บทความจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 ติดตามอ่าน blog ย้อนหลังได้ที่ลิงก์ข้างนี้ http://www.naewna.com/allnews.asp?ID=97&HL=0&no=1 เหลียวมองเพื่อนบ้านอาเซียนให้ดี รู้เขารู้เรา (บทเรียนจากความจริง กับดร.จีระ) |
* ปี 2555 เป็นปีที่สำคัญคือ ASEAN จะเป็นหนึ่งเดียว * มีผลสำรวจแล้ว คนไทยอยู่อันดับ 7 ของประเทศที่ไม่รู้เรื่องว่า ASEAN เสรีคืออะไร? สำคัญอย่างไร คนไทยจึงไม่สนใจเท่าที่ควร * ถ้านับวันนี้ก็เหลือแค่ 2 ปีกับ 11 เดือนกว่า * มีเวลาเตรียมตัวไม่พอ * หน้าหนึ่งในบางกอกโพสต์ วันอาทิตย์ที่ผ่านมาพาดหัวว่า "ไทยจะเข้า ASEAN เสรีแล้วทำไม คนไทยยังสื่อสารกับคนใน ASEAN ไม่ได้ เพราะตกภาษาอังกฤษ" * จีน, เวียดนาม, เขมร มีหลักสูตรภาษาไทยสอนในมหาวิทยาลัยของเขา เยาวชนของประเทศเหล่านั้นสนใจภาษาไทยมาก * ประเทศอาเซียนเหล่านั้นก้าวหน้าทั้งภาษาอาเซียนและภาษาอังกฤษ ประเทศไทยมีกี่สถาบันการศึกษาที่สนใจจะสอนภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง โดยเฉพาะระดับประชาชนทั่วไป เพื่อคนไทยปรับตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เรื่องภาษา ยังมีเรื่องทัศนคติเพื่อสร้างศักยภาพของไทย ทั้งข้าราชการและประชาชน โดยเฉพาะระดับท้องถิ่นและธุรกิจขนาดเล็กขนาดกลางให้มีความเป็นมืออาชีพขึ้น ความจริงเรื่องนี้ นายกฯยิ่งลักษณ์น่าจะให้ความสนใจเรื่องนโยบายอาเซียนเสรีเป็นนโยบายหลักของประเทศ เป็นผู้นำกระตุ้นให้คนไทยเตรียมตัวให้พร้อม คำถามที่น่าสนใจ คือ ท่านนายกฯเข้าใจเรื่องอาเซียนเสรีจริงหรือเปล่า? สัปดาห์นี้ ผมอยากให้ผู้อ่านได้เหลียวดูประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน 2 ประเทศ ประเทศแรก คือ มาเลเซีย ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาก็ล้ำหน้าไทยไปมากแล้วทั้งๆที่ในอดีตเขาเป็นรองเรามาก การตัดสินของศาลชั้นสูงยกฟ้องนายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้าน จะทำให้การเมืองในมาเลเซียมีแนวทางน่าสนใจมากขึ้น ในอดีตอันวาร์มีปัญหาขัดแย้งกับอดีตนายกฯมหาเดย์ ถูกแกล้งทางการเมือง มหาเดย์ไม่อยากให้มาเทียบรัศมี เลยถูกฟ้องคดีมีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน ซึ่งกฎหมายในมาเลเซียห้าม (ซึ่งเป็นกฎหมายที่โบราณมาก) มาถึง 2 ครั้ง ในที่สุดอันวาร์ ก็ชนะคดีเป็นครั้งที่ 2 ดังนั้นการเมืองในมาเลย์ก็เข้มข้นและแข็งแรงขึ้น เพราะพรรคฝ่ายค้านของนายอันวาร์มีบทบาทมากขึ้น และสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศมาเลเซียได้อย่างยั่งยืน คณะผู้บริหารชุดเดิม (UMNO) ที่ปกครองอยู่น่าจะต้องปรับปรุงและพัฒนามากขึ้น เพราะอยู่มานาน คนมาเลย์ต้องการการเปลี่ยนแปลง การเมืองของมาเลย์ก็จะเต็มไปด้วยความแปลกใหม่ มีการแข่งขัน เปิดกว้าง ซึ่งน่าจะกระชากประเทศมาเลย์ให้ขยายตัวขึ้นอย่างมั่นคงทั้งด้านเศรษฐกิจการเมืองและสังคมเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของไทย เหตุผลก็คือ คนมาเลย์และรัฐบาลสนใจเรื่องการศึกษามากกว่าคนไทย มหาวิทยาลัยมีไม่มาก แต่เด็กปริญญาตรีจบมาทำงานใช้ภาษาอังกฤษและทำงานได้ดี ภูมิประเทศกว้างไกล การท่องเที่ยวของเขาก็ยังเป็นคู่แข่งกับไทย ไม่นับอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตรที่มาจากน้ำมันปาล์มและเรื่องอุตสาหกรรมไฮเทคหลายชนิดเช่น ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ไทยต้องมองมาเลย์เป็นพันธมิตรในอาเซียน และอาจจะหมายถึงการแก้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น นโยบายของไทยเรื่องมาเลเซียต้องปรับให้แหลมคม มีข่าวจากพม่าน่าสนใจมากคือ อองซาน ซูจีลงสมัครผู้แทนในการเลือกตั้งในเดือนเมษายนนี้ พรรคของอองซาน คงจะมีบทบาทมากขึ้น ตัวอองซานเองอาจจะได้รับตำแหน่งรองประธานาธิบดี และวันหนึ่งอาจจะขึ้นไปเป็นประธานาธิบดี การที่พม่าเปิดประเทศและมีการปฏิรูปครั้งนี้ จะเป็นจุดสำคัญของประเทศไทยที่จะต้องมีนโยบายแหลมคมเกี่ยวกับประเทศพม่า ผมได้ทำโครงการเกี่ยวข้องกับพม่าทางวิชาการหลายโครงการ เช่น * Learning Forum on Tourism, Globalization and Sufficiency Economy in Myanmar * Learning Forum on Sufficiency Economy and New Agricultural Theory in Myanmar * Impact Study for GMS Countries (กรณีศึกษาของพม่า) * Research on Human Resource in GMS Tourism Sector (กรณีพม่า) มูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ล่าสุดมูลนิธิฯ และตัวผมก็จะต้อนรับนักวิชาการทางด้านการท่องเที่ยวจากมหาวิทยาลัยย่างกุ้งและมหาวิทยาลัย มันดาเลย์มาดูงานที่มหาวิทยาลัยในเมืองไทยในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งก็จะเพิ่มความสัมพันธ์ให้มากขึ้น ผมและทีมงานมีโอกาสได้ทำงานกับประเทศพม่าอย่างต่อเนื่อง และคนพม่าเป็นคนที่มีความรู้ จริงใจ ในอนาคตน่าจะเป็นพันธมิตรกันได้ ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาลไทยภายใต้การดูแลของสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (สพร.) ก็ได้สนับสนุนงบวิชาการให้รัฐบาลพม่ามาตลอด ทำให้รัฐบาลพม่าไว้ใจประเทศไทยค่อนข้างมาก นี่คือจุดแข็งที่ประเทศไทยมีอยู่ รัฐบาล นักธุรกิจไทย นักวิชาการและภาคประชาชนต้องฉลาดในการวางนโยบายในพม่าเพราะคู่แข่งของประเทศไทยในพม่ามีจีน อินเดีย สิงคโปร์ และยังมีประเทศยุโรปซึ่งหายไปกว่า 50 ปีก็จะกลับมา ผมอยากให้ฝ่ายไทยทำการหาข้อมูล มีการตั้งคณะกรรมการร่วมทางวิชาการที่ดึงมันสมองของคนพม่ามาทำงานวิจัยร่วมกันเกี่ยวกับแรงงานพม่าในไทยในระยะกลางและยาว ประเทศไทยไม่มีนโยบายรุกในระดับเพื่อนบ้านอาเซียน มีการตั้งรับเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนมีนโยบายรุก และในอนาคตเราอาจจะเสียเปรียบประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ดังนั้น ประเทศไทยต้องจับตา ศึกษา รู้เขารู้เราให้ดี และให้ทันเหตุการณ์ สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม การเมืองในประเทศของรัฐบาลคุณปูก็สร้างความสับสนหลายเรื่อง * เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ผมไม่ขัดข้องในการแก้ แต่อยากให้พูดชัดๆว่า วิธีการคืออะไร? * แนว ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ให้มีทั้งนักวิชาการ 34 คน มายกร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ คุณยิ่งลักษณ์เห็นด้วย เหมือนมีสถาปนิกมาออกแบบบ้าน แต่ในขณะเดียวกันประชาชนมีส่วนร่วมโดยให้ตั้ง สสร.ด้วยเอาอะไรกันแน่ อยากให้ความสับสนหายไป * จะทำอะไรก็ทำ โปร่งใส เพื่อประชาชนส่วนรวมก็คงจะดี เพราะคุณมีอำนาจรัฐอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่ 2 คือ * นโยบายพลังงานของคุณพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน * จะลดราคาหรือจะเพิ่ม * จะดำเนินนโยบายอย่างไร? แต่นโยบายพลังงานหลักๆน่าจะเน้นเรื่อง อันวาร์ อิบราฮิม อองซาน ซูจี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง * พัฒนาพลังงานทดแทนมากๆ * ลดภาวะโลกร้อน * ประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง การเล่นการเมืองแบบประชานิยมจะหาเสียงเอาใจใคร ก็ต้องมีหลักการนะครับ สัปดาห์นี้พรรครัฐบาลก็มีข่าวดีที่น่าอยากเล่าให้ประชาชนฟังคือ * เรื่องนโยบายต่างประเทศ * ยุคคุณทักษิณมีนโยบายเรื่อง ACD (Asia Cooperation Dialogue) ก็กลับมาปัดฝุ่นแล้ว * ผมเคยได้รับเชิญให้เสนอ ACD/HRD Center ไปกว่า 5 ปีมาแล้ว ถ้าจัดตั้งศูนย์ ACD/HRD ในนามประเทศไทยก็จะได้ประโยชน์มาก ACD เป็นนวัตกรรมทางนโยบายต่างประเทศของนายกฯทักษิณ คือมองประเทศใน ASEAN+ (จีน +อินเดีย +เกาหลี) และมุ่งไปที่ตะวันออกกลางและเอเซียกลาง ปัจจุบันตะวันออกกลางมีปัญหามาก เช่น * เสรีภาพ * เรื่องความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวย/ คนจน ACD/HRD Center ที่ไทยจะเสนอ น่าจะช่วยได้ เพราะจะทำให้ประเทศในตะวันออกกลางพัฒนาทุนมนุษย์ของตัวเองโดยไม่พึ่งน้ำมันอย่างเดียว ลองนึกดู อิรัก อิหร่าน ถ้าร่วมใน ACD/HRD ซึ่งเก่งเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่แล้ว แต่มีปัญหาการเมืองขัดแย้งกับอิสราเอลและสหรัฐมาก จึงเน้นการทำสงครามและการก่อการร้าย ความจริงในตะวันออก น่าจะเน้นที่การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและคุณภาพทุนมนุษย์ของคนมากกว่า สุดท้าย ข่าวดีคือ ใครว่าคุณธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหุ่น อย่างน้อยในเรื่องการโอนหนี้ไปธนาคารแห่งประเทศไทย ท่านก็แสดงจุดยืนได้ดี ที่จะให้ธนาคารฯชาติมีอิสระ สามารถค้านคุณวีรพงษ์ รามางกูรกับคุณกิติรัตน์ ณ ระนองได้อย่างน่าชื่นชมครับ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ [email protected] www.gotoknow.org/blog/chiraacademy แฟกซ์0-2273-0181 |
ไม่มีความเห็น