เช้าตรู่เสียงนาฬิกาปลุกกู่ร้องดังเซงแซ่ แต่ไม่มีใครลุกขึ้นยื่นมือไปปิดเสียงสุดแสบแก้วหู
ต่างคนต่างอวดเสียงนาฬิกาต่างๆนานาตามจิตศรัทธาจะตั้งกันไว้ นอนฟังไปเพลินๆนานเกินควร
จวนชั่วโมงกับการขับกล่อมประสานเสียง เอียงหูสดับรับฟังอยู่นานสองนานจนพาลหลับไป
เป็นที่น่าสงสัยยิ่งนักว่าจักตั้งปลุกไปทำอะไร หรือหูพวกเราจักชินชากับเสียงเหล่านี้
ประดุจว่าเป็นเพียงดนตรีที่เพิ่มสีสันในยามเช้าของชีวิต
บ้างตื่นอาบน้ำแปรงฟัน บ้างนอนกันจนเพลินเกินเวลากว่า แปดโมงเช้า ตายละหว่า!! อาจารย์จะมา
ขี้ตายังเต็มเบ้า ห้องน้ำก็ไม่ได้เข้า เศร้ากันไป รถตู้สีขาวพาท่านอาจารย์มาถึง บางคนยังขึงขังกันการแปรงฟัน
เอาน่า!! อย่างน้อยก็ล้างหน้าทัน ...
นั่งปรึกษาหารือมือก็ถือขนมปังเข้าปาก ของฝากจากท่านอาจารย์อุไร เพื่อนสพ.ผู้ยากไร้
ให้เป็นยาระงับเสียงท้องร้องครวญคราง เช้านี้ถ้าไม่มีขนมปังท้องไส้คงพัง
เพราะกรดกัดเซาะเลาะเนื้อเยื้อบุในกระเพาะ (ก็ว่ากันไป) ต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์อุไรอีกครั้ง
หวังว่าพบกันอีกคราขนมปังจะตามท่านอาจารย์มาเช่นเดิม
หากเพิ่มเติมได้ ขอไก่ KFC จะดีมิใช่น้อย (พูดเล่นนะครับ )
ปัญหาการทำงานที่ผ่านมามิใช่น้อย กลุ่มก็ค่อยๆแก้ไข แต่วันนี้งานคงเดินหน้าไม่ได้ไกลหากไร้การแนะนำ
ทำให้เปิดมุมมองในการทำโครงงานในขั้นตอนต่างๆต่อไปจากอาจารย์ การแปลผลที่ยังสับสนจนวันนี้ก็กระจ่าง
เป้าหมายที่เคยเลือนลางอาจารย์ก็ชี้ทางเดินให้ ขอบพระคุณอาจารย์อุไรจากใจอีกครั้งนะครับ
อาหารมื้อเช้าปาเข้าไปตอนเที่ยง วันนี้มีเพียงเข้าต้มร้อนๆ จากน้ำซุปที่ตุ๋นกระดูกหมูไว้ตอนเย็นวานนี้
สาเหตุที่ต้องรีบตุ๋นไว้ไม่ใช่ต้องการรสชาดของน้ำซุปที่เข้มข้นปนรสกลมกล่อมแต่อย่างใด
หากแต่กระดูกหมูเจ้ากรรมนั้นไซร้ส่งกลิ่นตุตั้งแต่วาน จะโยนทิ้งก็พาลเสียดายของ
ลองเอามาล้างน้ำเกลือหลายๆรอบก็เข้าที อืม.. มันยังมีกลิ่นเหม็นเหมือนเดิม !!!
สังเกตดีๆที่เนื้อเริ่มมีสีเขียวแซมเนื้อเดิมสีชมพู ดู ๆ แล้วก็ไม่แคล้วกระดูกหมูติดเนื้อเน่า
แต่ใครจะรู้เล่าว่ากระดูกเน่าเจ้ากรรมเมื่อทำให้สุกแล้วจะส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจ
ลอยล่องในน้ำซุปใสยั่วยวนตาขนาดนี้
เมื่อตักน้ำซุปลงในข้าวสวยร้อนๆ โรยผักชีนิด สะกิดกระเทียมเจียวสีเหลืองทองใส่หน่อย ข้ามต้มชามนี้รสดีจริงๆ
บ่ายนี้ไม่มีแดดเปรี้ยงปร้างเหมือนทุกวันที่ผ่านมา เมฆดำๆลอยต่ำๆคล้ายฝนกำลังจะตก
แต่ท้องฟ้าคงเพียงเล่นตลก สุดท้ายแดดเปรี้ยงเหงื่อแตกซกเหมือนเช่นเคย
ทานข้าวต้มจนอิ่มนั่งนิ่งพิงหลังซักพักงานหลักประจำวันก็เริ่มต้น
บ้างนั่งหน้าคอมแปลผลข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถาม
บ้างติดตามท่านประธานโครงการไปรพ.สต. ติดต่อพี่แอมป์ประสานกับชุมชนเรียกรวมพลในวันพรุ่ง
เพื่อมุ่งหน้าล่าความเห็นเป็นส่วนประกอบจัดเก็บเป็นคำตอบในการเขียนโครงงาน
ที่ชาวบ้านต้องการอย่างแท้จริงก่อนประยุกต์เป็นสิ่งดีที่จะเกิดต่อท่านเอง
บ่ายคล้อยแสงแดดถอยท้องน้อย ๆ ก็เริ่มร้อง !
ผองเพื่อนยังมีภาระกิจตามสืบเสาะแสวงหาอาหารที่โปรดปรานของชาวบ้านในชุมชน
เพื่อดูว่าเป็นต้นเหตุของภาวะอ้วนพุงพลุ้ยบ้างหรือไม่
หลายคนสงสัยข้าวยำน้ำอ้อยคืออะไรชาวบ้านบอกไว้ว่าอร่อยหนักหนา
วันนี้จึงคิดว่าจะเป็นจะตายอย่างไรต้องได้ยลซักครา
ปั่นจักรยานจนเป็นง่อยก็ยังไม่เจอข้าวยำน้ำอ้อยตามข่าวลือ แหม.....เสียดายจัง เฮ้อ.....เสียดายจัง
บ้างก็ทำอาหารรอผองเพื่อน วันนี้มีต้มยำปลากระป๋องรสเด็ดสะระตี่
มีหมูแดดเดียว ไข่เจียวหมูสับ กับผัดผักกาดขาว พอเพื่อนๆกลับมาก็ซัดข้าวจนพุงกางกันเต็มที่
ก่อนค่ำคืนนี้จะตระเตรียมงาน เพื่อประสานกับชุมชนในวันพรุ่ง
การแข่งขัน TV Champion ประจำบ้าน MK
มีสาระสำคัญเพียงเท่านี้ หวังว่าทุกท่านคงมีความสุขแล้วพบกันในวันหน้า
ขอพลังจงสถิตกับตัวท่าน
เจมมี่ แว๊นบอย
เตรียมอาหารสำหรับ 10 ชีวิต นี่ไม่ง่ายเลยนะ กะปริมาณไม่ถูกจริงๆ
อย่าลืมเอาภาพข้าวยำน้ำอ้อยมาให้ดูนะคะ
ฝากอ่านแนวคิดการพัฒนาให้ยั่งยืนของ อ.นพ.สญชัย วัฒนา พี่คัดลอกและปะไว้ที่แสดงความคิดเห็นของกลุ่มอ่างคีรี DAY3""""" may the force with you
ได้คำแนะนำจากอาจารย์แล้ว
กรอบงานน่าจะแคบลง ชัดขึ้น
ถึงตรงนี้อะไรเป็นองค์ความรู้ที่ยังขาด
อะไรเป็นข้อมูลที่ต้องการเพิ่มเติม
สู้ๆจ้า
อ่านบันทึกนี้แล้วนึกถึงตัวละครที่เคยเรียนตอนเด็กๆ
ระเด่นลันได (ไม่ทราบว่าหมอรู้จักรึเปล่า)