Day4 : the MK's Poem


เช้าตรู่เสียงนาฬิกาปลุกกู่ร้องดังเซงแซ่ แต่ไม่มีใครลุกขึ้นยื่นมือไปปิดเสียงสุดแสบแก้วหู
ต่างคนต่างอวดเสียงนาฬิกาต่างๆนานาตามจิตศรัทธาจะตั้งกันไว้ นอนฟังไปเพลินๆนานเกินควร
จวนชั่วโมงกับการขับกล่อมประสานเสียง เอียงหูสดับรับฟังอยู่นานสองนานจนพาลหลับไป
เป็นที่น่าสงสัยยิ่งนักว่าจักตั้งปลุกไปทำอะไร  หรือหูพวกเราจักชินชากับเสียงเหล่านี้
ประดุจว่าเป็นเพียงดนตรีที่เพิ่มสีสันในยามเช้าของชีวิต

 

บ้างตื่นอาบน้ำแปรงฟัน บ้างนอนกันจนเพลินเกินเวลากว่า แปดโมงเช้า ตายละหว่า!! อาจารย์จะมา  
ขี้ตายังเต็มเบ้า ห้องน้ำก็ไม่ได้เข้า  เศร้ากันไป  รถตู้สีขาวพาท่านอาจารย์มาถึง  บางคนยังขึงขังกันการแปรงฟัน  
เอาน่า!!  อย่างน้อยก็ล้างหน้าทัน  ...


นั่งปรึกษาหารือมือก็ถือขนมปังเข้าปาก  ของฝากจากท่านอาจารย์อุไร  เพื่อนสพ.ผู้ยากไร้
ให้เป็นยาระงับเสียงท้องร้องครวญคราง  เช้านี้ถ้าไม่มีขนมปังท้องไส้คงพัง
เพราะกรดกัดเซาะเลาะเนื้อเยื้อบุในกระเพาะ (ก็ว่ากันไป)  ต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์อุไรอีกครั้ง
หวังว่าพบกันอีกคราขนมปังจะตามท่านอาจารย์มาเช่นเดิม 
หากเพิ่มเติมได้ ขอไก่ KFC  จะดีมิใช่น้อย (พูดเล่นนะครับ ) 

ปัญหาการทำงานที่ผ่านมามิใช่น้อย กลุ่มก็ค่อยๆแก้ไข แต่วันนี้งานคงเดินหน้าไม่ได้ไกลหากไร้การแนะนำ
ทำให้เปิดมุมมองในการทำโครงงานในขั้นตอนต่างๆต่อไปจากอาจารย์  การแปลผลที่ยังสับสนจนวันนี้ก็กระจ่าง 
เป้าหมายที่เคยเลือนลางอาจารย์ก็ชี้ทางเดินให้  ขอบพระคุณอาจารย์อุไรจากใจอีกครั้งนะครับ

อาหารมื้อเช้าปาเข้าไปตอนเที่ยง  วันนี้มีเพียงเข้าต้มร้อนๆ  จากน้ำซุปที่ตุ๋นกระดูกหมูไว้ตอนเย็นวานนี้  

สาเหตุที่ต้องรีบตุ๋นไว้ไม่ใช่ต้องการรสชาดของน้ำซุปที่เข้มข้นปนรสกลมกล่อมแต่อย่างใด 
หากแต่กระดูกหมูเจ้ากรรมนั้นไซร้ส่งกลิ่นตุตั้งแต่วาน  จะโยนทิ้งก็พาลเสียดายของ 
ลองเอามาล้างน้ำเกลือหลายๆรอบก็เข้าที  อืม.. มันยังมีกลิ่นเหม็นเหมือนเดิม !!!

 สังเกตดีๆที่เนื้อเริ่มมีสีเขียวแซมเนื้อเดิมสีชมพู  ดู ๆ แล้วก็ไม่แคล้วกระดูกหมูติดเนื้อเน่า
แต่ใครจะรู้เล่าว่ากระดูกเน่าเจ้ากรรมเมื่อทำให้สุกแล้วจะส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจ
ลอยล่องในน้ำซุปใสยั่วยวนตาขนาดนี้ 
เมื่อตักน้ำซุปลงในข้าวสวยร้อนๆ โรยผักชีนิด สะกิดกระเทียมเจียวสีเหลืองทองใส่หน่อย ข้ามต้มชามนี้รสดีจริงๆ

บ่ายนี้ไม่มีแดดเปรี้ยงปร้างเหมือนทุกวันที่ผ่านมา  เมฆดำๆลอยต่ำๆคล้ายฝนกำลังจะตก 
แต่ท้องฟ้าคงเพียงเล่นตลก  สุดท้ายแดดเปรี้ยงเหงื่อแตกซกเหมือนเช่นเคย 
ทานข้าวต้มจนอิ่มนั่งนิ่งพิงหลังซักพักงานหลักประจำวันก็เริ่มต้น 
บ้างนั่งหน้าคอมแปลผลข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถาม 
บ้างติดตามท่านประธานโครงการไปรพ.สต. ติดต่อพี่แอมป์ประสานกับชุมชนเรียกรวมพลในวันพรุ่ง
เพื่อมุ่งหน้าล่าความเห็นเป็นส่วนประกอบจัดเก็บเป็นคำตอบในการเขียนโครงงาน
ที่ชาวบ้านต้องการอย่างแท้จริงก่อนประยุกต์เป็นสิ่งดีที่จะเกิดต่อท่านเอง

บ่ายคล้อยแสงแดดถอยท้องน้อย ๆ ก็เริ่มร้อง !
ผองเพื่อนยังมีภาระกิจตามสืบเสาะแสวงหาอาหารที่โปรดปรานของชาวบ้านในชุมชน 
เพื่อดูว่าเป็นต้นเหตุของภาวะอ้วนพุงพลุ้ยบ้างหรือไม่ 
หลายคนสงสัยข้าวยำน้ำอ้อยคืออะไรชาวบ้านบอกไว้ว่าอร่อยหนักหนา 
วันนี้จึงคิดว่าจะเป็นจะตายอย่างไรต้องได้ยลซักครา 
ปั่นจักรยานจนเป็นง่อยก็ยังไม่เจอข้าวยำน้ำอ้อยตามข่าวลือ  แหม.....เสียดายจัง  เฮ้อ.....เสียดายจัง

 

 บ้างก็ทำอาหารรอผองเพื่อน  วันนี้มีต้มยำปลากระป๋องรสเด็ดสะระตี่  

มีหมูแดดเดียว ไข่เจียวหมูสับ กับผัดผักกาดขาว พอเพื่อนๆกลับมาก็ซัดข้าวจนพุงกางกันเต็มที่ 
ก่อนค่ำคืนนี้จะตระเตรียมงาน  เพื่อประสานกับชุมชนในวันพรุ่ง

 

 


การแข่งขัน TV Champion ประจำบ้าน MK

 

มีสาระสำคัญเพียงเท่านี้  หวังว่าทุกท่านคงมีความสุขแล้วพบกันในวันหน้า

ขอพลังจงสถิตกับตัวท่าน

เจมมี่ แว๊นบอย

หมายเลขบันทึก: 470755เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2011 23:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม 2012 20:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เตรียมอาหารสำหรับ 10 ชีวิต นี่ไม่ง่ายเลยนะ กะปริมาณไม่ถูกจริงๆ

อย่าลืมเอาภาพข้าวยำน้ำอ้อยมาให้ดูนะคะ

ฝากอ่านแนวคิดการพัฒนาให้ยั่งยืนของ อ.นพ.สญชัย วัฒนา พี่คัดลอกและปะไว้ที่แสดงความคิดเห็นของกลุ่มอ่างคีรี DAY3""""" may the force with you

 

ได้คำแนะนำจากอาจารย์แล้ว

กรอบงานน่าจะแคบลง ชัดขึ้น

ถึงตรงนี้อะไรเป็นองค์ความรู้ที่ยังขาด

อะไรเป็นข้อมูลที่ต้องการเพิ่มเติม

สู้ๆจ้า

อ่านบันทึกนี้แล้วนึกถึงตัวละครที่เคยเรียนตอนเด็กๆ

ระเด่นลันได (ไม่ทราบว่าหมอรู้จักรึเปล่า)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท