เรื่องเล่าของยายคำ ตอนที่ 1


เล่าด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พร้อมกับสายน้ำใสๆ ไหลอาบแก้มอันเหี่ยวย่นลงมา

เรื่องเล่าของยายคำ

                  บ่ายวันจันทร์ ฉันก้าวออกจาก รพ.สต. พร้อมกับทีมงาน อีก 2 คน  สัมผัสได้ถึงแสงแดดที่แผดเผา จนฉันต้องกลับไปสวมเสื้อแขนยาว  ก้าวขึ้นรถจักรยานยนต์   เพื่อทำภารกิจของพวกเรา คือ ออกไปเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้าน  พวกเราเดินทางไปถึงจุดหมาย  มองไปเห็นบ้านปูนชั้นเดียว หลังเล็กๆ ตั้งอยู่เดี่ยวๆ ห่างไกลจากบ้านหลังอื่น  เราจอดรถไว้ที่ลานบ้านอันกว้างขวางราวกับทุ่งนา ที่เต็มไปด้วยหย่อมหญ้าอันรกรุงรัง  

          ฉันก้าวลงจากรถถึงกับต้องสะดุง เสียงดังโครมเหมือนของแข็งตกกระทบพื้นดังออกมาจากข้างในบ้าน   ฉันเดินผ่านประตูบ้านที่ทำจากสังกะสีเก่าๆเข้าไปดู   และทำให้ฉันต้องอึ้งกับสิ่งที่เห็น   เม็ดข้าวเจ้าที่ปะปนไปด้วยอาหารกระจัดกระจายอยู่บนพื้นปูนที่ขรุขระ  มีชายแก่รูปร่างผอมสูง   ผมสีขาวปนดำราวกับเถ่าปนถ่าน    วัยราว 60 ปี   กำลังใช้มือเก็บเม็ดข้าวอยู่  ฉันจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ และถามคุณตาว่ากำลังทำอะไร  คุณตาหันหน้ามา  และพูดว่า “ เก็บเม็ดข้าวครับ   คุณเป็นใคร”    ฉันจึงทักทายและแนะนำตัว  คุณตาจึงได้แนะนำตัวว่า  “ผมชื่อสาครครับ  นั่งๆก่อนนะครับคุณหมอ มากันกี่คนครับ  หาที่นั่งเองได้ตามสบายเลยนะครับ”   ฉันมองหาที่นั่งกวาดสายตาไปรอบๆบ้าน  เห็นแคร่เล็กๆต่ำๆ พร้อมกับมีหญิงชราหน้าตาอิดโรย รูปร่างผอม ผิวขาวเหลือง  ผมสีขาวเหมือนดอกเลา นอนหลับอยู่บนแคร่ขนาดจิ๋วนั้น  ฉันและทีมงานตัดสินใจนั่งลงบนขอบแคร่ที่คุณยายนอนหลับอยู่

             ฉันสำรวจสิ่งแวดล้อมโดยการกวาดสายตาไปรอบๆ  บ้านหลังเล็กๆ ที่สร้างด้วยปูน  มีห้องนอนหนึ่งห้อง  หน้าต่างถูกปิดด้วยเสื่อที่ทอจากฝีมือของชาวบ้าน   หลังคามุงด้วยสังกะสีที่เต็มไปด้วยรอยรั่วเล็กๆมองดูเหมือนดาวลูกไก่ที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ  ห้องน้ำอยู่ห่างจากตัวบ้านออกไปสักประมาณ 30 เมตร  ลานบ้านทั้งข้างหน้าข้างหลังเต็มไปด้วยหย่อมหญ้าและเศษถุงพลาสติก   บรรยากาศเงียบสงบ     ฉันได้เริ่มนั่งคุยกับคุณตา และคุณยายที่สะลืมสะลือ พึ่งตื่น  ใช้เวลาประมาณ  1 ชั่วโมงเศษๆ   ได้ความว่า       ครอบครัวนี้มีสมาชิกที่อาศัยอยู่ 5  คน  ลูกๆทุกคนจะออกไปรับจ้าง ไปเช้า  กลับค่ำ ทุกวันไม่เคยมีวันหยุด  จำเป็นต้องปล่อยให้ตาสาคร ซึ่งตาบอดสนิททั้งสองข้าง และยายคำ  ซึ่งป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีกขวา ช่วยเหลือตนเองไม่ได้  และเป็นโรคความดันโลหิตสูง  เบาหวาน  ซึ่งควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้เลย  และรับประทานยาไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากไม่มีผู้ดูแล อยู่บ้านด้วยกันสองคน   ขณะที่ยายคำเล่าเรื่องของคุณยายให้ฟัง  ฉันถึงกับต้องกลืนน้ำตาลงลำคอ  ไม่ให้ไหลออกมา    คุณยายเล่าด้วยความโศกเศร้า  แววตาหมดหวัง  ว่าชีวิตทำไมต้องเป็นแบบนี้ เป็นภาระให้คนอื่น  เดินไม่ได้เหมือนคนอื่น ทำงานหาเงินไม่ได้เหมือนครั้งก่อน  เล่าด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ  พร้อมกับสายน้ำใสๆ ไหลอาบแก้มอันเหี่ยวย่นลงมา  แถมฐานะทางบ้านนั้นค่อนข้างยากจนมากเลยก็ว่าได้   อาชีพรับจ้าง  รายได้แต่ละวันก็ไม่มั่นคง   วันละ ร้อย สองร้อย พอประทังชีวิตไปวันๆ   ไม่มีทรัพย์สินที่ดินเป็นของตนเอง  แม้กระทั่งบ้านหลังนี้ก็ยังไม่ใช่บ้านของคุณยาย  เป็นบ้านพระราชทานที่ทางองค์การบริหารส่วนตำบลได้จัดสรรมาให้คนที่ไม่มีที่อยู่อาศัย   ฉันฟังเรื่องราวนี้แล้วรันทด  รู้สึกสงสารมาก และเกิดคำถามในใจ  ชายชราที่ตาบอดสนิททั้งสองข้างจะดูแลหญิงชราแก่ๆที่ป่วยเป็นอัมพาต ช่วยเหลือตนเองไม่ได้เลย ได้อย่างไร   นี่เป็นคำถามค้างคาใจของฉันมาตลอด    จากครั้งนั้นที่ฉันไปเยี่ยมครอบครัวนี้   ทำให้ฉันมีแรงบันดาลใจในการทำงาน  รู้สึกว่าโลกใบนี้ไม่ยุติธรรมเลย  คนรวยก็รวยเป็นร้อยๆล้าน  คนจนก็จนมากแม้กระทั่งเงินสักร้อยก็ไม่มีจริงๆ  เราได้ช่วยเหลือแค่เป็นกำลังใจ เป็นเพื่อนคุย แค่นี้ก็สุขใจแล้ว  เพราะฉันมองว่า สภาพจิตใจ สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด   ฉันและทีมงานได้ปรึกษากันว่า น่าจะส่งข้อมูลของยายคำและตาสาครไปขอความอนุเคราะห์จากผู้ใจบุญ  พวกเราพยายามทำทุกวิถีทาง

             จากครั้งนั้น  ฉันพร้อมด้วยทีมงานก็ได้แวะเวียนไปเยี่ยมคุณตาสาคร และคุณยายคำ  เป็นระยะ  แต่ละครั้งที่ไปความรู้สึกยังเหมือนเก่า   คือ  มีแต่ความสงสาร  แต่ก็มีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนตาบอด และหญิงชราที่เป็นอัมพาต  ทุกครั้งที่พวกเราไปเยี่ยม คุณตาและคุณยายจะดีใจมาก รอยยิ้มที่เห็นสื่อให้รู้ว่า มีความอบอุ่นใจ  มีความสุขมาก  แค่นี้พวกเราก็ดีใจแล้ว 

          และในที่สุดความฝันของทีมงานก็เหมือนจะเป็นจริง   เนื่องจากเรื่องราวความทุกข์ยากของตาสาคร และยายคำ  ได้ถูกนำเสนอโดยทีมงานของพวกเราเอง  ในเวทีประชุมเกี่ยวกับผู้ป่วยติดเตียงที่ รพ.หนองวัวซอ เพื่อจัดหาทีมสหวิชาชีพออกมาเยี่ยม   และแล้ว ก็มีทีมสหวิชาชีพจาก รพ.หนองวัวซอ นำทีมโดย นพ.ทวีรัชต์  ศรีกุลวงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองวัวซอ   พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จาก รพ.สต.น้ำพ่น   ออกไปเยี่ยมยายคำและตาสาคร  ฉันมั่นใจได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าทุกคนที่มาเยี่ยมไม่มีใครไม่สงสารครอบครัวนี้     เป็นชีวิตที่แสนทุกข์ยากจริงๆเท่าที่ฉันเคยประสบมา   

            เรื่องราวของยายคำและตาสาครจะยังไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะฉันคงไม่ยอมปล่อยไป  ฉันและทีมงานยังคงเฝ้าติดตาม แวะเวียนไปเยี่ยมอยู่เสมอ ไม่เคยห่าง   ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการทำงานจากตัวของตาสาคร ขนาดเป็นคนพิการยังสู้ชีวิตและไม่เคยท้อถอย  ไม่เคยอ่อนแอ    และเราหละ เป็นคนปกติ สมบูรณ์ในด้านร่างกาย เราต้องสู้และทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเหมือนคุณตาสาคร    ถึงแม้จะตาบอด  ยังดูแลภรรยาอันเป็นที่รักได้เป็นอย่างดีด้วยความเต็มใจ  ถึงแม้ว่าอาจจะไม่เต็มที่จากความมืดมิดของดวงตาทั้งสองข้าง  แต่ฉันเห็นว่า ตาสาครทำด้วยหัวใจ  เห็นแล้วว่าทำอะไรต้องใส่ใจลงไปในงาน   ใส่ใจลงไปในสิ่งที่ทำ  และสิ่งๆนั้นจะออกมาดี  เหมือนกับตาสาครดูแลยายคำ   เห็นภาพนั้นแล้วอบอุ่นใจไม่เคยลืม

 

 

 

                                                                                                            เล่าโดย    สาลินี   ฮุยเสนา

                                                                                                              พยาบาลวิชาชีพ

หมายเลขบันทึก: 471929เขียนเมื่อ 21 ธันวาคม 2011 11:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 กรกฎาคม 2012 22:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

.. เรื่องเล่าของฟ้า เป็นเรื่องเเรกจ้า เชิญเข้ามาอ่าน แล้วร่วมกันติชมได้นะจ๊ะ... เรื่องจากประสบการณ์จริง จากการสัมผัสคนไข้ จ้าาาาาาาาาา

ชื่นชมความมีน้ำใจต่อผู้ยากไร้เช่นนี้มากค่ะ ขออนุโมทนาบุญแก่ น้องสาลินีและทีมงาน ด้วยค่ะ

แวะมาเชียร์ให้ชุ่มชื่นหัวใจในการต่อสู้ครับ

  • เห็นเขามีศักดามหาอำนาจ
  • แถมมีทาสเหมือนไทยอยู่ใกล้บ้าน
  • อยากจะจับคนไทยไปประจาน
  • ในเขตบ้านฐานไทยใจก็ยอม

 

ขอบคุณทุกท่าน ที่มาให้กำลังใจนะคะ ... ชีวิตเกิดมาต้องทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ไว้ค่ะ ไม่มากก็น้อย...

สวัสดีค่ะคุณ Ico48 skynurse

ประทับใจมากค่ะ... พยาบาล เปรียบเสมือน "นางฟ้าใจดี"
ชอบประโยคนี้จังค่ะ

เราได้ช่วยเหลือแค่เป็นกำลังใจ เป็นเพื่อนคุย แค่นี้ก็สุขใจแล้ว  เพราะฉันมองว่า สภาพจิตใจ สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด  

 

ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

...........

..................

......................ขอบคุณค่ะคุณครูใจดี

ชอบมากเลยค่ะคำชมที่ว่า พยาบาลเปรียบเสมือนนางฟ้าใจดี จะพยายามทำหน้าที่ให้เหมือนนางฟ้าใจดีตามคำชมนะคะ ช่วยกันอย่างน้อยเราก็คนไทยด้วยกันค่ะ... ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ร่วมเเลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะคะ...

อ่านช้าๆ... 2 รอบ

อ่านแล้ว รู้สึกว่า  โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

คนที่ทุกข์  ก็ทุกข์ซะมากมาย

คนที่สุขสบาย  ก็ช่างไม่รู้จักพอ...

ขอบคุณที่เอามาแบ่งปัน

ยินดีให้ความช่วยเหลือนะคะน้อง

จากรุ่นพี่..วิชาชีพ

...ขอบคุณค่ะ พี่ มนัญญา ~ natachoei

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ดีใจที่ได้รู้จักเพื่อนร่วมวิชาชีพเดียวกันค่ะ

อยู่แต่ในโรงพยาบาลไม่รู้หรอกครับว่า

ที่คนไข้ทำตามเราบอก...สั่ง...ไม่ได้ มันมีเบื้องหลังอย่างไรบ้าง

เราก็ดูแต่ ตัวเลข ความดัน ระดับน้ำตาลไปเรื่อย พอเห็นว่าไม่ดีตามที่คาด ก็ ........

ขอบคุณน้องที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่ทำให้พวกเราได้ฉุกคิด นะครับ

<p>สวัสดีค่ะ..คุณเต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี

ที่จริงแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางทีเราไม่รู้เบื้องลึกของเขา บางสิ่งบางอย่างมันก็ต้องมีที่มาที่ไปและมีเหตุผลอยู่ในตัวค่ะ เหมือนกับ Case นี้ื ถ้าเราไม่ได้ออกไปเยี่ยมที่บ้าน เราก็จะได้เเต่คิดว่าเขาทำไมทำไม่ได้ ทำไมไม่กินยา ทำไม่ควบคุมน้ำตาลไม่ได้... อันที่จริงแล้วก็ได้รู้ค่ะ ว่าเหตุเกิดจากอะไร และน่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่งค่ะ และเราจะได้เเก้ปัญหาได้ถูกจุดค่ะ เอามาแชร์ ให้ได้รู้เป็นข้อคิดในการดูแลคนไข้ค่ะ....

สวัสดีค่ะ

ชีวิตตายายน่าสงสารมาก

อ่านด้วยความรู้สึกประทับใจ ในที่สุดสองตายายได้รับความช่วยเหลือ ชื่นชมค่ะ

เป็นกำลังใจในการทำงานค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจนะคะ...

เรื่องราวของสองตายายจะยังไม่จบเเค่นี้แน่นอนค่ะ เพราะเราจะยังคงติดตามชีวิตของสองตายายต่อไป แล้วนะมาเล่าสู่กันฟังอีกนะคะ

ชีวิตของสองตายายยังไม่จบจริงๆค่ะ ..โปรดติดตาม ตอนที่ 2

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท