ระบบการเรียนรู้ในสังคมยุคใหม่
โดย นางสาวชยาภัสร์ ศิริจรูญวงศ์,นางสาวศิรินุช ฝ่ายพรม,นางสาวศิริพร ศรีใหญ่
โลกยุคใหม่ถูกเชื่อมโยงด้วยระบบเทคโนโลยีสารสรเทศใหม่ที่ใช้คอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมและใยแก้วนำแสง ทำให้การถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางมากขึ้น เราสามารถค้นคว้าหาความรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ด้วยระบบ Internet ได้แม้อยู่คนละซีกโลกก็ตาม ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจึงเปลี่ยนรูปแบบของการเรียนรู้และแหล่งความรู้ ทำให้ทุกคนได้เรียนรู้อย่างกว้างขวางและเกิดการเรียนรู้อยู่เสมอตลอดชีวิต ที่เรียกว่า “สังคมแห่งการเรียนรู้” (Learning Society) สังคมสารสนเทศเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ความรู้และสารสนเทศคือพลังในการอยู่รอดในสังคมยุคใหม่ ผู้คนในสังคมยุคนี้ จึงต้องเป็นผู้แสวงหาความรู้ เพื่อพัฒนาตนเองให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง และความก้าวหน้าทางวิชาการแห่งยุตอยู่เสมอ เทคโนโลยีสารสรเทศได้เข้ามามีบทบาทอย่างสูงในการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้แก่ผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษาจึงไม่จำกัดเพียงห้องเรียน หากแต่ขยายขอบข่ายออกไปเหนือมิติของสถานที่ และเวลา เป็นการศึกษาที่ไร้พรมแดน E-Learning จึงเป็นทางเลือกใหม่ของการเรียนรู้ของนักเรียน และประชาชนทั่วไป ซึ่ง E-Learning เป็นนวัตกรรมการเรียนที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้สอนและผู้เรียนสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้ ช่วยเสริมแรงในการเรียนรู้เนื้อหา เข้าถึงข้อมูลทั่วโลกได้ง่าย เข้าถึงข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน เป็นการเรียนรู้อย่างมีปฏิสัมพันธ์ ศึกษาจากเนื้อหาที่เป็นมัลติมีเดีย เป็นการเรียนรู้ที่ระยะทางและเวลาไม่เป็นอุปสรรค
E-Learning คืออะไร
E-Learning หรือ Electronic Learning หมายถึง ระบบการเรียนการสอนที่ที่ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์การเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิคส์ต่าง ๆ นับตังแต่ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer-assisted Instruction :CAI) ที่อาจอยู่ในรูปของ CD-Rom ไปจนถึงการเรียนรู้ผ่านระบบเครือข่าย Internet ที่อยู่ในรูป World Wide Web (www) ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียน เรียนรู้อย่างไร้พรมแดน ผู้สอน หรือสถาบันหรือหน่วยงานทางการศึกษาจะพัฒนาบทเรียนไว้บนฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิคส์ของตนเอง โดยบทเรียนอาจอยู่ในรูปของการนำเสนอด้วยตัวอักษร (Text mode) เป็นหลัก หรือในรูปของสื่อประสมที่มีภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียงประกอบ ที่จะส่งเสริมการเรียนรู้ที่สูงขึ้น ถือว่าเป็นการศึกษามวลชนสำหรับสังคมยุคใหม่ เป็นการเรียนรู้ที่ปราศจากห้องเรียนจนมักเรียกว่าห้องเรียนเสมือน หรือ Virtual Classroom หรืออีกคำหนึ่งมักใช้กัน คือ Web-based Instruction หรือ WEI
E-Learning สามารถตอบสนองการศึกษาทั้งสามรูปแบบตาก พ.ร.บ. การศึกษา พ.ศ. 2542 คือ การศึกษาในระบบโรงเรียน การศึกษานอกระบบโรงเรียน และการศึกษาตามอัธยาศัย อีกทั้งสามารถจัดได้ทุกระดับการศึกษา มีทั้งการจัดการศึกษาแบบให้เปล่า และต้องเสียค่าลงทะเบียนในการเรียน มีทั้งการศึกษาเพื่อประดับความรู้ และประสบการณ์ ไปจนถึงการศึกษาเพื่อรับประกาศนียบัตรหรือปริญญาบัตร ปัจจุบันนี้มหาวิทยาลัยต่างประเทศหลานสถาบัน โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่จัดระบบการเรียนการสอนนี้ทั้งในระดับปริญญาตรี และระดับบัณฑิตศึกษา ผู้สนใจเรียนสามารถเรียนได้โดยไม่จำเป็นต้องไปเรียนถึงประเทศนั้น นักวิชาชีพของไทยส่วนหนึ่งจะศึกษาผ่านระบบนี้ เพื่อพัฒนาประสบการณ์วิชาชีพตนเองให้สูงขึ้น ในขณะที่ยังปฏิบัติหน้าที่การงานของตนเอยู่
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า E-Learning เป็นการศึกษาในยุคสมัยที่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการสื่อสารมีบทบาทในการศึกษา โดยมีพัฒนาการไปตามความกว้าหน้าของเทคโนโลยี ระบบอินเทอร์เน็ตครอบคลุมการเรียนในหลายรูปแบบ ทั้งการเรียนทางไกล และการเรียนผ่านเครือข่าย
ประโยชน์ของ E-Learning
ปฏิสัมพันธ์ใหม่เพื่อการเรียนรู้
แม้ว่าการเรียนในระบบนี้ ผู้เรียนไม่มีโอกาสได้พบผู้สอนโดยตรงเช่นระบบการเรียนในห้องเรียน ผู้พัฒนาบทเรียนพยายามออกแบบให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย ที่ไม่เพียงแต่การอ่านแต่เนื้อหา หรือดูภาพประกอบบนจอคอมพิวเตอร์ หากแต่มีการส่งเสริมให้เกิดปฏิสัมพันธ์เพื่อการเรียนรู้จากสื่อเหล่านั้น รวมไปถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนและผู้เรียนด้วยกันผ่านทางระบบเครือข่าย เช่น กระดานสนทนา (Web Board) ห้องสนทนา (Chat Room) E-Learning ไม่ได้จำกัดในแง่ของการศึกษารายบุคคล หากมีศักยภาพในการสร้างกระบวนการเรียนการสอนแบบร่วมมือ (cooperative learning) หรือการเรียนที่ผู้เรียนมีส่วนร่วม (Partipatory learning) ระบบ Internet สามารถสร้างชุมชนของผู้เรียน (community of learners) ที่จะทำให้ผู้เรียนจากภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งภายในประเทศเองหรือที่อยู่ในประเทศอื่น ๆ ได้นำความรู้และประสบการณ์ของตนเองมาแลกเปลี่ยนได้อย่างมีความหมาย นอกจากนี้ ผู้เรียนสามารถแสวงหาความเพิ่มเติมจากแหล่งการเรียนรู้อื่นบน World Wide Web หรือฐานสารสนเทศอิเล็คทรอนิคส์ รวมถึงวารสารอิเล็คทรอนิคส์ (E-Journals)
แหล่งการเรียนรู้จาก E-Learning
ในประเทศไทยยังมีความจำกัดในการเรียนรู้ผ่านระบบ E-Learning ทั้งในเรื่องของเครื่องมือและตัวบทเรียน ที่ยังมีการพัฒนาค่อนข้างน้อย แต่ก็มีความพยายามทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ โดยเฉพาะสถาบันอุดมศึกษา ที่ร่วมกันพัฒนาสื่อเพื่อการเรียนรู้บนระบบ E-Learning ทั้งระดับโรงเรียน ระดับมหาวิทยาลัย และการศึกษาทั่วไป สำหรับประชาชนทั่วไป อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระบบ World Wide Web เป็นระบบที่ไร้พรมแดน นักเรียนครู อาจารย์ และประชาชนทั่วไปสามารถที่จะท่องไปบน WWW เพื่อหาแหล่งเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง แม้ว่าบางแหล่งที่ต้องเสียค่าธรรมเนียม แต่ก็มีแหล่งการเรียนรู้อื่นอีกมากมายบน WWW ที่ให้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ระบบห้องสมุดสมัยใหม่ทั้งในโรงเรียน และห้องสมุดประชาชน ไม่ใช่ที่เก็บเอกสารและหนังสือเท่านั้น หากแต่ต้องมี การจัดหาเครื่องมือทางเทคโนโลยีสารเทศ อาทิ คอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายบน Internet เพื่อที่จะเป็นประตู (Gateway) ให้ผู้ใช้สืบค้นสาระความรู้ในยุคใหม่ ทั้งที่อยู่ทั่วไปบน WWW ไปจนถึงฐานข้อมูลอิเล็คทรอนิคส์ วารสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-Journals) ไปจนถึงหนังอิเล็คทรอนิคส์ (E-Book)
นอกเหนือจากสถาบันการศึกษาแล้ว หน่วยงานวิชาชีพ และสมาคมวิชาชีพของไทย ควรที่จะมีบทบาทในการเผยแพร่วิชาการในสาขาของตนในรูปของ E-Learning ให้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนมากขึ้น เพราะหน่วยงานเหล่านี้ มีฐานความรู้ในสาขาของตนเองที่เข้มแข็งอยู่แล้ว
ทักษะใหม่สำหรับสังคมสารสนเทศ
ในสังคมสารสนเทศ ผู้คนต้องได้รับการพัฒนาทักษะใหม่ เพื่อการใช้ชีวิตอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะเหล่านี้ ได้แก่ ทักษะทางคอมพิวเตอร์ (Computer Literacy) ซึ่งหมายถึง การเรียนรู้ที่น่าจะนำคอมพิวเตอร์มาใช้ประโยชน์ในการศึกษา หน้าที่การงานและในชีวิตประจำวัน และทักษะสารสนเทศ (Information Literacy) ซึ่งหมายถึง การรู้คิดอย่างใคร่ครวญ (Reflection) จากข้อมูลข่าวสารที่มีมากมาย โดยเฉพาะในระบบ Internet เพื่อจะได้กลั่นกรองในสิ่งที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์แก่ตนเอง รวมไปถึงการนำไปสู่การประยุกต์ใช้ ประการสำคัญ คือ การรู้จักแสวงรู้ (Inquiry) เพราะห้องเรียน หือสถาบันการศึกษา ไม่สามารถที่จะให้การเรียนรู้ทุกอย่างได้หมด เพราะความรู้ใหม่ได้รับการสร้างอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นเพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงผู้เรียนจะต้องเป็นคนที่มีทักษะในการแสวงหาความรู้อยู่เสมอ โดยเฉพาะ ความรู้ผ่านระบบ Internet และ World Wide Web เพราะเป็นความรู้ที่ไร้พรมแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อความรู้ ภาษาอังกฤษ หรือภาษาต่างประเทศอื่น ยิ่งส่งเสริมให้มีโอกาสในการเรียนรู้จากแหล่งความรู้ต่าง ๆ ที่หลากหลายขึ้น
สรุป
กล่าวได้ว่า E-Learning จึงเป็นวิธีการเรียนรู้ที่สามารถสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ (Learning Society) ให้เกิดขึ้นได้ทุกที่ ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน การเรียนรู้เน้นการแสงหาและการรู้จักเลือกข้อมูลเพื่อการเสริมเติมแต่งความรู้ เป็นการเรียนรู้ที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันภายในกลุ่มที่เรียนรู้ร่วมกัน และยังขยายความสัมพันธ์ไปยังบุคคลภายนอกกลุ่มที่ติดต่อหรือเป็นแหล่งทรัพยากรของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพึ่งพาช่วยเหลือกัน สำหรับประเทศไทยยังขาดการเข้าถึงองค์ความรู้โดยผ่านระบบเครือข่าย ควรส่งเสริมให้จริงจังในเรื่องการพัฒนาระบบเครือข่ายให้ใช้กันได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น เพื่อวางรากฐานของสังคมไทยให้เป็น “สังคมแห่งการเรียนรู้” ให้มากกว่าเดิม สิ่งที่น่าพิจารณา คือ เราเตรียมครูทุกคนให้มีทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และทักษะสารสนเทศขนาดไหน ที่จะออกไปสอนการศึกษาขั้นพื้นฐาน และนำทักษะเหล่านี้ไปบรูณาการให้แก่ผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะย่อมหมายถึง นักเรียนที่ผ่านระบบโรงเรียนจะมีทักษะด้านนี้ติดตัวไปด้วย อันจะนำไปสู่การนำทักษะเหล่านี้ไปใช้ ประโยชน์ในการพัฒนาชีวิตของเขาในฐานะผู้ใหญ่ของสังคมไทยในวันข้าหน้าด้วย ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีสารสนเทศได้แพร่หลายในสังคมไทยทั้งในเมือง และลงสู่ชนบท ที่รู้จักในรูปของ Internet ตำบล ดังนั้นปัญหาที่น่าสนใจมีอยู่ว่า จะทำอย่างไร ที่จะนำให้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีนี้มีคุณค่าต่อการศึกษา นอกโรงเรียนในยุคสังคมสารสนเทศ มีเพียงของเล่นเพื่อความบันเทิงชนิดหนึ่ง ดังที่เห็นทั่วไปในบ้านเรา
ดิฉันเห็นด้วยกับเรื่อง
"สำหรับประเทศไทยยังขาดการเข้าถึงองค์ความรู้โดยผ่านระบบเครือข่าย ควรส่งเสริมให้จริงจังในเรื่องการพัฒนาระบบเครือข่ายให้ใช้กันได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น"
ดิฉันมีความเห็นว่า การดำเนินชีวิตในสังคมยุคใหม่จำเป็นต้องอาศัยความรู้และสารสนเทศ คนยุคใหม่จึงต้องเป็นผู้แสวงหาความรู้ เพื่อพัฒนาตนเองให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าของโลกอยู่เสมอ เมื่อกลับมาย้อนดูสังคมไทยยังมีความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงองค์ความรู้โดยระบบเครือข่ายอยู่ ความเจริญของสังคมเมืองเป็นไปอย่างรวดเร็ว โอกาสและความสามารถในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่าสังคมชนบท หนึ่งในแนวทางการแก้ไขปัญหานี้และเป็นสิ่งที่ครูผู้สอนทำได้คือ การช่วยพัฒนาทักษะให้กับผู้เรียน ทักษะเหล่านี้คือ ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ ทักษะด้านสารสนเทศ ทักษะด้านการคิด และการรู้จักแสวงรู้ เพื่อสร้างพื้นฐานให้กับผู้เรียนได้ใช้ทักษะเหล่านี้ในการแสวงหาความรู้ รู้จักรับและปรับใช้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างเหมาะสม และสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมแห่งการเรียนรู้ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดการศึกษาในยุคใหม่ต้องใช้เครือข่ายทางอินเตอร์เนตมาช่วยในการจัดการศึกษา การศึกษาเป้นการศึกษาไร้พรมแดนไม่ต้องอยู่ในวงจำกัดของโรงเรียนสามารถเรียนได้ทุกที การเรียนผ่านE-learning นักเรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง ครูคอยให้การชี้แนะ นักเรียนก็เรียนตามอัธยาศรัย ดังนั้นประเทศไทยควรให้การสนับสนุนในการสร้างเครือข่ายทางอินเตอร์เนต
หวังว่าคงเป็นประโยชน์กะใครหลายๆๆคนค่ะ