ความฉลาด คืออะไรครับ..พูดง่ายๆ..ความสามารถในการทำอะไรได้สำเร็จ โดยใช้ทรัพยากรน้อยกว่าคนอื่น..สมัยนี้..ต้องบวก "แถมรับผิดชอบต่อโลกใบนี้มั๊กๆด้วย"
...
องค์กรประกอบด้วยคนครับ..ขับเคลื่อนด้วยคน..เอาคนโง่ หรือฉลาดแกมโกงมาขับเคลื่อน..ก็ได้เป๋ ลงข้างทาง ไปไม่ไกลครับ..องค์กรถ้าประกอบด้วยคนโง่ หรือคนฉลาดแต่ทำอะไรไม่ได้..ด้วยติดเงื่อนไขอะไรบางอย่าง..องค์กรนั้นก็โง่ครับ..งมงาย ดักดาน..
..
วิชา OD มีไว้เพื่อพัฒนาองค์กรให้ฉลาด รับผิดชอบต่อสังคม ครับ..คนจะฉลาดได้ ไม่ใช่ไปอบรมวันเดียวแล้วจะฉลาด กู้โลกได้เลย..ต้องอาศัยเวลา "บ่มเพาะ" ครับ..
....
เราบ่มเพาะอะไร..เราบ่มเพาะสิ่งเหล่านี้ครับ
1. ฮิวแม่น แคปปิตอล (Human Capital) หรือทุนมนุษย์ครับ..ในองค์กรต้องหาคนเก่ง คนดี คนทัศนคติดีๆมา..ที่มีอยู่ถ้าไม่ดี ไม่เก่ง ต้องหาทางฝึกอบรม โค้ช (สอนตัวต่อตัว) KM ใช้อะไรก็ได้ที่ทำให้เขาทำงานเก่ง และมีทัศนคติที่ดีขึ้น.
ประมาณว่า ถ้าคุณทำบริษัทแท็กซี่..คุณต้องฝึกอบรม สอน ติดตาม จนกระทั่งคนของคุณขับแท็กซี่ได้อย่างมีทักษะ และเป็นนักขับที่ดี..รู้ทาง..รับผิดชอบต่อสังคมครับ..แท็กซี่รับผู้หญิงเมา..ก็พากลับบ้านอย่างปลอดภัย อย่างนี้เป็นต้น
2. โซเชียล แคปปิตอล (Social Capital) หรือทุนทางสังคม..ประมาณว่า..คนเก่ง กับคนเก่งอยู่ด้วยกัน เหม็นหน้ากัน..ก็ทำงานร่วมกันไม่ได้..ก็จบเห่ครับ..ผลงานออกมาเท่ากับคนสติปัญญาไม่ดีนั่งเอง..
ประมาณว่า..อย่าให้ทะเลาะกันทำงานประสานงานกันได้..รู้จักแบ่งปันผู้โดยสาร ไม่ใช่เอาแต่พวกตัวเอง..เจอหน้าเป็นมีเรื่องกัน..วงแตกครับ
3. สตรัคเจอรัล แคลปิตอล (Structural Capital) ทุนโครงสร้าง...มีนโยบายดีๆ..ขั้นตอนดีๆ..ให้ทั้งสองอย่างแรกเติบโตได้..เช่น บางองค์กรมีนโยบาย "แมวดำแมวขาวไม่เป็นไร ขอให้จับหนูได้ก็แล้วกัน" อันนี้ ลองดูนะครับ..
ประมาณว่าบริษัทแท๊กซี่ รับคนขับโดยไม่ดูประวัติ..ขอให้ขับเก่งไว้ก่อน จะได้ไม่เปลืองเวลา และเงินในการอบรม..ได้เรื่อง..อาจเจอฆาตรกร หรือคนสติแตกก็ได้..หรือขี้โกงอย่างน่าเกลียดก็ได้ครับ (เจอมากับตัวที่สุวรรณภูมิ)
OD เราทำทั้งสามอย่างครับ..
OD เราเอาหลายศาสตร์มาใช้
สุนทรียสนทนาและ Appreciative Inquiry นี่สามารถยกระดับทุนทั้งสามทุนได้เลย
KM ก็ได้ (ผมเชื่อว่าทฤษฎี SECI ได้ครับ..)
โค้ชชิ่ง (Coaching) ได้สามตัวครับ แต่ต้องเอาหลายๆศาสตร์มาผสมด้วย
สภากาแฟ (World Cafe) ได้สองตัวแรก
โอเพิ่น สเปซ (Open Space) ได้ สองตัวแรกครับ
Learning Organization ทำยากครับ..แต่ทำ KM กับ AI ไปเรื่อยจะได้เอง
Kolb Experiential Learning (ตัวหลังนี้ผมจะเล่าให้ฟังเยอะๆในตอนต่อๆไป) นี่ผมว่าทรงพลังที่สุด ได้ทั้งสามตัวเลย ทำง่ายกว่า LO ครับ.แต่ให้ผลไกล้เคียงกัน..
แต่ก็แล้วแต่ถนัด..ผสมผสานกันไปเลยก็ได้..ก็จะยกระดับได้หมด แล้วแต่ความถนัดครับ..
...
เรื่องเวลาในการทำ OD จึ่งไม่ใช่สองสามวันครับ..ว่าไปก็ตลอดไป ตลอดเวลาครับ..เรื่องเวลาจะคุยให้ฟังอีกครับ..วันนี้เท่านี้ก่อน..
...
คุณล่ะคิดอย่่างไรก็ OD
ศุกร์สุขสันต์ส่งท้ายวันปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ สดใส มีพลังเจ้าค่ะ ":)
สวัสดีครับอาจารย์ภิญโญ
สวัสดีปีใหม่นะครับ
อ่านแล้วเห็นแนวทางการพัฒนาองค์กรนะคะ แต่ต้องยอมรับว่า OD เดี๋ยวนี้ เจ้าใจผิดคิดแต่ว่า นั่งรถไปเที่ยวไกลๆ มองด้านลบไปรึเปล่าไม่แน่ใจค่ะ แต่เห็นเช่นนี้จริงๆ