Orientate Mind before Open Mouth


จริงหรือ..ที่คำพูดมักเร็วกว่าความคิด
ในขณะที่มีหลักฐานศึกษาว่าความคิดเร็วกว่าคำพูดถึง 3-4 เท่า
( คิด 600 คำต่อนาที กับ พูด 150-200 คำต่อนาที - ขอบคุณ คุณหมอธิรัมภา สำหรับข้อมูลน่าสนใจนี้ค่ะ)

..ไม่ได้ติดตามข่าวบันเทิงมานาน..

ข้าพเจ้าเพิ่งรู้ข่าวนักร้องชายชื่อดังท่านหนึ่ง ด้วยบันทึกของเพื่อนสมาชิกใน gotoknow 
หลังจากได้ฟังสัมภาษณ์จากคลิปข่าว ก็ทำให้นึกถึงภาพนี้..
.
หากไม่มีนาฬิกา  ก็ไม่รู้ว่า เป็นตอนเช้าพระอาทิตย์ขึ้น หรือ พระอาทิตย์ตก
หากไม่มีแผนที่ หรือ GPS ก็คงบอกได้เพียงเป็นทะเลแห่งหนึ่ง แต่ไม่รู้ที่ไหน
หากไม่ได้เดินเข้าไปถาม คนตัวเล็กๆ ขวามือ ก็ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นชื่ออะไร มาจากไหน
"ทิศทาง- Orientation" ประกอบด้วย การรู้เวลา-time สถานที่-place และบุคคล-person
เป็นความรู้พื้นฐานในการดำรงชีวิตอย่างปกติสุขก็ว่าได้
..
ข้าพเจ้าไม่ขอวิพากษ์เรื่องราวของนักร้องชายท่านนั้น
แต่ขอมองกลับมาที่ตนเอง
..ที่ผ่านมาได้ใช้เวลา และต้นทุนชีวิต ไปกับการกระทำที่หลงทิศทาง 
โดยเฉพาะ..การพูด
การพูดที่ขาดการหยั่งทิศทาง เหมือนการยิงกระสุนออกไปในความมืด
คำพูดตนเอง อาจไปทำร้ายผู้อื่น..และย้อนมาทำร้ายตนเอง
.
.
ปณิธานในวันใกล้ปีใหม่ - New year's Intention
สิ่งที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะปรับปรุงคือ...
"การคิดจับทิศทางก่อนพูด"
ก่อนจะพูดอะไร ต้องคิดก่อนว่ามัน "คุ้มไหม" ที่จะ
พูดในเวลานี้
พูดในสถานที่นี้
และที่สำคัญ..พูดกับคนนี้
.
เมื่อ ศึกษาธิการในสหรัฐพบว่า การล้อเลียน นักเรียนที่รักร่วมเพศ 
lesbian, gay, bisexual or transgender (LGBT) 
ด้วยคำพูดเช่น "so gay" ส่งผลให้นักเรียนเหล่านี้มีปัญหาสุขภาพจิต ขาดเรียน
จึงมีรณรงค์ชื่อ " ThinkB4Youspeak "
เพื่อย้ำเตือนว่าคำพูดที่ดูเหมือนไม่จริงจังอะไร
เมื่อพูดผิดเวลา สถานที่ และ บุคคล
อาจสร้างความเจ็บปวดยิ่งใหญ่ให้บางคนได้
.
ด้วยความปรารถนาดี ในวันใกล้ปีใหม่ค่ะ :-)
ภาพจาก http://funstoo.blogspot.com
หมายเลขบันทึก: 471956เขียนเมื่อ 21 ธันวาคม 2011 15:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 15:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (47)

*การคิดก่อนพูด..แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับ ..การพูดก่อนคิด

*การพูดที่ถูกต้อง แตกต่างอย่างมีนัยกับ การพูดที่ถูกใจ

*การนิ่งฟังให้เข้าใจก่อนพูด แตกต่างในผลพึงได้กับ การด่วนพูดแบบไม่ฟัง

*พูดไปสองไพเบี้ย โบราณท่านสอนว่า นิ่งเสียตำลึงทอง

ขอบคุณบันทึกดีๆนี้ค่ะ..

สวัสดีค่ะคุณหมอป.

  • ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ถ้าหากขาด

Orientate แล้ว งานนั้นก็ยากที่จะสมบูรณ์ได้ จริงไหมคะ

  • ขอบคุณที่ช่วยเตือนสติ ก่อนที่จะสตาร์ท ค่ะ
  • "คิดทุกคำก่อนที่จะพูด  แต่ไม่ต้องพูดทุกคำที่เราคิด"
  • ยิ่งถ้าเป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จักหรือชื่นชอบของใครหลายคน  คำพูดอาจทำร้ายทั้งตัวเองและส่งผลกระทบต่อผู้อื่นได้ค่ะ

ยังต้องใช้ความพยายามในบางครั้ง

ส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีคิดให้ช้าลง คิดถึงผลกระทบ เพื่อให้พูด...หลังคิด หรือแก้ไขให้เร็วที่สุด แฮ่ ๆ ....ถ้ารู้ว่าพลาด

เพราะหากพูดให้ทันความคิด เป็นไปได้ยาก อารมณ์จะไปก่อน

สมองคิดเร็วกว่าความสามารถในการพูดของเราอยู่แล้ว จำ reference ไม่ชัดว่ากี่เท่า เขาเปรียบเป็นคำน่ะค่ะ คิดประมาณ 600 คำ พูดได้ประมาณ 100 กว่า - 160 คำ

อ. Wasawat Deemarn "ใครอ่ะ คนนี้ ;)..." เกี่ยวประเด็นนี้ไหมเนี่ย

5555...แซว แต่ อ.หมอ ป. จะตอบก็ได้นะคะ

ไม่ว่าไร

สวัสดีค่ะคุณหมอ.

...นำบันทึกดีๆมาชวนลับปัญญาอีกแล้ว ขอบคุณนะคะ.

...แค่เพียงรูปภาพก็ชวนจินตนาการได้ไกล(ใครอะ!)รึคุณหมอกำลังถ่ายมิวสิคคะ.

...ภาพถ่ายได้อารณ์กลมกลืนกับธรรมชาติดีจริๆค่ะชวนคิดไกลแต่ไม่คิดลึก.

...ขอบพระคุณแง่คิดจากท่านนงนาท ข้าน้อยขออนุญาตเก็บไปใช้ให้มากกับตัวเอง.

...ชีวิตที่ถูกกระทำจากคำพูดจากบุคคลที่ไม่สามารถหลีกหนีได้(10ปีแทบกลั้นใจตาย)แต่ก็เพราะคำพูดเสียดแทงเหล่านั้นที่เป็นแรงผลักดันให้ข้าพเจ้าพิสูจน์ชีวิตตัวเองค่ะ.

...นำมาซึ่งการเตือนตัวเอง"ให้คิดก่อนคิด"ในทุกครั้งที่คิดทุกครั้งที่พูดต้องสำรวจใจตัวเองด้วยว่าตั้งอยู่ตรงไหน.

...สุดท้ายก็เลยพูดมากแต่เรื่องต้นไม้กับธรรมะค่ะสบายใจได้ปัญญา.

...ขอบคุณข้อคิดเตือนใจภาพสวยปฎิทินปีใหม่๒๕๕๕ค่ะ...

"ขอบคุณค่ะอาจารย์ ป. ที่มาเน้นเด่นชัดเรื่อง คิดก่อนพูดด้วยคำว่า Orientated mind before open mouth.

บ่อยครั้งที่ครูนกเลือกที่จะเข้า mode เงียบในยามที่ใจไม่สงบ แต่ก็ใช่ว่าจะได้ทุกครั้งยังต้องพยายามอยู่

สวัสดีครับคุณ หมอ มาทำOD ของโรงพยาบาล กับ อาจารย์ จอมพล สุภาพ เรียนรู้การพูดแบบการทูต และการคิดแบบโครงสร้าง ทฤษฎี ธรีซาวด์ (3D)การใช้หลักเหตุผลและอารมณ์ แล้วจะกลับไปบันทึกแบ่งปัน แลกเปลี่ยนกัน

ฮืมม์..ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ 

แต่เป็นคนเดียวกับนี่

ภาพ สคส. สีสันสดใสทั้งคนและพื้นหลัง
ขอบคุณสำหรับ ข้อความที่มีนัยยะและสัมผัสน่าจดจำค่ะ

งานใด หากขาด Orientation ยากที่จะสำเร็จ..ขอบคุณค่ะ
..

ความชัดเจน Time, Place, Person  มีความสำคัญยิ่งนัก
เคยเห็นคนเขียนการ์ด เขาจะนั่งทวนอีกรอบ
บอกว่า สิ่งที่ห้ามผิด คือ
1. ชื่อคนรับ
2. สถานที่ซึ่งกล่าวอ้าง
3. วันที่ซึ่งกล่าวอ้าง

เพราะทำให้คนรับเสียความรู้สึกมากได้ค่ะ 

 

ขอบคุณบันทึกดีๆ ให้ได้คิดอีกแล้วค่ะ ... ทุกสิ่งอย่าง เวลาจะพิสูจน์ค่ะ

ขอบคุณที่ช่วยเสริมค่ะ

ยิ่งเป็นบุคคลสาธารณะ เป็นที่จับตามอง คำพูดยิ่งมีน้ำหนัก 
หากกล่าวทางบวกก็ คูณทวี
หากกล่างทางลบ ก็ หารหลายเท่าเช่นกัน 

ชอบตรง การแก้ไขให้เร็วที่สุด เมื่อรู้ว่า (พูด) พลาด นี่แหละค่ะ..

เมื่อรู้ว่าคำพูดใดก่อบาดแผล แล้วรีบสมานแผลตอนยังใหม่ๆ ก็มีโอกาสหายเร็ว ไม่เป็นแผลเป็น

ข้อมูลที่คุณหมอธิรัมภา แนะนำน่าสนใจค่ะ เลยไปหาใน youtube มาแบ่งปันกันต่อ

 

การที่ความคิดคนเราเร็วกว่าการพูด 3-4 เท่า เป็นเหตุให้เกิดการ "ด่วนสรุป"ในผู้ฟัง ขณะเดียวกัน ผู้พูดก็สามารถใช้ความสามารถที่ธรรมชาติให้มานี้ พิจารณาก่อนพูด..ปัญหาอย่างเดียว คือ "อารมณ์" ซึ่งสงสัยจะไวเหนือแสงนะคะ

สาวอายุเยอะคนนี้

กับเด็กก๋ากั๋นคนนี้

เป็นคนเดียวกันหรือนี่ โอ้ !

 

"ความคิดย่อมเร็วกว่าคำพูด" อิ อิ

ตอนนี้เลยพูดไม่ทันครับ คิดไปก่อนแล้ว

  • "ข้าพเจ้าไม่ขอวิพากษ์เรื่องราวของนักร้องชายท่านนั้น
    แต่ขอมองกลับมาที่ตนเอง" นี่คือ เอกลักษณ์หนึ่งของอาจารย์หมอป.ที่ชื่นชมค่ะ
  • เรื่อง "การพูด" สำคัญมากนะคะ ดังที่ภาษิตโบราณบอกว่า "ปากเป็นเอก เลขเป็นโท..." และใน "สังคหวัตถุ 4" ธรรมะเพื่อการผูกมิตร ก็มี "ปิยวาจา" เป็นหนึ่งในองค์ประกอบ ซึ่งมีหลักปฏิบัตว่า "พูดในสิ่งที่เป็นจริง เป็นประโยชน์ และเป็นที่พอใจ"
  • หลักที่พึงคิดก่อนพูด (ภาษาอังกฤษ) ที่อาจารย์หมอป.นำมาฝาก ดีมากค่ะ ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว ได้ทั้งการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและข้อคิดดีๆ ที่พึงถามตัวเองก่อนจะพูดออกมา ขออนุญาตนำไปฝากนักศึกษาซึ่ง "การพูด" เป็น 1 ใน 6 อย่างที่ให้นักศึกษาพัฒนาตนเองด้วย
  • ชอบเด็กที่แววตาเอาจริงเอาจังคนนั้นจังค่ะ เหมือนแววตาตนเองตอนเด็ก (มีสุนัขเป็นเพื่อนซะด้วยซีคะ)
  • คิดก่อนว่ามัน "คุ้มไหม" ที่จะ พูดในเวลานี้ กับเด็กคนข้างล่างนี้ ค่ะ

สวัสดีครับท่านอาจารย์ ป.

"การพูดที่ขาดการหยั่งทิศทาง เหมือนการยิงกระสุนออกไปในความมืด คำพูดตนเอง อาจไปทำร้ายผู้อื่น..และย้อนมาทำร้ายตนเอง" ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่เตือนสติผม ผมคิดว่าผมเป็นประเภทนี้ด้วย ปรัชญาความเป็นครูของผม "ครูขายความจริง ไม่ขายความเชื่อให้ศิษย์" ครูคือ "Teacher" ไม่ใช่ "Presenter" ผมมีโอกาสได้ไปทำหน้าที่สอนนักศึกษาอยู่บ้าง ในความแตกต่างของแต่ละบุคคล ยอมรับครับว่าเวลาที่เราจะใช้คำพูดออกไปมันเป็นเรื่องยากลำบากอย่างยิ่ง (พวกนักศึกษาส่วนมากเป็นคนทำงานแล้ว ช่วงวัยจะมีช่องว่างอยู่มากครับ) ใช้คำที่สื่อในทิศทางให้วัยรุ่นโดนใจ วัยที่เหลือน้อยก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจ พอใช้คำที่วัยเหลือน้อยพอจะเข้าใจ เจ้าวัยรุ่นไม่เคลียร์อีก ต้องตีความกันอีก เวลาผมพูดสิ่งที่เป็นความจริง คำพูดมันอาจจะตรงๆเกินไป ไม่ได้แต่งเสริมปรุงแต่งใดๆ กลุ่มที่เขาเข้าใจเขาก็จะไม่มีปฏิกิริยาเท่าไหร่ อาจจะมีการแสดงพฤติกรรมให้เรารับรู้ว่าเขาเห็นด้วย แต่กลุ่มที่กระแทกถูกใจดำเขานี่ซิ เหมือนของขึ้นเลยครับ ถึงเขาไม่แสดงออกผมก็พอทราบครับ แต่ผมมองเป็นเรื่องสนุกและท้าทายสำหรับผมมากกว่าครับ ผมคิดว่าการทำให้คนเราปรับเปลี่ยนกรอบแนวคิดเดิมๆของตนเองนั้นมีหลากหลายวิธีการ เพราะคนมีหลากหลายประเภท อาจบังเอิญว่าชีวิตผมมาเจอพวกชอบนิยมความรุนแรงเป็นส่วนใหญ่ ผมมาอ่านบันทึกท่านอาจารย์วันนี้ พร้อมกับการทบทวน และพิจารณาตนเอง เกิดตระหนักขึ้นมาทันที และพอเข้าใจแล้วว่า คำพูดที่ดีที่สุดนั้นคงไม่มี มันอยู่ที่ความเหมาะสมกับบริบทรอบข้างตัวเรามากกว่า ผมก็คงจะทำร้ายคนด้วยคำพูดมาไม่น้อยทีเดียวครับ แต่เจตนาของผมก็เหมือนกับคุณครูทุกๆท่าน ที่ต้องการเห็นลูกศิษย์นั้นมีความรู้แจ้งด้วยปัญญาที่แท้จริง เป็นคนดีของสังคม ก็เท่านั้นเองครับ (โดยส่วนตัวผมเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ครับ ผมชอบฟัง ชอบอ่านมากกว่า พูดไม่เก่ง เขียนก็ไม่ค่อยได้เรื่องเลย)/ภาพเด็กน้อยกับเพื่อนสี่ขาสองท่านดูเป็นธรรมชาติมาก เด็กน้อยคนนี้เมื่อเติบโตขึ้นมาเธอต้องเป็นผู้ที่รักและเข้าใจในความเป็นธรรมชาติอย่างมากทีเดียวครับผม ^_^

ขอบคุณ คุณน้อย ที่มาแบ่งปันความคิดและแรงสร้างสรรค์ ณ แห่งนี้เสมอนะคะ :-)

สัญญาณไฟเขียว ไฟแดง ที่พี่ใหญ่ - นงนาท กลั่นกรองจากประสบการณ์เป็นของขวัญปีใหม่ ที่มีคุณค่าจริงๆ ค่ะ

ชื่นชมอย่างลึกซึ้ง เมื่อได้อ่านข้อความนี้..
ชีวิตที่ถูกกระทำจากคำพูดจากบุคคลที่ไม่สามารถหลีกหนีได้(10ปีแทบกลั้นใจตาย)แต่ก็เพราะคำพูดเสียดแทงเหล่านั้นที่เป็นแรงผลักดันให้ข้าพเจ้าพิสูจน์ชีวิตตัวเอง..

มีบางคนเท่านั้น ที่สามารถอดทนต่อความรู้สึกเจ็บเสียดแทง ไม่เหลียวหลังอย่างเคียดแค้น แต่เดินไปข้างหน้า..ชื่นชม คุณน้อยเป็นหนึ่งในนั้นค่ะ

 

 

เห็นด้วยกับคุณครูนกค่ะ

เคยคิดว่า หากเราเป็นเขา
เวลาเจอเรื่องหนักๆ แบบนี้
คงขอเก็บตัวสักพัก เข้า silent mode ไปก่อน
เลือกพูดกับคนที่เกี่ยวข้องจริงๆ
ปรึกษาผู้มีประสบการณ์ชีวิต
..

แต่ก็เป็นไปไม่ได้
เพราะไม่มีทาง ที่เราจะยืนอยู่บนรองเท้าที่เขาสวม

แต่ละคนย่อมมีวิธีแก้ปัญหาของตนเองค่ะ

 

ขอบคุณ บังวอญ่า แนะนำสิ่งยั่วความอยากรู้อยากเห็นเราอีกแล้ว

เจอคลิป ท่าน ดร.จอมพล สุภาพ

 

ปล. OD กับ 3D ตัว D นี้เหมือนกันหรือไม่หนอ ขอความรู้ด้วยคนค่ะ :-)

                 

ไม่ว่าจะดูรูปนี้หลายรอบ ทั้งคิดแล้วคิดอีก อย่างไร ก็อดไม่ได้ที่จะต้องบอกว่าชอบรูปนางฟ้าตัวน้อยกับอัศวินคู่กายซ้ายขวาสองหน่อนี้มากเลยครับ

ขอบคุณค่ะ เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์การกระทำ สิ่งดี สิ่งไม่ดี ไม่ว่าจะปิดเพียงไร นะคะ

 

เห็นแล้ว นึกถึงอนิจจัง ไหมคะ หุๆ :-)

ขอบคุณอาจารย์ที่ทบทวนหลักสังคหวัตถุ 4 ค่ะ
เคยมีโอกาสอ่านหนังสือชื่อ The 5 Languages of Appreciation in the Workplace 
ทำให้ คิดว่าสังคหวัตถุ 4 เป็นหลักสากลของมนุษย์ค่ะ
1. Tangible Gifts (= ทาน)
2. Words of Affirmation + Physical touch (=ปิยวาจา)
3.Acts of Service (=อัตถจริยา)
4.Quality time (= สมานัตตา?)
.
ในหนังสือเล่มนี้ กล่าวถึง ภาษาแรก, ภาษาที่สอง ในการแสดงออกถึงการขอบคุณ (Primary language of appreciation) เช่นเดียวกับ ภาษาแรกเราเป็นภาษาไทย ตัวเราถนัดพูด เขียนภาษาไทย ก็มีแนวโน้ม สบายใจที่จะ รับสาส์นภาษาไทย..ภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาที่สอง ก็ใช้เป็น แต่ไม่อัตโนมัติเท่าภาษาแรก.

อย่างตนเองนั้น น่าจะเข้าข่าย ข้อ 2 เป็นภาษาแรก และข้อ 4 เป็นภาษาที่สอง ค่ะ

...

คุ้มไหม ที่จะคุยกับคนที่ประกาศ "กำลังหงุดหงิด ถ้าไม่สนิทอย่าคุย"..หากมองในมุมตนเอง คงบอกว่าไม่คุ้มค่ะ เพราะหากใจปิดเสียอย่าง พูดไปก็สะท้อนกลับหมด

ขอบคุณค่ะอาจารย์ธนากรณ์..

ปรัชญาความเป็นครูของอาจารย์ก็ช่วยเตือนสติตนเองเช่นกันค่ะ "ครูขายความจริง ไม่ขายความเชื่อให้ศิษย์" 
ให้ระวัง การใส่ทัศนะ ความเชื่อ ของตนเองเข้าไป..ใส่ได้แต่บอกกับเขาว่า มองผ่านแว่นอาจารย์
.

พูดในที่สาธารณะ พูดหน้าชั้นเรียน มีความท้าทายอย่างที่อาจารย์กล่าวถึง ว่าภาษาพูดเข้าถึงแต่ละวัยกัน ยิ่งมีพื้นประสบการณ์ทำงานหลากหลาย ก็ยิ่งไปกันใหญ่..ด้วยเหตุนี้นี่กระมัง สังเกตการสอนนักศึกษาแพทย์ที่อเมริกา (แต่ละคนจบปริญญาตรี ตั้งแต่ Biology ไปจนถึง Liberal art) จึงนิยมใช้รูปภาพ, ตัวเลข และ เล่าเรื่อง แล้วปล่อยพื้นที่ให้คิดเองค่ะ

.
อาจารย์เป็นคนรับฟังผู้อื่น นำมาพิจารณา ก่อนกลั่นกรองออกมาเป็นความเห็นที่ลึกซึ้งแต่ถ่อมตน..แม้อาจารย์จะบอกว่าตนเองพูดไม่เก่ง ก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชมว่า อาจารย์เป็นตัวอย่างคนพูดดี..อย่างน้อยก็ในบริบท gotoknow นี้นะคะ ^_^

ขอบคุณอาจารย์วิรัตน์ ที่มาเยี่ยมเยียนพร้อมการมองภาพแบบสุนทรีย์ค่ะ..

ที่จริงมีสาม ที่คุณแม่ตั้งนามอย่างเพราะพริ้ง
แต้มทอง, ตวงเงิน, ตุ่มเพชร :-)

มีสองอย่างในโลกนี้

ที่ทำไปแล้วแล้ว

ไม่สามารถเรียกกลับมาได้ คือ

เวลา  และ คำพูด  ค่ะ

เดี๋ยวปีใหม่  จะลองแนวคิดนี้

เอามาทำเป็น (ของ)ขวัญให้ตัวเองบ้างค่ะ

การพูดที่ขาดการหยั่งทิศทาง เหมือนการยิงกระสุนออกไปในความมืด

...

นี่เป็นปรากฏการณ์จริงที่ผมเองก็ประสบกับตัวเองอย่างบ่อยครั้ง และพยายามที่จะตั้งสติกับสิ่งเหล่านี้ มีทั้งทำได้และทำไม่ได้

ขอบคุณครับ

ขอบคุณมากครับคุณหมอ ป.

ทำให้ผมเข้าใจกระบวนการคิดก่อนพูด เพื่อพัฒนาตนเองและนำไปพัฒนานักศึกษากิจกรรมบำบัด ม.มหิดล ด้วย ผมเคยสรุปการพูดว่า KISS - Keep It Short & Simple

Merry Christmas in advance :)

ชอบภาพทั้งสองภาพเลยค่ะ

ชอบน้องหมาทั้งสองด้วย เหมือนคู่แฝดเชียว

 

ตัวเองก็เคยเป็นค่ะ แถม พูด(ออก)ไปได้กับคนข้างกาย อืมม์ ต้องจดจำข้อคิด think before speak ไว้ติดตัวติดใจค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สิ่งที่เอากลับมาไม่ได้คือ เวลา และ คำพูด

ปีใหม่นี้จึงขอตั้งใจด้วยคนค่ะว่า..จะ

รักษา เวลา รักษา คำพูด

ทำเวลาให้มีค่า  ทำคำพูดให้มีค่า

 

 สวัสดีค่ะอาจารย์
มองว่า ความซับซ้อนของสังคมเรา
ทำให้การสื่อสารซับซ้อนไปด้วย
ตนเองนั้น ได้รับบทเรียนจากการพูด "ทุกสิ่งที่คิด"
จนตอนนี้ กลับใจ เป็น พูดแค่หนึ่งในสี่ของที่คิดก็พอค่ะ

ขอบคุณค่ะ อาจารย์ป๊อป ที่แนะนำหลักการ K-I-S-S

Keep It Short and Simple
ค้นหาดู บ้างก็ว่า keep it simple and stupid, keep it simple and straightforward  และล่าสุด keep it simple and systematic
ทั้งหมดมีจุดร่วมกันคือ ความ "Simplicity" ซึ่งลีโอนาโด ดาวินซี กล่าวไว้ว่า Simplicity is the ultimate sophistication..การทำให้สั้น ง่าย นั้นไม่ง่าย

ดังนั้นปรัชญา การสอนให้นักศึกษา สื่อสารอย่าง K-I-S-S จึงมีความลึกซึ้ง น่าชื่นชมยิ่งค่ะ

ขอบคุณค่ะ ย้อนรำลึกถึง เพื่อนวัยเยาว์ เจ้าสองตัวพี่น้อง
..

เวลาพูดกับคนใกล้ตัว ด้วยความเชื่อใจ คุ้นเคย จึงเป็นธรรมดา
ที่จะมี "การ์ดตก" บ้างเหมือนกันค่ะ 

ชอบมากครับบันทึกนี้

ไอจามหรือเปล่าครับช่วงนี้

มีใครหลายคนพูดถึงนะครับ

มีความสุข ความเจริญ นะครับอาจารย์

  • ขอบคุณบันทึกนี้มากครับ
  • ผมว่า การรู้ทันอารมณ์ของตัวเอง จะเหมือนเป็น สัญญาณเตือนเรื่องนี้พอได้บ้างนะครับ
  • เช่น ตอนนี้ขุ่นมัวคนนี้ มันอยากจะพูดจาเชือดเฉือนเขาให้สะใจจัง แต่พอพูดคำนั้นออกไป มันสะใจก็จริง แต่อยู่ได้พักนึง แล้วเริ่มรู้สึกว่า ไม่น่าจะพูดออกไปเลยจริงๆ

-คำพูดดีๆ.... แม้แค่เพียงคำเดียว สามารถดับความร้อนกระหายได้ดีกว่าน้ำแข็งตั้งหนึ่งกระติก

-คำพูดดี....เพียงคำเดียว สามารถสร้างความอบอุ่นได้ถึง 3 ฤดูกาล(สุภาษิตจีน)

-คำพูด....ก่อนพูด เราเป็นนายของมัน

แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว คำพูดจะเป็นนายของเรา (พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย)

ขอบคุณค่ะ  ตอนนี้สบายดีไม่มีไอจามเลยคะ
เชื่อว่าการพูดถึงกันและกันในทางบวก
เสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางไกล ได้ด้วยนะคะ :-)

 

ขอบคุณค่ะอาจารย์
ให้ข้อคิด การรู้ทันอารมณ์ของตัวเอง ก่อนเชือดเฉือน 
เวลามีอารมณ์ แม้ความคิดจะเร็วกว่าพูดถึง 4 เท่า
แต่ก็ไม่ทันอารมณ์
ทางเดียวคือ ฝึกจิตให้รู้เท่าทันอารมณ์ 

 

 

ขอบคุณค่ะ คุณอักขณิช มีคำคมกินใจมาฝากเช่นเคย

ขออนุญาต ฝากภาพ พุทธประทีป ที่ถ่ายไว้เมื่อสัปดาห์นะคะ

Just coming round to say Happy New Year and

Thank you in fact BIG THANK YOU for sharing and showing us your world so we can reflect upon ourselves and see where we are (going).

Look forward to seeing more posts from you in the New Year.

Happy New Year.

วัดพุทธประทีปในรูป อยู่ที่ไหนครับ

ผมเคยไปที่อังกฤษ มีความประทับใจจำได้ถึงทุกวันนี้

สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณสุนทร
และขอบคุณสำหรับความเห็นข้อคิดเป็นประโยชน์ตลอดปีที่ผ่านมาเช่นกันค่ะ :-)

 

เรียน อ.เต็ม..วัดนี้ คุณอักขณิช เล่าให้ฟังว่าเคยพำนักตอนเป็นพระธรรมทูต ที่ San Francisco ค่ะ..ตั้งอยู่ใกล้กับสนามบิน SFO..
เวบไซต์ของวัดนี้ค่ะ  

 

การฟังคนอื่นอย่างตั้งใจโดยไม่ตัดสิน  ก็จะทำให้เราสามารถที่จะพูดอะไรออกไปได้  ด้วยความเข้าอกเข้าใจในความรู้สึกของเขา     

     ประมาณว่า  การพูดที่ถูกต้อง มาจากการฟังที่ถูกต้อง ครับ

     การคิดจับทิศทาง   การฟัง ก็ช่วยได้มากเลยครับ

                             ขอบคุณครับ

 

 

ขอบคุณค่ะอาจารย์วิชชา ที่ให้แง่คิดสำคัญ
การพูดที่ถูกต้อง มาจากการฟังที่ถูกต้อง I in You 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท