไม่กี่ชิ้นที่ผมอ่านแล้วเห็นภาพและมีความสุขในทุกบรรทัด  ขอให้ความมุ่งหวังของครูนิเทศฯที่มีต่อนักศึกษา เป็นจริงทุกประการ

ผมและพี่ๆที่จบมาแล้วอาจช่วยเบาแรงครูได้ไม่มากแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ครูเห็นว่าพวกเราพอจะช่วยได้ขอให้ครูบอกมานะครับ ผมและพี่ๆที่จบมาแล้วจะมีความสุขมากหากได้มีโอกาสรับใช้ครูและรับใช้นิเทศศาสตร์

 

ดอกบัวตองนั้นบานอยู่บนยอดดอย

ดอกเอื้องสามปอย บ่เกยเบ่งบานบนลานพื้นดิน

ไม้ใหญ่ไพรสูง นกยูงมาอยู่กิน

เสียงซึงสะล้อ..จ๊อยซอเสียงพิณ

คู่กับแดนดินของเวียงเจียงใหม่

สาวเจ้าควรภูมิใจ บ่ลืมว่าเฮาลูกแม่ระมิงค์

คนงามงามต้องงามคู่ความเด่นดี

ต้องฮักศักดิ์ศรีของกุลสตรีแม่ญ่าแม่ญิง

เยือกเย็นสดใส..เหมือนน้ำแม่ปิง

มั่นคงจริงใจ ฮักใครฮักจริง

สาวเอยสาวเวียงพิงค์ สาวเครือฟ้าเคยซมซาน

อีกแม่สาวบัวบาน..นั่นคือนิทานสอนใจ



ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็นและการแชร์ความรู้กันนะคะ

 

ฉันยังจำเสมอที่เธอเคยบอกกับฉัน

I always remember the words you told me.

คิดแล้วยังตื้นตันเกินอธิบาย

When I think about it, I am just too overwhelmed to explain.

นึกถึงคำๆนั้นทุกวันที่ห่างกันไป

I recall those words when you are far away from me.

เหมือนมันเป็นโยงใยที่ส่งถึงกัน

They are like a link between us.

ไม่ว่าเราจะโชคดี หรือบางทีที่ร้องไห้ ต่างคนสนใจจะฟัง

Irregardless of whether we are lucky or sad and down on our luck. Both of us are keen to care.

เพราะว่าในชีวิตเรื่องจริงมันต่างจากฝัน

Because in life, the reality is very different from our dreams.

ฝันไม่เคยมีวันที่เจ็บช้ำใจ

When we have dreams, we will not be sad.

มีผู้คนอยู่รอบกาย เหมือนไม่มีไม่เห็นใคร แต่ใจๆฉันยังมีเธอ

There are so many people around me, yet I do not take an interest in anyone. Because my heart is still with you.

คืนที่ไร้แสงไฟ วันที่ใจมัวหม่น ขอเพียงใครสักคนห่วงใยกัน

On those dark nights and days when I feel gloomy. Can I have someone to worry about me?

วันที่เสียน้ำตา วันที่ฟ้าเปลี่ยนผัน เธอก็ยังมีฉันอยู่ทั้งคน

The day I am sad and cry, the day the sky changes. You still have me as your friend.

ฝนที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว

Whenever the rain falls on you, I will feel the cold. I want to listen to your worries.

ยังนอนดึกอยู่ใช่ไหม เธอผอมไปหรือเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง

Do you still sleep late at night? Are you losing weight because of your worries? Don't forget to share them with me.

 :band:

คืนที่ไร้แสงไฟ วันที่ใจมัวหม่น ขอเพียงใครสักคนห่วงใยกัน

On those dark nights and days when I feel gloomy. Can I have someone to worry about me?

วันที่เสียน้ำตา วันที่ฟ้าเปลี่ยนผัน เธอก็ยังมีฉันอยู่ทั้งคน

The day I am sad and cry, the day the sky changes. You still have me as your friend.

เพราะฝนที่ตกอยู่ทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว

Because when the rain falls on you, I feel the cold too. I want to listen to your problems.

เธอลำบากอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง

Is something bothering you? Can you deal with it? Do not forget to share them with me.

เพราะฝนที่ตกอยู่ทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว

Because when the rain falls on you, I feel the cold too. I want to listen to your problems.

เธอลำบากอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง

Is something bothering you? Can you deal with it? Do not forget to share them with me.

เธอยังขาดอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า

Are you in need of anything? Will you be able to manage it?

อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง เธอยังมีฉันอยู่ทั้งคน

Do not forget to tell me, you will still have me as your friend

 

 

สวัสดีค๊า คุณพี่เฟิร์น จำคุงน้องได้ป่าวค๊า อิอิ บังเอิ๊ญ บังเอิญ ผ่านเข้ามา อ่านแล้วระรานตา ระรานใจเหลือเกิน อยากเขียนได้อย่างคุงเจ๊บ้างจัง คิดถึงนะ ปล.นู๋ไม่ได้นัดใครไว้ล่วงหน้า แต่ถ้านู๋ไปจะไปหาละกันเจ้าาาา
ไม่กินก๋วยเตี๋ยว.. ทำไมไม่บอก

 

เนื้อคู่กันแล้ว ก็คงไม่แคล้วกันไปได้
ถ้าเคยทำบุญร่วมไว้ ถึงจะยังไงก็ต้องเจอะกัน
เขาเรียกบุพเพสันนิวาสสร้างสรรค์
คงเคยตักบาตรร่วมขัน สร้างโบสถ์ร่วมกันไว้ในชาติก่อน

น้องสบตาพี่ไม่หลบตาหนีพี่รู้แน่
หัวใจของพี่พ่ายแพ้รักน้องศรีแพรเสียแล้วแน่นอน
รักเกิดจากใจใครมิได้เสี้ยมสอน
มิใช่ภาพลวงภาพหลอนพี่รักบังอรคงเพราะบุพเพ

พี่เป็นคนจริงพูดจริงทำจริง น้องหญิงอย่าเพิ่งสนเท่
อย่าเพิ่งขว้างทิ้งพี่คือเพชรจริงมิใช่เพชรเก๊
เมื่อรักพี่แล้วอย่ารวนอย่าเร... นะน้องจ๋า

เนื้อคู่กันแล้ว ก็คงไม่แคล้วคงไม่คลาด
ถ้าเคยทำบุญร่วมชาติ ขอยอมเป็นทาสแม่ดวงสุดา
เขาเรียกบุพเพสันนิวาสเรียกหา
พี่จึงมั่นใจแน่นหนาว่าขวัญชีวาคงไม่ตัดรอน

 

ถึงคุณไม่กินก๋วยเตี๋ยว ทำไมไม่บอก เฮ้อ.....ดิชั้นออกจะมึนงงอยู่สักเล็กน้อย..กับนามแฝงของคุณนะคะ..แต่แล้วสิ่งที่ดิชั้นสงสัยมันมาเฉลยเมื่อดิชั้นได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Seasons Change ชื่อไทย เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย...มุขของนางเอกมันทำให้ดิชั้นเข้าใจว่า..เราไม่จำเป็นต้องฝืน ถ้าเราไม่ชอบอะไรใช่ไม๊..เพราะถ้าฝืนไปนานๆคนๆนั้นเขาสามารถรับความรู้สึกแห่งการฝืนของคุณๆได้เช่นกัน..เหมือนที่ดาว บอกกับป้อมว่า "ไม่กินผัก ทำไมไม่บอก" 555555 ขอบคุณสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ค่ะ
การประกาศผลรางวัลฯ ครั้งที่ ๓/๒๕๔๘
สนับสนุนและอนุเคราะห์โดย หอภาพยนตร์แห่งชาติ กรมศิลปากร
วันศุกร์ ที่ ๒๕ ส.ค. ๒๕๔๙ ณ โรงภาพยนตร์ หอภาพยนตร์แห่งชาติ ท่าวาสุกรี

รางวัลเกียรติคุณทางการแสดง ครั้งที่ ๓/๒๕๔๘
เกียรติคุณสดุดี
วิไลวรรณ วัฒนพานิช และ สอาด เปี่ยมพงษ์ศานต์

นักแสดงผู้สมควรกล่าวถึงเป็นพิเศษ
วีรภักดิ์ แก่นสุวรรณ นักแสดงชายในบทนำจาก "เอ๋อเหรอ"
ศึกษา ทิพย์นุช นักแสดงชายในบทสมทบจาก "เอ๋อเหรอ" (ขอไว้อาลัยแด่น้องศึกษา ผู้จากไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามข่าวใน http://www.deknang.com)

นักแสดงหญิงยอดเยี่ยมในบทนำ
ลลนา สุลาวัลย์ - "วัยอลวน ๔ ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น"
ให้เกียรติประกาศโดย คุณคมสันต์ บุญญะวิตร ผู้มีความเห็นว่าอยากให้คุณวรนุช วงษ์สวรรค์ ได้รับรางวัลนี้
นักแสดงหญิงดีเด่นในบทนำ
คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ - "วัยอลวน ๔ ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น"
นภคปภา นาคประสิทธิ์ - "ลองของ"
วรนุช วงษ์สวรรค์ - "เฉิ่ม"
ศิรพันธ์ วัฒนจินดา - "เพื่อนสนิท"

นักแสดงชายยอดเยี่ยมในบทนำ
ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ - "เพื่อนสนิท"
ให้เกียรติประกาศโดย อาจารย์โดม สุขวงศ์
นักแสดงชายดีเด่นในบทนำ
ฉัตรชัย เปล่งพานิช - "จอมขมังเวทย์"
บริวัตร อยู่โต - "อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม"
เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา - "เฉิ่ม"
ไพโรจน์ สังวริบุตร - "วัยอลวน ๔ ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น"

นักแสดงหญิงยอดเยี่ยมในบทสมทบ
มณีรัตน์ คำอ้วน - "เพื่อนสนิท"
ให้เกียรติประกาศโดย คุณเลิศศักดิ์ นวลจิตต์ ผู้มีความเห็นว่าอยากให้คุณอาภาพร นครสวรรค์ ได้รับรางวัลนี้
นักแสดงหญิงดีเด่นในบทสมทบ
ธรัญญา สัตตบุษย์ - "อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม"
เยาวลักษณ์ ตุ้มบุญ - "แหยม ยโสธร"
สาธิดา เขียวชะอุ่ม - "เอ๋อเหรอ"
อาภาพร นครสวรรค์ - "มนต์รักลูกทุ่ง"

นักแสดงชายยอดเยี่ยมในบทสมทบ
จุมพล ทองตัน - "มหา'ลัยเหมืองแร่"
ให้เกียรติประกาศโดย ร.ต. พุ่ม นาคสีทอง ผู้มีความเห็นว่าอยากให้คุณสนธยา ชิตมณี ได้รับรางวัลนี้
นักแสดงชายดีเด่นในบทสมทบ
จรัล เพชรเจริญ - "มหา'ลัยเหมืองแร่"
ธีรดนัย สุวรรณหอม - "อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม"
สนธยา ชิตมณี - "มหา'ลัยเหมืองแร่"
แอนโทนี่ โฮวาร์ด *** ลด์ - "มหา'ลัยเหมืองแร่"

ทีมนักแสดงยอดเยี่ยม
ทีมนักแสดงจากเรื่อง "มหา'ลัยเหมืองแร่"
ให้เกียรติประกาศโดย คุณสุชาดา สิริธนาวุฒิ ผู้มีความเห็นว่าอยากให้ทีมนักแสดงเรื่อง "เฉิ่ม" และ "เพื่อนสนิท" ได้รับรางวัลนี้
ทีมนักแสดงดีเด่น
ทีมนักแสดงจากเรื่อง "เฉิ่ม"
ทีมนักแสดงจากเรื่อง "เพื่อนสนิท"
ทีมนักแสดงจากเรื่อง "วัยอลวน ๔ ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น"
ทีมนักแสดงจากเรื่อง "อหิงสา จิ๊กโก๋มีกรรม"

หมายเหตุ การแสดงความเห็นของผู้ให้เกียรติประกาศผลรางวัลทุกท่าน กระทำก่อนการเปิดซองประกาศผลรา
Friend of Fern ( ไม่ใช่เพื่อนตุ้ม)

 

Hero & Friend


สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ

เฒ่าทระนง

ชื่อนี้ใครเป็นเจ้าของถือครองอยู่ผมขออนุญาตหยิบยืมมาใช้ให้กับปู่เย็นหน่อยนะครับ

ปู่เย็น อายุ 106 ปี

วัย 106 ปี ของชายชราคนหนึ่งน่าจะพูดได้ว่า เลยภาวะไม้ใกล้ฝั่งไปแล้วหลายขุม ปู่อยู่ตัวคนเดียว เคยมีเมียแต่ไม่มีลูก เพราะปู่เป็นหมัน ถ้าปู่มีลูกไม่แน่ว่าป่านนี้ลูกๆ ของปู่จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่สำหรับปู่ ยังไงปู่ก็ยังไม่ตายแน่ๆ นอกจากยังไม่ตาย ปู่ยังแข็งแรงใช้ได้ ไม่ว่าร่างกายหรือหัวใจ

ปู่เป็นมุสลิมเมืองเพชร แต่เมียปู่เป็นไทยพุทธแถวประจวบ ทั้งสองครองรักกันยืนยาวโดยไม่มีฝ่ายใดได้เปลี่ยนรีตเปลี่ยนรอยศาสนา รวมทั้งในชีวิตไม่เคยมีพิธีกรรมออกหน้าออกตาอันใด ใช้หัวใจหรือหัวอะไรบ้างก็ไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่าอยู่กันมายืนยาวกว่าไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร ย่าขี้เกียจอยู่ดูโลก จากปู่ไปก่อน ตอนอายุ 92 ปี ปู่ถึงตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะจากโลกนี้ไปไหน แต่ตอนย่าจากไปปู่ร้องไห้อยู่ 3 เดือน

ชายชราคนหนึ่ง ร้องไห้กับการจากไปของหญิงชราคนหนึ่งนาน 3 เดือน คงไม่ใช่เพราะความขี้แย นับแต่วันที่ย่าจากไป ปู่ก็ออกจากบ้านเช่าราคาเดือนละแปดร้อยบาท ขนทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ไม่กี่ชิ้นในชีวิต มาอยู่บ้านหลังใหม่ ไม่มีเสา ไม่มีหลังคา ยาวราวๆ 2 วา กว้างแค่ 2 ศอก บ้านของปู่เป็นเพียงเรือลำเล็กๆ ลอยอยู่ในลำน้ำเพชร นับถึงปัจจุบัน ปู่กิน อยู่ หลับนอน อยู่ในเรือมานานนับสิบปี โดยมีการงานแห่งชีวิตเพียงอย่างเดียว คือ การดักอวนหาปลา

ทุกวันปู่จะจอดเรือนั่งๆ นอนๆ อยู่ใต้สะพานลำใย ซึ่งทอดเชื่อมระหว่างบ้านหม้อ กับตลาดวัดท่อ พอเย็นๆ ก็จะเริ่มพายเรือออกไปหาที่วางอวน ปู่จะกู้อวนคืนละ 2 ครั้ง ดึกๆ ครั้งหนึ่ง รุ่งเช้าอีกครั้งหนึ่ง ได้ปลา ปู่ก็จะเอาใส่กะละมังหิ้วขึ้นมาขายที่ตลาดวัดท่อในตอนเช้า ก่อนเดินกลับลงไปพักผ่อน ชมเวลาเลือนผ่านชีวิตไปโดยไม่วิตกทุกข์ร้อน หรือไม่ก็ซ่อมอวนอยู่ในเรือ

ปู่ไม่ชอบให้ใครสงสารปู่ แต่ปู่ชอบสงสารคนอื่น ปู่มักจะขายปลาที่นับวันยิ่งหายากในราคาถูกๆ คนที่มาซื้อเห็นปู่ขายถูก ยิ่งขอซื้อให้ถูกเข้าไปอีก แต่ปู่ก็ไม่ว่าอะไร นานปีทีหนจึงจะมีคนใจดี ซื้อปลาไม่กี่ตัว ให้เงินเกินมา ไม่เอาเงินที่ปู่ทอนกลับไป แบบนี้ปู่ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าใครให้ปู่ฟรีๆ มีปัญหาทันที

เจ้าของร้านน้ำเต้าหู้ เล่าว่า ปู่เคยมากินแล้วไม่เก็บตังค์ ปู่โกรธมาก เดินผ่านหน้าร้านก็ก้มงุดๆ ไม่แม้จะชายตามามอง ถึงขั้นไม่แวะมากินเป็นครึ่งปี

ผมเคยถามว่า ทำไมปู่ไม่ไปขอความเมตตาจากใครๆ เขา คนแก่ๆ ยังไงๆ ใครๆ ก็สงสาร ปู่บอกว่าไม่เอา ไม่ชอบที่สุด ดูแต่หอยซิ ไม่มีมือมีตีน มันยังหากินได้เอง (รู้จักมั้ยหอยน่ะ…ปู่ย้ำ) ประสาอะไรกับคนมีมือมีเท้า หากินเองไม่ได้ก็อายหอย

ปู่คิดและเชื่อแบบนี้ แต่มีคนมากมายที่ไม่ได้คิดและเชื่อแบบปู่ ปู่อาจดูโง่และน่าหมิ่นแคลนในสายตาของคนเหล่านั้น แต่ปู่ไม่มีวันหมิ่นแคลนตัวเอง ขณะปู่อยู่ในเรือ คนเหล่านั้นอาจกำลังนั่งถือขันอยู่ตามสะพานลอย หรือไม่ก็กำลังข่มขู่ทุบตีเพศแม่ที่เป็นเมียตอนที่ตัวเองกำลังเมา กำลังขูดรีด โก่งราคา จี้ปล้น ฉ้อโกง ฮั้วสัมปทาน เล่นแร่แปรหุ้นในตลาดเงิน

ไม่ว่าความฉลาด ความโง่ ความดี ความชั่ว ความนับถือ และการให้ค่าในการมีชีวิต แน่นอนว่า คนพวกนั้นต่างกับปู่ ขณะที่ปู่คิดว่าคนเราไม่ว่าเฒ่าชะแร แก่ชราแค่ไหน หากยังมีลมหายใจ ก็ต้องพยายามอยู่ให้ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง โดยไม่เอารัดเอาเปรียบ และเบียดเบียนใคร พูดง่ายๆ ว่ารับผิดชอบดูแลตัวเอง หาอยู่หากินเอง ว่างั้นเหอะ ปู่อาจไม่รู้จักคำว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ในหัวสมองปู่อาจไม่มีคำว่าชีวิตที่สง่างาม ความหยิ่งทะนง แต่ปู่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในชีวิต ซึ่งบางทีคนที่ใช้คำเหล่านี้หากินบ่อยๆ เสียอีกที่ชีวิตไม่มีสิ่งเหล่านี้

ปู่เบียดบังชีวิตตัวเองได้ แต่ไม่เคยเอาเปรียบเบียดบังชีวิตคนอื่น ปีนี้ปู่กะว่าจะอยู่ในเรือเป็นปีสุดท้าย ปู่กะว่าจะรีไทร์ตอนอายุ 106 ปี หน่วยกิตสุดท้ายที่ปู่ตั้งใจว่าจะทำให้ได้ คือ หาเงินอีก 3 พันบาท เพื่อไปรวมกับที่มีอยู่แล้ว 7 พันบาท จากการเก็บสะสมมาชั่วชีวิต เพื่อให้ได้หมื่น

ปู่คิดว่าถ้ามีเงินถึงหมื่น กินแบบเขียมๆ คงจะพอกินไปจนตาย ไม่รู่ปู่คิดในใจไว้แล้วรึยังว่า จะตายตอนอายุเท่าไร

เพื่อให้ได้เงิน 3 พัน ปู่ต้องพายเรือจากอำเภอท่ายาง มายังเมืองเพชร เป็นระยะทางเกือบ 30 กิโลเมตร ซึ่งต้องแวะค้างอ้างแรมริมฝั่งหนึ่งคืน ปู่บอกแบบไม่อนาทรว่าไปเรื่อยๆ อยากนอนตรงไหนก็จอดนอนตรงนั้น ไม่ร้อนใจ จอดนอนตรงไหนก็ลงอวนตรงนั้น ได้ก็ช่าง ไม่ได้ก็ช่าง

ที่ปู่ต้องพายเรือมา เพราะปีที่แล้วหน้าน้ำหลาก ปู่จ้าง ''พวกกัน'' ลากเรือขึ้นบก มาไว้บ้านญาติรุ่นหลานที่อำเภอท่ายาง เพราะว่าเรือของปู่ซึ่งเป็นเรือเหล็กสนิมกินจนรั่ว ปู่เอาเรือขึ้นไปปะ กะว่าหมดหน้าน้ำหลาก หลังออกพรรษาจะลงมาหาปลาในลำน้ำเพชร เป็นเที่ยวสุดท้าย

''พวกกัน'' จะไม่เอาค่าลากเรือ ปู่บอกไม่ได้ ไม่งั้นไม่ต้องเป็นพวกกัน ''พวกกัน'' บอกว่าถ้างั้นเอาสองร้อย… ปู่หายไปพักใหญ่ ก่อนกลับมาบอกไม่ได้ต้องสี่ร้อย สองร้อยถูกไป ไปถามราคาคนอื่นมาแล้ว ''พวกกัน'' บอกว่า ถ้างั้นสามร้อยแล้วกัน ปู่บอกว่าแหม..มันเกรงใจ… ''พวกกัน'' บอกไม่เป็นไร ถ้าใครถามจะบอกห้าร้อย

ปู่เลยยอม

ปู่ลงมาปลายเดือนธันวา สองเดือนผ่านไป ขณะที่สุขภาพปู่แย่ลง ปู่เพิ่งพบว่าปีนี้ ปลาในแม่น้ำเพชร ไม่ได้หาง่ายเหมือนปีก่อนๆ อีกแล้ว บางวันปู่ไม่ได้ปลาแม้แต่ตัวเดียว ส่วนใหญ่ได้วันละไม่กี่ตัว พอยาไส้ แต่ไม่พอขายให้ได้เงิน 3 พัน

เงิน 3 พันสำหรับบางคนต้องเดิมพันด้วยชีวิต เงิน 3 พันล้านสำหรับบางคนแค่กระดิกนิ้วเซ็นไม่กี่แกร็กก็ได้

โลกนี้น่ารักเหลือร้ายจริงๆ

ปู่จะได้เงินครบ 3 พันหรือไม่ พรุ่งนี้ผมจะไปอุ้มปู่กลับบ้าน ผมคิดว่าโลกคงไม่ต้องการการพิสูจน์ใดๆ จากปู่อีกแล้ว

แต่ผมไม่ลืมหรอกครับ ว่าปู่ต้องการอะไร

 

น้องทราย ดาวมหาลัย

 

โห... เจ๊เฟิร์นเว้นวรรค ลำดับใจความสำคัญและเน้นข้อความได้เริ่ดดดดดมาก ขอบอกว่า ชนะ.....เลิศ แอร๊ยยยยยยยยยยสสสสสสสสสสสส์

 

 

 

เธอจากไปพร้อมกับใจที่มันว่างเปล่า...

จะทนความเหงากับความปวดร้าว...

ที่มีในใจได้อย่างไร...

ก็ยังรักเธออยู่ ยังรักเธออยู่...

ฉันรักเธออยู่ได้ยินไหม...

อยากจะบอกให้เธอโปรดจงรู้ไว้...

ว่าใจฉันมีแต่เธอ...

ก็เคยรักเคยห่วง เคยเอาใจใส่...

เคยทำฉันหลงแทบบ้า...

ไม่รู้จริงๆที่ให้กันมา แค่เพียงมารยาหลอกใช้...กัน

band.gif

แต่ฉันยัง...คิดถึงเธอจวนจะบ้าตาย...

คิดถึงจนหัวใจสลาย...

คิดถึงเธอกินนอนไม่ได้...

ยอดดวงใจโปรดจงกลับมา...หา...ดังเดิม

band.gif

เธอจากไปพร้อมกับใจที่มันว่างเปล่า...

จะทนความเหงากับความปวดร้าว...

ที่มีในใจได้อย่างไร...

ก็ยังรักเธออยู่ ยังรักเธออยู่...

ฉันรักเธออยู่ได้ยินไหม...

อยากจะบอกให้เธอโปรดจงรู้ไว้...

ว่าใจฉันรอแต่เธอ...คนเดียว


เก็บใจไว้ในลิ้นชัก คงไม่เจอแล้วรักแท้

I'd kept my heart locked away. There was little chance I'll find true love.

เบื่อกับความปรวนแปร มันไม่แคร์และไม่หวัง

I was bored of the uncertainty. I didn't care, didn't hope.

มันเหมือนคนชินชา ไม่มองไม่ฟัง และแล้วก็มีเธอเดินเข้ามา

I was like someone indifferent to the world. I didn't see it, didn't listen to it. And then you came into my life.

เข้ามาค้นในลิ้นชัก ที่ปิดตายเพราะรักร้าว

Came and open the drawer where my broken heart had been locked away.

ให้อภัยใจเมาเมา มาแบ่งเบาที่ฉันล้า

And gently forgave it. Came and relieved my tiredness.

มาสนใจใยดี คนที่ไม่มีค่า ให้รู้ว่าตัวเองยังสำคัญ

Came and cared about me, someone without value to anyone. And let me know that I was still important to someone.

เก่งมาจากไหน ก็แพ้หัวใจอย่างเธอ

How did you manage to do it. I was defeated by your heart.

เมื่อไหร่ที่เผลอ ยังนึกว่าเธออยู่ในฝัน

Anytime I daydream, it's still you I think of in my dreams.

ยังมีอีกหรือ รักแท้ที่เคยเสาะหามานาน

Is there still more? Of the love that I've searched for, for so long.

วันนี้เป็นไงเป็นกันจะรักเธอ

From today, whatever happens, I'll love you.

เมื่อเธอรู้ว่าฉันรัก ก็อย่าทำให้ฉันหลง

Now you know that I love you. Don't make me misunderstand.

บอกมาเลยตามตรง นี่เรื่องจริงหรือฉันเพ้อ

I want you to tell me the truth. Is this (love) real, or am I just imagining it?

ตอนนี้ยังพอทำใจ ถ้าสิ่งที่ได้เจอ คือฝันคือละเมอและไม่จริง

I'm able to accept it. If what I've found is just a dream, and not real.

band.gif

เก่งมาจากไหน ก็แพ้หัวใจอย่างเธอ

How did you manage to do it. I was defeated by your heart.

เมื่อไหร่ที่เผลอ ยังนึกว่าเธออยู่ในฝัน

Anytime I daydream, it's still you I think of in my dreams.

ยังมีอีกหรือ รักแท้ที่เคยเสาะหามานาน

Is there still more? Of the love that I've searched for, for so long.

วันนี้เป็นไงเป็นกันจะรักเธอ

From today, whatever happens, I'll love you.

เมื่อเธอรู้ว่าฉันรัก ก็อย่าทำให้ฉันหลง

Now you know that I love you. Don't make me misunderstand.

บอกมาเลยตามตรง นี่เรื่องจริงหรือฉันเพ้อ

I want you to tell me the truth. Is this (love) real, or am I just imagining it?

ตอนนี้ยังพอทำใจ ถ้าสิ่งที่ได้เจอ คือฝันคือละเมอและไม่จริง

I'm able to accept it. If what I've foundis just a dream, and not real.

วันนี้ฉันรักเธอ คือเรื่องจริง

Today my love for you is real.






cool.gif


....แด่คนที่ฉันเคยรัก..

 

ทุกครั้งเวลาที่ไม่มีใคร ได้แต่นอนมองดูรูปถ่าย

กอดหมอนใบเดิมที่เธอ เคยนอนวันนั้น

และฉันตั้งใจเก็บมันให้อยู่ดังเดิม อย่างนี้ไปจนตาย

แม้ว่าบนเตียงจะไม่มีใคร แต่ก็เหมือนมีเธอข้างกาย

กอดฉันเบาเบาเหมือนเคย เพียงได้กลิ่นหอม

จากหมอนใบเดิมที่เราต่างเคยร่วมฝัน แค่ได้คิดถึงกันก็สุขใจ

กลิ่นของความรัก กลิ่นของความรัก ไม่เคยจะจางหายไป

ถึงแม้ว่าวันเวลา มันจะนานสักเท่าไหร่ ก็มีเธอไม่รักใคร

กลิ่นของความรัก กลิ่นของความรัก มันยังตรึงอยู่ในหัวใจ

หอมยิ่งกว่าน้ำหอมของใครคนไหน ไม่มีใครแทนที่เธอ

แม้ว่ากลางคืนจะเหงาเพียงใด ต้องทนนอนคนเดียวเรื่อยไป

อ่อนล้าในใจเท่าไร เพียงได้กลิ่นหอม

จากหมอนใบเดิมที่เธอเคยนอนใกล้ฉัน แค่ได้คิดถึงกันก็สุขใจ

กลิ่นของความรัก กลิ่นของความรัก ไม่เคยจะจางหายไป

ถึงแม้ว่าวันเวลา มันจะนานสักเท่าไหร่ ก็มีเธอไม่รักใคร

กลิ่นของความรัก กลิ่นของความรัก มันยังตรึงอยู่ในหัวใจ

หอมยิ่งกว่าน้ำหอมของใครคนไหน ไม่มีใครแทนที่เธอ

ตั้งแต่เมื่อวันที่เธอจากฉันไป ไม่มีคืนไหนที่ฉันไม่คิดถึงเธอ

ยังรักยังเป็นห่วงเธอ ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน

ในทุกลมหายใจ จะยังมีเธอเสมอ

กลิ่นของความรัก กลิ่นของความรัก ไม่เคยจะจางหายไป

ถึงแม้ว่าวันเวลา มันจะยาวนานสักเท่าไหร่ ก็มีเธอไม่รักใคร

กลิ่นของความรัก กลิ่นของความรัก มันยังตรึงอยู่ในหัวใจ

หอมยิ่งกว่าน้ำหอมของใครคนไหน ไม่มีใครแทนที่เธอ







beer.gif 

 



ถึง แด่คนที่เคยรัก //////ชอบเพลงเดียวกันค่ะ อยู่ในอัลบัม Sleepless Sociaty2 นะคะ..คุณนี่ช่างเป็นคนโรแมนติกจริงๆๆค่ะขอบคุณสำหรับเพลงความหมายดีดีในทุกๆวันนะคะ

 

วันที่ใจเธอเจ็บช้ำ วันที่เธอเสียใจ

The day you hurt, the day you sad.

วันที่เธอท้อแท้ทุกอย่าง และอาจมองไม่มีแม้ใคร

The day you give up on everything and feel like you have nobody on your side.

วันที่ใจเธอโหยหา อยู่ลำพังกับคราบน้ำตา

The day your heart cries and be alone with tears.

บอกให้เธอรู้ว่า ฉันมองอยู่ไม่ไกล

I want to let you know that I am nearby... looking over you.

แต่หากไม่ปล่อยให้เธอเรียนรู้ เธอคงวนอยู่ไม่ไปถึงไหน

But if I wouldn't let you learn, you would be in the middle of nowhere.

รักแท้ ที่ไม่ต้องการสักข้อแม้

True love, never want any stipulation.

เมื่อไรที่เธอต้องพ่ายแพ้ ฉันจะเตรียมรักให้

When you lose, I will give you love, an unconditioned love.

และวันใดที่เธอนั้นเจ็บจนอดทนไม่ไหว

And when you feel hurt so bad that you can't take it anymore.

จะมีฉันยืนข้างๆ เธอเสมอไป

You will always have me beside you.

ยิ่งเห็นเธอเจ็บ ยิ่งเห็นเธอปวดข้างใน

The more I see you are in pain and hurt inside.

รู้ไหมฉันก็เจ็บ แต่ฉันต้องเก็บเอาไว้

I hurt too you know, but what can I do...I have to keep it inside.

รักแท้ ที่ไม่ต้องการสักข้อแม้

True love, never want any stipulation.

เมื่อไรที่เธอต้องพ่ายแพ้ ฉันจะเตรียมรักให้
(ฉันมีรักอยู่ข้างในหัวใจ/ฉันเตรียมรักให้กับเธอทั้งใจ)

When you lose, I will give you love, an unconditioned love.
(I have love full of my heart/ I am ready to give it all for you.)

รักแท้ ไม่ว่าจะนานสักแค่ไหน จะยังคงความรักไว้ ให้กับเธอไม่เปลี่ยน

True love...no matter how long it will be, the love will always be there will never change for you.

รักแท้ ไม่ว่าจะนานสักแค่ไหน จะยังคงความรักไว้

True love...no matter how long it will be, the love will always be there.

วันใดที่เธอนั้นเจ็บจนอดทนไม่ไหว

When you have so much pain and you want out.

จะมีฉันยืนข้างๆเธอ ฉันจะคอยใกล้ๆเธอ

I will be your side, be close to you.

จะมีฉันยืนข้างๆเธอเสมอไป

You will have me by your side...always









cool.gif 


 

 

ถึง คุณไม่แสดงตน เศร้ามาก กับเพลงนี้เพราะรักแท้ นอกจากที่เราได้รับจากครอบครัว......แทบจะหาไม่ได้จากที่อื่นเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ...สำหรับเพลงความหมายดีดี ว่างๆๆเราจะสร้างบล๊อกให้ใหม่นะ .....เฟิน

 

ฉันไม่รู้ว่าหลังจากนี้ มันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง

I don't know if after this anything is going to change.

ฉันไม่กล้าจะสัญญาด้วยคำใด

I don't dare to promise anything.

รักเรานั้นจะไปอีกไกล หรือวันไหนจะต้องร้างลา

Will the love we share will go even further or when do we have to say goodbye?

ฉันไม่รู้ไม่เคยแน่ใจอะไร

I don't know, I'm not sure about anything.

ฉันพูดได้เพียงว่าตอนนี้รักเธอ เทให้ทั้งหัวใจ

I can only tell you that right now I love you, I'll give you all my heart.

นี่คือสิ่งสำคัญ ที่เรายังอยู่ด้วยกัน

The important thing is that we're still together.

สิ่งอื่นใดนั้นมันยังไม่มาถึง

Anything else isn't here yet.

บอกได้แค่นี้ จะรักหมดทั้งใจที่มี

I can only tell you this, I'll love you with all the heart that I have.

ให้มันตราตรึง อยู่ในใจเพื่อไปถึงวันลาจาก

Make our love strong and stay in our hearts until the day we say goodbye.

เรื่องที่รู้วันนี้ตอนนี้ ฉันก็มีแต่ความอุ่นใจ

The only thing that I know right now. I only have the warmth in my heart.

รักที่เราให้กันคือสิ่งดีงาม

The love we share is a beautiful thing.

แม้สุดท้ายจะเหลือเพียงฝัน หรือจะเป็นอย่างไรก็ตาม

Even if in the end, the only thing left is dreams or whatever happens is fine with me.

ฉันจะทำวันนี้ให้ดีดังใจ

I'm going to make today the best I can with my heart.

ฉันพูดได้เพียงว่าตอนนี้รักเธอ เทให้ทั้งหัวใจ

I can only tell you that right now I love you, I'll give you all my heart.

นี่คือสิ่งสำคัญ ที่เรายังอยู่ด้วยกัน

The important thing is that we're still together.

สิ่งอื่นใดนั้นมันยังไม่มาถึง

Anything else isn't here yet.

บอกได้แค่นี้ จะรักหมดทั้งใจที่มี

I can only tell you this, I'll love you with all the heart that I have.

ให้มันตราตรึง อยู่ในใจเพื่อไปถึงวันลาจาก

Make our love strong and stay in our hearts until the day we say goodbye.

band.gif

ฉันพูดได้เพียงว่าตอนนี้รักเธอ เทให้ทั้งหัวใจ

I can only tell you that right now I love you, I'll give you all my heart.

นี่คือสิ่งสำคัญ ที่เรายังอยู่ด้วยกัน

The important thing is that we're still together.

สิ่งอื่นใดนั้นมันยังไม่มาถึง

Anything else isn't here yet.

บอกได้แค่นี้ จะรักหมดทั้งใจที่มี

I can only tell you this, I'll love you with all the heart that I have.

ให้มันตราตรึง อยู่ในใจเพื่อไปถึงวันลาจาก

Make our love strong and stay in our hearts until the day we say goodbye.







cool.gif 


 

 

 

ที่แห่งนี้นั้นมีความรักอยู่ คอยรับรู้และคอยเข้าใจ

แม้ข้างนอกจะเป็นอย่างไร จะร้อนหรือหนาวแค่ไหน... ก็ไม่สำคัญ

จะเตรียมความรักไว้ให้เธอพักผ่อน ลืมความร้อนเรื่องราวที่ไหวหวั่น

และรอยยิ้มที่มาจากใจเพื่อเพิ่มเติมความสดใสเมื่อไหร่ที่พบกัน

ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนจะเวียนเปลี่ยนไปแค่ไหน

จะเป็นกำลังใจให้เธอได้รู้สึกดี

เป็นที่พักที่ให้ความเข้าใจนานเท่าไหร่ก็จะมี ให้กับเธอ... อยู่ตรงนี้

แม้วันนี้เธอยังไม่รู้จัก แม้ความรักฉันเธอไม่เห็นค่า

แต่ฉันก็รู้ดีว่าสักวัน คู่แล้วคงไม่คลาดกัน ฉันขอสัญญา

ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนจะเวียนเปลี่ยนไปแค่ไหน

จะเป็นกำลังใจให้เธอได้รู้สึกดี

เป็นที่พักที่ให้ความเข้าใจ นานเท่าไหร่ก็จะมี ให้กับเธอ... คนนี้

band.gif

ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนจะเวียนเปลี่ยนไปแค่ไหน

จะเป็นกำลังใจให้เธอได้รู้สึกดี

เป็นที่พักที่ให้ความเข้าใจ นานเท่าไหร่ก็จะมี ให้กับเธอ... อยู่ตรงนี้

ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนจะเวียนเปลี่ยนไปแค่ไหน

ไม่มีวันที่ใจฉันจะหมุนตามสักที จะคงรอแต่เธอเสมอไป รอให้ใจได้ใกล้สักที

ฉันจะบอกเธอ... คำๆนี้







laugh.gif 

 

 

 หลายครั้งที่ไปดูหนัง นอกจากความบันเทิงแล้วก็ได้ข้อคิดดีๆ  กระตุกความคิดของเราได้แฮะ

แต่ เจ๊ ไมมีแต่คน  post เพลงละ เค้าอยากให้เจ๊ร้องเพลงเหรอคะ

  • เค้าว่าคนที่มาเที่ยวทะเลมีเหตุผลอยู่สองอย่าง คือ
  • หนีร้อน
  • หนีรัก

        ไม่ทราบว่าเป็นแบบไหนคะ  

      

 

คำพูดดีๆ ของไอสไตน์

ในห้องเรียนวันหนึ่ง ไอสไตน์ถามนักเรียนว่า
" มีคนซ่อมปล่องไฟสองคน กําลังซ่อมปล่องไฟเก่า
พอพวกเขาออกมาจากปล่องไฟ ปรากฏว่า
คนหนึ่งตัวสะอาด
อีกคนคัวเลอะเทอะ เต็มไปด้วยเขม่า
ขอถามหน่อยว่า คนไหนจะไปอาบน้ำก่อน "

นักเรียนคนหนึ่งตอบว่า
" ก็ต้องคนที่ตัวสกปรกเลอะเขม่าควันสิครับ "

ไอสไตน์ พูดว่า
" งั้นเหรอ คุณลองคิดดูให้ดีนะ คนที่ตัวสะอาด
เห็นอีกคนที่ตัวสกปรกเต็มไปด้วยเขม่าควัน เขาก็
ต้องคิดว่าตัวเองออกมาจากปล่องไปเก่าเหมือนกัน
ตัวเขาเองก็ต้องสกปรกเหมือนกันแน่ๆเลย ส่วนอีกคน
เห็นฝ่ายตรงข้ามตัวสะอาด ก็ต้องคิดว่าตัวเองก็สะอาด
เหมือนกัน ตอนนี้ผมขอถามพวกคุณอีกครั้งว่า ใครที่
จะไปอาบน้ำก่อนกันแน่ "

นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า
" อ้อ! ผมรู้แล้ว พอคนตัวสะอาดเห็นอีกคนสกปรก
ก็นึกว่าตัวเองต้องสกปรกแน่ แต่คนที่ตัวสกปรก
เห็นอีกคนสะอาด ก็นึกว่าตัวเองไม่สกปรกเลย
ดังนั้นคนที่ตัวสะอาดต้องวิ่งไปอาบน้ำก่อนแน่เลย
..... ถูกไหมครับ...."

ไอสไตน์มองไปที่นักเรียนทุกคน นักเรียนทุกคน
ต่างเห็นด้วยกับคําตอบนี้

ไอสไตน์ ค่อยๆพูดขึ้นอย่างมีหลักการและเหตุผล
" คําตอบนี้ก็ผิด ทั้งสองคนออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน จะเป็นไปได้ไงที่คนหนึ่งสะอาด
อีกคนหนึ่งจะสกปรก นี่แหละที่เขาเรียกว่า "ตรรก" "

เมื่อความคิดของคนเราถูกชักนําจนสะดุด ก็จะ
ไม่สามารถแยกแยะและหาเหตุผล แห่งเรื่องราว
ที่แท้จริงออกมาได้ นั่นคือ " ตรรก "

จะหาตรรกได้ก็ต้อง กระโดดออกมาจาก
" พันธนาการของความเคยชิน "
หลบเลี่ยงจาก
" กับดักทางความคิด "
หลีกหนีจาก
" สิ่งที่ทําให้หลงทางจากความรู้จริง "
ขจัด
" ทิฏฐิแห่งกมลสันดาน "

จะหา ตรรก ได้ก็ต่อเมื่อ
คุณสลัดหมากทั้งหมดที่คนเขาจัดฉากวางล่อคุณไว้


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
...ตอนเป็นเด็ก ผมคิดที่จะรัก
...แต่เมื่อโตขึ้น ผมรักที่จะคิด
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีเหตุบังเอิญหรือปาฏิหาริย์
มีแต่เหตุและผลที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันหมด

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

 

 

แม้ไม่ใช่คนโปรดอย่างคนอื่นเขา

Although I'm not your favourite one like the others.

แม้จะดูว่างเปล่าในสายตาเธอ

Although I may look simple and plain in your eyes.

ไม่เคยทำให้คำว่าฉันรักเธอ ลดน้อยลงได้เลยสักวัน

I’ve never made the statement “I love you”, Being less worthy on any one of these days.

ขอเพียงเธอไม่ลืมว่าใครอยู่ตรงนี้

I only hope that you haven't forgotten who is over here.

ขอเพียงมีสักคำว่าคิดถึงกัน

“I miss you , my dear!” is what I really love to hear.

แค่นั้นก็เกินพอให้คนอย่างฉัน ฝันดียิ่งกว่าคืนไหน

That’ll be more than enough for someone like me. To have a sweeter dream tonight than any other night.

ไม่ว่าเป็นที่เท่าไหร่ของเธอ เธอก็คือที่สุดเสมอไป

No matter what position I’m holding in your heart. You’re still my most beloved one now and forever.

ถ้าเผื่อเธอพอมีเหลือแม้เพียงเสี้ยวใจ

Should your heart still have some space to spare.

จะแบ่งปันให้ฉันบ้างหรือเปล่า

Would you be willing to share it with me?

และคนๆหนึ่งซึ่งไม่สำคัญ ก็ยังเฝ้ารอสักวันของเรา

I’m aware that I’m just someone unimportant. But I’ll still keep on waiting for our time to come.

แค่อยากได้ยินว่ารักสักคำเบาๆ ให้ฉันได้หรือเปล่าคนดี

Could you just whisper softly the word “love” to me , my dear?

band.gif

ขอเพียงเธอไม่ลืมว่าใครอยู่ตรงนี้

I only hope that you haven't forgotten who is over here.

ขอเพียงมีสักคำว่าคิดถึงกัน

“I miss you , my dear!” is what I really love to hear.

แค่นั้นก็เกินพอให้คนอย่างฉัน ฝันดียิ่งกว่าคืนไหน

That’ll be more than enough for someone like me. To have a sweeter dream tonight than any other night.

ไม่ว่าเป็นที่เท่าไหร่ของเธอ เธอก็คือที่สุดเสมอไป

No matter what position I’m holding in your heart. You’re still my most beloved one now and forever.

ถ้าเผื่อเธอพอมีเหลือแม้เพียงเสี้ยวใจ

Should your heart still have some space to spare.

จะแบ่งปันให้ฉันบ้างหรือเปล่า

Would you be willing to share it with me?

และคนๆหนึ่งซึ่งไม่สำคัญ ก็ยังเฝ้ารอสักวันของเรา

I’m aware that I’m just someone unimportant. But I’ll still keep on waiting for our time to come.

แค่อยากได้ยินว่ารักซักคำเบาๆ ให้ฉันได้หรือเปล่าคนดี

Could you just whisper softly the word “love” to me , my dear?

รักฉันบ้างหรือเปล่าคนดี

Do you love me , my dear?





cool.gif 




 

My life is brilliant.

My life is brilliant.
My love is pure.
I saw an angel
Of that I'm sure.
She smiled at me on the subway.
She was with another man.
But I won't lose no sleep on that
'Cause I've got a plan.

You're beautiful, You're beautiful,
You're beautiful, it's true.
I saw your face in a crowded place,
And I don't know what to do
'Cause I'll never be with you.

Yes, she caught my eye
As I walked on by.
She could see from my face that I was flying high,
And I don't think that I'll see her again,
But we shared a moment that will last 'til the end.

You're beautiful, You're beautiful,
You're beautiful, it's true,
I saw your face in a crowded place,
And I don't know what to do
'Cause I'll never be with you.

band.gif

You're beautiful, You're beautiful,
You're beautiful, it's true.
There must be an angel
With a smile on her face
When she thought up that I should be with you,
But it's time to face the truth.
I will never be with you.
















cool.gif 




 

เดือนเพ็ญสวยเย็นเห็นอร่าม
นภาแจ่มนวลดูงาม เย็นชื่นหนอยามเมื่อลมพัดมา
แสงจันทร์นวลชวนใจข้า คิดถึงถิ่นที่จากมา
คิดถึงท้องนาบ้านเรือนที่เคยเนา

เรไรร้องดังฟังว่า เสียงที่เจ้าเฝ้าครวญหา
ลมเอยช่วยพากระซิบข้างกาย
ข้ายังคอยอยู่ไม่หน่าย มิเลือนห่างจากเคลื่อนคลาย
คิดถึงมิวายเมื่อเราจากกัน

กองไฟสุมควายตามคอกคงยังไม่มอดดับดอก
จันทร์เอยช่วยบอกให้ลมช่วยเป่า
สุมไฟให้แรงเข้า พัดไล่ความเยือกเย็นหนาว
ให้พี่น้องเรานอนหลับอุ่นสบาย

ลมเอยช่วยเป็นสื่อให้ นำรักจากห้วงดวงใจของข้านี้ไปบอกเขานำนา
ให้เมืองไทยรู้ว่าไม่นานลูกที่จากมาจะไปซบหน้ากับอกแม่..เอย

ลมเอยช่วยเป็นสื่อให้ นำรักจากห้วงดวงใจของข้านี้ไปบอกเขานำนา
ให้เมืองไทยรู้ว่าไม่นานลูกที่จากมาจะไปซบหน้ากับอกแม่..เอย
ให้เมืองไทยรู้ว่าไม่นานลูกที่จากมาจะไปซบหน้ากับอกแม่..เอย


















cool.gif 


 

เจ๊เฟิร์นครับ... หากบังเอิญผ่านมาได้อ่านตรงนี้ คาดว่าเจ๊ก็คงรู้ดีว่าเป็นผม...

 ช่วยเปิดให้ผมอีกสักหนึ่งหัวข้อ

เพื่อที่ผมจะได้ไปแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องหนังที่ได้ดูครับ

ขอบคุณล๊าย หลาย...

 

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท