ส่วนหนึ่ง ของทีมงาน กศน. ที่ไปร่วมงาน
ในการประชุมวิชาการ ตอนเช้า รศ. ดร.อำไพวรรณ ภราต์รนุวัฒน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ และ ดร.เบญจลักษณ์ น้ำฟ้า รองเลขาธิการสพฐ. นำเสนอนโยบายรัฐมนตรี และการนำนโยบายสู่การปฏิบัติ “หลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อการมีงานทำ “ จำนวน 7 กลุ่มอาชีพ คือ
1.1กลุ่มอาชีพเกษตรกรรม
1.2 กลุ่มอาชีพอุตสาหกรรม
1.3 กลุ่มอาชีพบริหารจัดการ
1.4 กลุ่มอาชีพความคิดสร้างสรรค์
1.5 กลุ่มอาชีพอาหาร
1.6 กลุ่มอาชีพวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต
1.7 กลุ่มอาชีพความเป็นเลิศทางการวิจัยและการถ่ายทอดความรู้
และมีตัวแทนมหาวิทยาลัยและอาชีวศึกษานำเสนอผลการดำเนินงาน
กิจกรรมภาคบ่ายและภาคค่ำ
ประธาน คือ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้เน้นเรื่อง การเตรียมความพร้อมของประเทศไทยที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี 2558 นี้ ว่า ประเทศไทยไม่ค่อยมีความพร้อมที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพราะเรายังไม่มีความรู้ความเข้าใจอย่างเพียงพอ ซึ่งประเด็นดังกล่าวนั้น ตนกังวลว่าจะทำให้กลายเป็นวิกฤตที่รุนแรงของประเทศ โดยเฉพาะรายการสินค้าและผลิตภัณฑ์ กว่า 8,000 รายการ ที่ประเทศไทยได้ตกลง ให้เป็นสินค้าที่ปลอดภาษี และหากอนาคตประเทศเพื่อนบ้านสามารผลิตพืชเกษตรได้โดยใช้ต้นทุนต่ำ และนำส่งเข้ามาขายในประเทศไทยอาจกระทบต่อการค้าขายในประเทศไทยได้ ซึ่งราการสินค้าดังกล่าวตนเสนอให้มีการทบทวน และ เราอยู่ในสังคมที่ไม่รู้ตัวเราเลย ว่าตัวเรา บ้านเรา ดิน ภูมิอากาศ ดิน บ้านเราเป็นอย่างไร ไม่มีการวิเคราะห์ จึงเห็นแต่ไม่รู้ แล้วรู้ของต่างประเทศไทยหรือไม่ นั่นเป็นเพราะประเทศไทยสนใจแต่ตัวเองไม่เคยสนใจต่างประเทศ ไม่รู้ทั้งเขา ไม่รู้ทั้งเรา แล้วจะแข่งขันได้อย่างไร ในระบบของการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ต้องเป็นกระทรวงที่พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพ และต้องคิดนอกกรอบได้และการศึกษาเราต้องกำหนดใหม่ ว่าเราเรียนเพื่อเรียนรู้ และวางเป้าหมายที่ชัดเจน คือ ให้การศึกษาเพื่อพัฒนาประเทศ และก้าวไปสู่การมีงานทำ โดย คนที่จบออกมาแล้วต้องมีงานทำ บนศักยภาพของประเทศ ภายใต้การแข่งขันกับทั่วโลก พอประเทศไทยเข้าสู่อาเซียน การเดินทาง ท่องเที่ยว และการค้าขายจะทำได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว ประหนึ่งเป็นประเทศเดียวกัน หากไม่มีการเตรียมความพร้อม ประเทศไทยอาจเสียเปรียบ โดยเฉพาะด้านการใช้ภาษา และการศึกษาที่มุ่งสู่การพัฒนาอาชีพให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น นอกจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยังกล่าวถึง ยุทธศาสตร์การศึกษาเพื่อการมีงานทำว่า จะจำแนกตามอาชีพ 7 กลุ่ม ได้แก่ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริหารจัดการ ความคิดสร้างสรรค์ อาหาร วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตและกลุ่มอาชีพความเป็นเลิศทางการวิจัย ซึ่งจะต้องส่งเสริมการศึกษาเพื่อการมีงานทำ โดยเฉพาะโรงเรียนมัธยมศึกษาจะมีการแบ่งสายสามัญ ที่เน้นการจัดการเรียนการสอนภาควิชาการแบบปกติ เช่น โรงเรียนที่มีความเป็นเลิศทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ เป็นต้น และสายปฏิบัติการ ที่เน้นสอนความเป็นเลิศด้านอาชีพ ขณะเดียวกัน จะคัดโรงเรียนสายปฏิบัติ เพื่อพัฒนาให้เป็นโรงเรียนหลักสูตรสายอาชีพเข้มข้น ให้กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ ตามความเหมาะสม
กลุ่ม 4 จังหวัด (สุราษฎร์ธานี/ชุมพร/นครศีธรรมราชและพัทลุง )นำเสนอแผนการพัฒนาขับเคลื่อน หลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อการพัฒนาตามหัวข้อ ศักยภาพด้านพื้นที่/ด้านอาชีพในชุมชนและด้านสถานศึกษาที่เป็นเครือข่าย และวิพากษ์โดยรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน์เลขาธิการ สพฐ. สรุปความคิดรวบยอดการจัดการเรียนการสอนเพื่อการมีงานทำ ตามกรอบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 และกระทรวงศึกษาธิการต้องเป็น Minnistry of Human Resource Development และครูต้องต่อสู้เรื่องค่านิยมของผู้ปกครอง ว่าเด็กไม่จำเป็นต้องเรียนเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยทุกคน
นักเรียนคนเก่งจากโรงเรียนอนุบาลตรัง กำลังแสดงความสามารถร้องเพลง
สากลต่อหน้าท่านรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
ไม่มีความเห็น