ไปวิ่งมาราธอนกัน


ขีดจำกัดมีไว้ให้เราทำลายมันลงใช่ไหมครับ นักกายภาพบำบัดคนหนึ่งพูดกับผมไว้ ตอนที่ผมประสบอุบัติเหตุแล้วหมอบอกว่าผมอาจจะแขนพิการและว่ายน้ำไม่ได้อีกต่อไป แต่วันนี้ผมก็กลับมาว่ายน้ำได้อีก และผมยังวิ่งชนะใครๆมากมาย สำหรับผมแล้วการแพ้เพราะไม่เคยได้ลงแข่งมัน..น่าเสียดาย น่าเสียดายนะครับ

หลายวันมานี้อากาศหนาวเย็นอย่างแรง ขนาดน้ำค้างแข็งที่พิษณุโลก อุณหภูมิยอดหญ้าบนดอย 1 องศาเซลเซียส พอแสงตะวันลับขอบฟ้าแล้ว แทบไม่อยากก้าวเท้าออกจากบ้านเลย มันหนาวกรีดผิวหนังจริงๆ

 

 

แต่คืนนี้ผมต้องออกจากบ้านแต่กลางดึก เพราะมีภารกิจกับการการแข่งขันมาราธอนที่บึงราชนก พอไปถึงบึง โอย... อะไรจะขนาดนี้ ลมแรงพัดกระหน่ำไม่มีหยุดพักเลย มันเพิ่มความหนาวเย็นมากขึ้นราวกับอยู่ในตู้เย็นก็ไม่ปาน

 

 

ความหนาวเย็นนั้นสุดจะทานทน ยิ่งใบหน้าผมซึ่งตอนนี้กำลังใช้ Retin-A อยู่ มันทำให้ผิวบางและแพ้ง่าย ลมหนาวขนาดนี้มันเลยเหมือนใบมีดโกนกรีดหน้าผมจนแสบไปหมด เอาว่าขอเข้าไปหลบลมนอนพักเอาแรงในเต้นก่อนนะครับ

 

 

 

การกางเต้นนอนริมบึงราชนก ให้บรรยากาศเสมือนไปแค้มป์บนยอดดอย ทั้งลม ทั้งความหนาวเย็น และบรรยากาศไม่แพ้กันเลย ยกเว้นเพียง บึงนี้อยู่แค่ชานเมืองเท่านั้นเอง บรรยากาศดีขนาดที่หลายๆคนถามไถ่กันว่า ที่นี่เขาเปิดให้แคมป์ปิ้งรึเปล่า

 

 

พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ลมค่อยสงบ อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นมานิดนึง โลกรอบตัวเริ่มมีชีวิตชีวา

 

 

จริงๆแล้วผมไปทำงานครับ ไม่ได้กะจะไปวิ่งอะไรกับเขาหรอก แต่ว่า... ดูน้องคนนี้สิ วิ่งเท้าเปล่า ตอนผมบวชเรียนแค่เดินบิณฑบาตเท้าเปล่าก็เจ็บจนเดินได้ไม่เต็มเท้า จนหลวงพ่อบอกว่า "เป็นพระใหม่ก็แบบนี้ เดี๋ยวเปลี่ยนดอกยางแล้วก็จะดีขึ้นเอง"

 

 

น้องสาวคนนี้ลงทุนเดินทางจากภูเก็ตมางานนี้โดยเฉพาะ

 

 

มาไกลจากยุโรปจากญี่ปุ่นก็มี หลายๆคนที่อายุเกิน 60 เด็กเล็กเด็กน้อยมีมาหมด แล้วเราล่ะ เจ้าบ้านแท้ๆ อยู่ไกล้แค่นี้เอง ทำไมไม่ลงวิ่งกับเขาบ้าง

 

 

เขาก็ทำกันได้ ทำไมล่ะ เราจะทำแบบเขาไม่ได้

 

 

ว่าแล้วก็ลงวิ่งกับเขาด้วยดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดี และเพื่อพิสูจน์ว่าเราทำได้

 

 

ในที่สุดผมก็ได้ทำ และทำได้ มันอาจไม่สำคัญกับใคร แต่สำคัญกับผมมาก เพราะผมเคยทำมันไม่ได้ นานมาแล้วตอนเด็กๆ ผมเคยลงฮาฟมาราธอนของโรงพยาบาลพุทธชินราช และผมก็ทำไม่ได้ ผมหอบกลางทางและต้องขึ้นรถพยาบาลกลับ

 

ผมเป็นหอบหืดตั้งแต่เล็กๆ ปอดผมทำงานได้เพียง 60% เท่านั้น ถ้าผมออกแรงมาก ผมจะหายใจได้ไม่พอกับที่ร่างกายต้องการ ช่วงวัยรุ่นตอนต้นผมจึงต้องว่ายน้ำเป็นประจำเพื่อขยายพื้นที่ปอดให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อจะสามารถทำกิจกรรมอย่างที่คนปกติทั่วไปเขาทำๆกันได้ ผมอาจจะว่ายน้ำได้เร็วไม่แพ้ใคร แต่ผมไม่เคยวิ่งชนะใครเลย เพราะมันจะลงเอยด้วยการหอบ ยิ่งเป็นการวิ่งในฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยละอองเกษรดอกหญ้าที่ผมแพ้มันอย่างหนัก บางทีไม่ทันได้วิ่ง ผมก็หายใจไม่ออกเสียแล้ว แต่ขีดจำกัดมีไว้ให้เราทำลายมันลงใช่ไหมครับ นักกายภาพบำบัดคนหนึ่งพูดกับผมไว้ ตอนที่ผมประสบอุบัติเหตุแล้วหมอบอกว่าผมอาจจะแขนพิการและว่ายน้ำไม่ได้อีกต่อไป แต่วันนี้ผมก็กลับมาว่ายน้ำได้อีก และผมยังวิ่งชนะใครๆมากมาย ถึงไม่ได้โล่ ก็หนึ่งในลำดับต้นๆนะครับ ดีใจจังเล้ย!! เราทำได้ แต่กลับถึงบ้านผมก็ป่วยไปเลยล่ะครับ ปวดไปทั้งตัวเลย เห้อ...

 

การแพ้เพราะไม่เคยได้ลงแข่งมัน..น่าเสียดาย น่าเสียดายนะครับ

 

หมายเลขบันทึก: 472668เขียนเมื่อ 27 ธันวาคม 2011 15:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 พฤษภาคม 2012 08:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

บรรยากาศดีมากๆ เลยค่ะ อย่างนี้วิ่งได้ถึงไหนถึงกันเลยไหม

นึกถึงเพลง ไม่แข่งยิ่งแพ้ นะคะ อย่างน้อยก็ได้ทำดีที่สุดแล้ว ขอบคุณค่ะ

ขอบพระคุณที่แวะไปทักทายกันค่ะ.

...นำพรปีใหม่มาฝากค่ะ...

***สวัสดีปีใหม่๒๕๕๕ ค่ะ***

  • ยืนมองนกเหยี่ยวฟ้า ถลาลม
  • เสรีร่อนวงกลม        กลางฟ้า
  • มวลนกชื่นฉันตรม    มุมต่าง กันนา
  • ลมแรงยิ่งทายท้า     เที่ยวท้องอัมพร 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท