ก่อนอื่น...แม่ + พ่อเร + น้องเพรียงขอแสดงความยินดีกับ "พี่ภัคร" ด้วย
ที่ตอนนี้เหมือนกับเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า "พี่ภัคร" ทำได้
และทำได้ดีเสียด้วย...กับการที่ "พี่ภัคร" เลือกเรียนในวิชาที่ตนเอง
ถนัด + รัก + ชอบ...เพราะจะการันตีด้วย
คำว่า "เกียรตินิยมอันดับ ๑"
เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ของง่าย ๆ ที่ทุกคนจะทำกันได้ แต่ "พี่ภัคร" พิสูจน์ให้ทุกคน
เห็นว่า "พี่ภัคร" ทำได้แล้ว...และจะเป็นเกียรติประวัติของลูก
โดยติดตัวไปจนวันตาย...
การรับปริญญาบัตร เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ มหาวิทยาลัยนเรศวร
พี่ภัคร บอกแม่ว่า...แม่ไม่ต้องไปหรอก เพราะรถเยอะมาก ๆ กลัวว่าแม่จะลำบาก
แต่พี่ภัครได้มาถ่ายรูปกับแม่ที่บ้านก่อนหน้านั้นแล้ว...ความจริงแล้ว แม่ก็อยากไป
แต่เมื่อพี่ภัครบอกเช่นนั้น...แม่ก็ตามใจ...แต่วัฒนธรรมไทย คนส่วนใหญ่
เมื่อสำเร็จการศึกษาก็จะมีการฉลองแสดงความยินดีโดยไปถ่ายรูปร่วมกัน
ทั้งครอบครัว...แต่พ่อ + แม่ คิดดูอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่วัฒนธรรมไทย หรือค่านิยมของ
คนไทยแล้ว ก็ไม่จำเป็นอะไร...การแสดงความยินดีใช่ทำโดยการถ่ายรูปที่ในงาน
แต่น่าจะหมายถึง..."การเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จ + การกระทำต่อลูก +
การให้กำลังใจลูก + ให้ความอบอุ่นลูกมากกว่า"...
เพราะจะเป็นการแสดงถึงความห่วงใย เอื้ออาทรกันอย่างแท้จริง และแสดงถึง
ความยินดีอย่างแท้จริงที่ลูกได้ประสบความสำเร็จในการศึกษา...
เหตุที่พ่อเร + แม่ ไม่ได้ไป เนื่องจากต่างก็มีภาระกิจของครอบครัว
เพราะน้องเพรียงก็กำลังหว่านข้าว ด้วยเหตุน้ำท่วมเพิ่งจะลดลง
และต้องรีบหว่านข้าว เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่ทันการณ์...และก็ต้องมาตรงกับที่
"พี่ภัคร" รับปริญญาเอาด้วย ซึ่งปัญหาของครอบครัวเราก็มีอยู่ "ไม่มีใครดูแลตา"
ซึ่งป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ยิ่งทำให้เป็นภาระของ
ครอบครัวเราต้องมีคนดูแล แต่ตลอดเวลาที่ลูกรับปริญญา พ่อ + แม่
ก็ขอส่งกำลังใจไปให้ตลอดเวลา...ไม่ได้ร่วมรับตอนปริญญาตรี...
แต่ในครั้งปริญญาโท หรือ เอก ก็ยังมี คงมีสักครั้งที่เรา พ่อ - แม่ - ลูก
คงได้ร่วมแสดงความยินดีต่อกันอีก...
การรับปริญญาครั้งนี้ "พี่ภัคร" ก็คงเหงา ๆ เพราะถ่ายแค่เพื่อน ๆ อาจารย์ เท่านั้น
สังเกตที่นิ้วมือ "พี่ภัคร" จะชี้ว่า มีโบว์สีเงินมัดติดให้ด้วยจ้า... แสดงว่าต้องพิเศษ...
พ่อเร + แม่ ก็ขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตน้อยของแม่ที่ลูกสามารถทำได้
และทำได้ดีเสียด้วย แม้ว่าจะไม่ใช่จบแพทย์หรือวิศวะ...แต่ลูกก็ทำได้ในศาสตร์
ที่ลูกรัก + ถนัด + ชอบ...เพียงขอแต่ให้ตั้งใจเท่านั้น...
กาลใดที่ทำก็จะสำเร็จเอง...
แม้แต่ "แก้ว" ก็ติดฝึกงาน ลามาไม่ได้...แม่เข้าใจในความรู้สึกในใจ "ลึก ๆ "...
แต่เมื่อผ่านพ้นไปแล้ว...สิ่งที่อยู่ติดตัวลูกต่างหาก นั่นคือ "ความสำเร็จ"
ภาพ เหตุการณ์ต่าง ๆ นั้น เป็นเพียงแค่ความทรงจำที่ดีเท่านั้นเอง...
ตั้งหน้าทำให้สำเร็จอีก ๑ ใบ กับ คำว่า "สำเร็จปริญญาโท"...
สำหรับเทอม ๑ ปี ๑ จากการที่ได้ศึกษาต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
(บางเขน) สาขาวรรณคดีไทย ผลที่ได้ของเกรด คือ ๓.๕ ตามที่ลูกบอก
ซึ่งแม่พยายามบอกลูกเสมอว่า ถ้าเป็นไปได้ พยายามอย่าให้เกรดลดลงหรือ
ต่ำกว่า ๓.๕ เพราะเมื่อเรียนต่อปริญญาเอก จะมีผลในการขอทุนการศึกษา
แต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะแม่รู้ว่า "วรรณคดีไทย" เป็นสาขาที่ยาก
ขอทุนการศึกษาไม่ได้ ก็คงควักกระเป๋าแม่ให้ต่อเอง...
"สิ่งใดที่ลูกทำมาแล้วและคิดว่าดีก็ขอให้ลูกทำต่อไป...เพราะไม่ใช่ใคร
ที่เป็นผู้ได้รับ...ก็คือ "ลูก" ไง ที่เป็นคนรับผลที่กระทำนั้น ๆ "
เหมือนกับทุกอย่างขึ้นอยู่กับ "กฎแห่งกรรม" จริงไหม?...
"พี่ภัคร" เคยบอกตาว่า ขอให้อยู่ถึงวันที่ "พี่ภัคร" รับปริญญาก่อน
และจะพาตาไปด้วย...ตาก็รักษาสัญญา คือ อยู่ถึงวันที่ "พี่ภัคร"
รับปริญญา แต่ตาก็ไม่สามารถเดินได้ เพราะขาเป็นอัมพฤกษ์
สิ่งที่ทำได้ คือ "การถ่ายรูปร่วมกันที่บ้าน" เท่านั้นเอง...
ขอแสดงความยินดีกับ "บัณฑิตน้อยของแม่"...
รักลูกมาก ๆ...
จาก..."แม่บุษ"...
จากซ้าย (น้องฟ้าคราม + น้องอ้อม + แม่บุษ + พี่ภัคร + ตา + พ่อจเร + น้องเพรียง
และแล้วเมื่อตอนปีใหม่ พี่ภัคร ได้กลับมาบ้านที่พรหมพิราม พวกเราก็ได้ร่วมกัน
ถ่ายรูปเก็บไว้ดูเป็นที่ระลึก นี่คือ "ครอบครัวของเรา"
สวัสดีค่ะอาจารย์
ชื่นชมค่ะ ยินดีกับความสำเร็จค่ะ
ถึงวันเวลาจะผ่านไปอย่างไร ลูกก็ยังเป็นเด็กน้อยเสมอ สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ ยินดีด้วยครับท่านอาจารย์บุษยมาศ ขอให้ท่านอาจารย์มีความสุขอย่างยั่งยืนตลอดปีใหม่นี้และตลอดไปครับผม ^_^