เด็กข้างวัด (๓) หลังบ้านหลังวัด


วัดจะมีกำแพงเฉพาะด้านหน้าด้านเดียวเท่านั้น ไม่เหมือนในปัจจุบันที่วัด หรือบ้าน ต้องมีกำแพงล้อมรอบสูงทุกด้าน

      หลังบ้านไม้สามชั้น จะเป็นที่ผืนใหญ่ของเจ้าของ ที่มีลักษณะเป็นไร่นาสวนผสม คือบริเวณต่อจากหลังบ้าน มีการปลูกพืชผักสวนครัว ถัดออกไปจะเป็นไม้ขนาดกลางเช่นกล้วยน้ำว้า มะละกอ  มะกูด มะนาว  มะพร้าว ส้มโอ ที่เป็นไม้ใหญ่ที่เด่นมากคือ มะขาม และเป็นมะขามหวานเสียด้วย ใกล้ ๆ ต้นมะขาม จะเป็นยุ้งสำหรับเก็บข้าวเปลือกที่มีพื้นยกสูง บริเวณใต้ยุ้งข้าวและใต้ต้นมะขามนี้เองที่เป็นที่เล่นประจำของเด็ก ๆ แถวนั้น เพราะนอกจากได้ร่มเงาแล้ว ยังได้ชิมมะขามหวานอีกด้วย

          ต้นมะขามเหล่านี้ ที่เป็นมะขามหวานรสชาติดี เพราะเจ้าของเขาเอาของเหลวสีน้ำตาลเข้มที่เอามาจากโรงงานน้ำตาลที่เป็นโรงงานของเขาเหมือนกัน มาราดที่โคนต้น จึงทำให้มะขามที่ได้มีรสชาติหวานมากขึ้น  สมัยยังเป็นเด็กก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ปัจจุบันก็ทราบว่าของเหลวที่เขาเอามาราดที่โคนต้นมะขาม คือกากน้ำตาลนั่นเอง ปีหนึ่ง ๆ เจ้าของเก็บมะขามหวานขายได้มากพอสมควร แต่ในสมัยโน้นราคามะขามหวานในชนบทจะราคายังไม่แพงเหมือนในปัจจุบัน

          ถัดออกไปจะมีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ สมาชิกบ้านได้ใช้น้ำในสระเพื่อการอุปโภคและบริโภคกัน โดยเอาถังไปหาบมาใส่ตุ่มไว้ใช้ที่หลังบ้านของตนเอง สระน้ำนี้มีน้ำใสสะอาดมาก มีพืชน้ำพวกสาหร่ายหางกระรอกอยู่ในบางบริเวณ และมีบัวจำนวนมาก มีทั้งบัวหลวง (ดอกสีขาว) และบัวผัน (ดอกสีชมพู) เจ้าของจะห้ามไม่ให้คนลงเล่นน้ำหรือจับสัตว์น้ำในสระนี้โดยเด็ดขาด  แต่เด็ก ๆ ก็มีการลักลอบลงไปจับปลากัดมาเลี้ยงกัน เพราะในสระนี้มีปลากัดที่มีขนาดตัวโต สีสวยงามมาก  แถมรอบ ๆ ขอบสระก็ปลูกไม้ผลหลายชนิดเช่นมะพร้าว ส้มโอ มะละกอ กล้วย ไว้ด้วย ทำให้บรรยากาศร่มรื่น เหมาะต่อการนั่งเล่นเป็นอย่างยิ่ง  ต่อจากสระน้ำออกไป จะเป็นพื้นที่สำหรับทำนาข้าว ท้ายแปลงนาจะมีลำคลองน้ำไหลผ่าน เข้าใจว่าเป็นแนวสุดเขตพื้นของเจ้าของท่านนี้ คลองสายนี้ก็จะไหลผ่านไปยังด้านหลังวัดที่อยู่ติดกัน เนื่องจากในสมัยนั้น จะไม่มีกำแพงด้านข้างของวัดกั้นเขตระหว่างที่วัดกับที่ของชาวบ้าน จึงสามารถเดินตามริมคลองติดต่อระหว่างกันได้  วัดจะมีกำแพงเฉพาะด้านหน้าด้านเดียวเท่านั้น ไม่เหมือนในปัจจุบันที่วัดหรือบ้านต้องมีกำแพงล้อมรอบสูงทุกด้าน

         ในสมัยเป็นเด็ก ๆ จะนัดกันไปเที่ยวตามแบบเด็กบ้านนอกทั่วไป คือไปเล่นกันแถวป่าริมคลอง ที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นเป็นช่วง ๆ  หาผลไม้ป่ารับประทานกัน อย่างเช่น มะขามเทศ มะขามป้อม ตะขบ พุทรา เป็นต้น และมักจะตามด้วยการลงเล่นน้ำในคลอง  ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเด็กชายล้วน ๆ  เพราะในสมัยนั้นการเล่นจะแยกวงกันระหว่างเด็กชายกับเด็กหญิง ดังนั้นการลงเล่นน้ำก็โดยการถอดเสื้อผ้าไว้ริมคลอง แล้วก็ลงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน คนที่ว่ายน้ำยังไม่เป็นก็จะหัดว่ายน้ำกันในคลองนี้แหละ โดยมีคนที่ว่ายเป็นแล้วแนะนำ

          โบสถ์วัดกลางในปัจจุบัน ในสมัยที่เริ่มก่อสร้าง จะสร้างอยู่กลางทุ่งนาด้านหลังวัด  ตอนกำลังสร้างผมยังเป็นเด็กก็สงสัยว่าทำไมหลวงพ่อจึงมาสร้างโบสถ์อยู่กลางทุ่งนา แทนโบสถ์หลังเก่าที่อยู่ด้านหน้าวัดใกล้ถนน (เข้าใจว่าเป็นบริเวณหน้าศาลา ๑ ในปัจจุบัน) ในปัจจุบันโบสถ์ก็อยู่ในตำแหน่งเกือบจะกลางของเขตวัดไปแล้ว  นับว่าหลวงพ่อหรือเจ้าอาวาสในสมัยโน้นคิดและมองกาลไกลมาก  ในสมัยกำลังก่อสร้างโบสถ์ จะมีการเล่าลือว่าห้ามเด็ก ๆ และผู้คน ไปเล่นบริเวณใกล้ ๆ โบสถ์โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน เพราะมีผีดุ มีคนเคยเจอกันมาแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ทราบว่าจริงเท็จแค่ไหน หรือจะเป็นอุบายเพื่อป้องกันพวกหัวขโมยที่จะไปขโมยวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ บริเวณรอบโบสถ์ที่กำลังก่อสร้าง จะได้ไม่กล้าไป

หมายเลขบันทึก: 473473เขียนเมื่อ 4 มกราคม 2012 21:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 มกราคม 2014 14:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท