ไดอารี่ชีวิต 9


แนวทางการปฏิบัติ(กฏเกณท์)หรือปฏิบัติตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

 

.....จากการคลุกคลีพยาบาล-ฟื้นฟูกาย กำลังใจ ท่านพระสุพลตลอดเวลา 1ปี...

แต่เมื่อวันนี้ไม่มีท่านอยู่คนเคยดูแล(หมอน้อยกะหมอใหญ่)ได้แต่คุยกันถึงท่าน(เพราะคิดถึง)

.....หนึ่งในเรื่องที่คุยกันทบทวนย้อนหลังถึงท่านพระครูสุพลในวันนี้เกี่ยวกับโรงพยาบาล

หลักการปฏิบัติเกี่ยวกับผู้ป่วยของรพ.ต่างๆที่ได้ประสบพบผ่านกับการรักษาท่านพระครูฯ

 

...ท่านพระครูฯเริ่มเข้าการรักษา(นอน)ที่โรงพยาบาลประมาณปีพ.ศ.2551 ครั้งแรก

ที่โรงพยาบาลสงฆ์ กรุงเทพฯ(ด้วยความเป็นสงฆ์ จะให้ใครดูแลท่าน)รพ.-ระยะทาง ญาติ

อยู่ห่างไกลกัน การเดินทาง ค่าใช้จ่าย ภาระหน้าที่ของคนดูแลฯลฯ(ค่าใช้จ่ายมากกว่าค่ารักษา)

...หลานรัก(ลูกสาวของพี่ชายคนที่3ของท่านพระครูฯ นิมนต์ท่านไปพักรักษาที่บ้าน)อยู่บางแค

(คำถามที่ข้าพเจ้าเองได้ยินกับหูบ่อยๆ พระทำไมมาอยู่บ้าน?คำตอบ:อยู่วัดอยู่รพ.ใครจะดูแลท่านหละ)

จากเริ่มแรกที่อาการป่วยแค่ติดเชื้อธรรมดา(มะเร็ง)บำบัดรักษาด้วยสมุนไรและทำการคีโม

......อาการทำท่าจะฟื้นดีขึ้นมีความหวังกำลังใจดี แต่เมื่อคน(ไม่พายเอาเท้าลาน้ำ)ที่เมตตาอุปการะ

หวังฝากผีฝากไข้กลับใจเป็นคนดี(รู้ว่าเป็นคนเหลวไหลแต่ท่านก็เมตตาเพราะเป็นหลานชาย)

ไม่สนใจใยดีหวังแค่เพียงประโยชน์ที่จะได้รับ(วันใดที่ท่านไม่อยู่)ซ้ำยังสร้างเรื่องให้คนอื่น.

 

....สิ่งที่หวังสู่กำลังใจ(ใจ)ถดถอย(ปลง)ปล่อยวาง มีผลต่อร่างกายอาการของโรคหนักขึ้น.

ช่วงที่พักรักษาอยู่ทีบ้านพี่ชายที่บางแคด้านการรักษาเคมีบำบัดคือ รพ.หัวเฉียว (ทำการรักษาอยู่

ที่บางแคเกือบ2ปี) ด้วยอาการ(ร่างกาย)มีแต่ทรุดกับทรุด เพราะใจท่านไม่ฟื้น(ไม่ตอบสนอง)

(ใจไม่รับยาวิเศษแค่ไหนก็ไม่มีทางฟื้น) ด้วยอาการของท่าที่หนัก ค่าใช้จ่ายที่เริ่มบาน ที่สำคัญเวลาของ

ผู้ดูแลที่ต้องทำงาน(สอนหนังสือ)วิ่งซื้อของเข้าร้าน(ขายของ)แม่อายุ60กว่า )

จึงนิมนท่านมาอยู่ใกล้ชิดแพทย์ที่โรงพยาบาลกลาง กรุงเทพฯ(ตามสิทธิการรักษา30บาท)

.....แต่ด้วยอาการที่เริ่มหนักฉันอาหารตามปกติทางปากไม่ได้แพทย์จะต้องทำการเจาะคอเพื่อ

ถวายอาหาร.แต่ท่านพระครูฯไม่อนุญาติแต่ให้เปลี่ยนไปเจาะที่ท้องแทน(เครื่องมือไม่พร้อม)

...จึงได้ส่งท่านมาทำการเจาะใส่สายอาหารที่ รพ.วชิรพยาบาล กรุงเทพฯ{มีเพียงใบส่งต่อ

ไม่มีใบนัด-กลับจากแพทย์ที่รพ.กลาง )สิทธิการรักษาให้มาเพียงชั่วคราว

หมดอายของสิทธิที่ระบุวันที่ไว้ก็ต้องเดินทางไปต่ออายุที่รพ.กลาง.....}

 

......ทั้งวิ่งดูแลท่านพระครูฯ ทั้งสอนหนังสือ ทั้งวิ่งซื้อของเข้าร้าน ทั้งดูแลป๊ากับม๊าอายุ60กว่าๆ

ด้วยวัย34ปี ของหลานสาวท่านพระครูฯ ข้าพเจ้าขอชื่นชมจริงๆแต่คงเพราะสุดกำลังแรง

....จึงได้ติดต่อมาที่ลุงใหญ่ รศ.ดร.ประจิต มหาหิง(พี่ชายคนโต)จึงได้ทราบเรื่องการอาพาธ

ด้วยวัย71ปี(ลุงใหญ่)กับการเดินทางไปกทม.ดูอาการของท่านพระครูฯจึงได้ชวนคุณโอภาส

ซึ่งเป็นญาติลูกผู้น้องที่สนิทกันดีกับลุงใหญและท่านพระครูฯรวมถึงหลานที่ดูแลท่านพระครูฯ

ตั้งใจจะรับท่านมาอยู่ที่ขอนแก่นและปรึกษากันไว้จะนิมนต์ท่านมาพักที่ อุฑยานผักหวานป่า

 

.....(หลังจากเจาะท้องใส่สายอาหารที่วชิรพยาบาลเสร็จแพทย์ที่ รพ.วชิรได้ทำการ

เริ่มคลอสการรักษาเคมีบำบัดฉายรังษี หลังจากตรวจวินิจฉัยโรคและดูสภาพร่างกายของผู้ป่วย

ที่นั่งไม่ได้ เดินไม่ได้ ใส่แพลมเพอริ์ส พูดไม่ออกเสลดปิดที่คอ เดินทางบ่อยๆอาการคงทรุด

พร้อมกับแจ้งว่า สิทธิการรักษา30บาท สามารถโอนย้ายได้จากระบบฐานข้อมูลระหว่างรพ.)...

.....ในการฉายรังษีต้องทำติดต่อกัน(เดือนละครั้งหลายวัน) ติดต่อกันหลายเดือนต่อคลอส

หลังจากฉายแสงเสร็จ3-4วันก็ต้องนำท่านขึ้นมาที่ขอนแก่น(อยู่ได้แค่สิทธิการรักษาตามวัน

ที่แพทย์ รพ.กลางอนุญาติให้) หากจะนำท่านกลับไปพักรอที่รพ.กลาง ใคร?จะดูแลท่าน.

หากอยู่ต่อที่รพ.วชิร ก็ต้องจ่ายค่าพักรักษาค้างคืนรายวัน(ตามประเภทโรงพยาบาล)

จึงจำเป็นต้องนำท่านขึ้นมาที่ขอนแก่นและขอให้แพทย์ออกใบนัดให้แทน(เหมาะสมทุกฝ่าย)

....หลังจากที่เดินทางไปฉายรังษีตามใบนัดจากแพทย์3เดือนได้สังเกตเห็นสภาพร่างกาย

ที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางของท่านบวกกับการฉายรังษีที่ทำให้ร่างกายอ่อนล้า

กลับขอนแก่นก็ต้องฟื้นฟูสภาพร่างกายกันใหม๋(ธรรมชาติบำบัด-สมุนไพร-อาหารเสริม-กำลังใจ)

พอร่างกายดีขึ้นก็ต้องเดินทางอีกแล้ว(ตามคลอสของแพทย์)พระอาพาธเองท่านคงทราบ

ร่างกายของท่านดี จึงจะไม่ยอมไปกทม.อีก(เหนื่อย)แต่ก็ได้ขอร้องท่านให้ไปฉายแสงอีกครั้ง

เป็นครั้งสุดท้าย และจะได้ไปดำเนินการขอโอนสิทธิการรักษาของท่านมาที่พร.น้ำพอง

ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่พักรักษาตัวของท่าน(จบคลอสหรือไม่ไม่สนแล้ว!ท่านจึงยอม)

.....ลงไปกทม.กลับพบปัญหา แต่เป็นปัญหาจากแพทย์และเอกสารไม่ใช่ปัญหาจากผู้ป่วย)

เมื่อไปดำเนินการติดต่อเพื่อขอโอนสิทธิบัตรทองกับทางรพ.กลาง ออกเดินทางจาก

พระประแดงแต่เช้าไปถึงรพ.กลาง11.00น บัตรคิวคนสุดท้าย

........(ด้วยหลักแนวทางการปฏิบัติสากล หรือ?).......

แพทย์จะให้นำตัวผู้ป่วยเดินทางมาหาเอกสาร(ทั้งที่แจ้งว่าผู้ป่วยเป็นพระและอาการหนักมาก)

แต่แพทย์ก็ยังยืนยันอำนาจ(จะให้ก็ได้-ไม่ให้ก็ได้) เงินของเรา(คำพูดจากปากของแพทย์)

พูดจบ ถอดเสื้อกาวเดินออกจากห้อง(ไปทานข้าว) ไม่สนใจคนที่นั่งฟังอยู่ตรงหน้า...

หมอใหญ่จำเป็น(ก็ของขึ้นสิคะ) กลับมาที่รพ.วชิร เล่าเรื่องราวการไปติดต่อ

ขอต่ออายุสิทธิพร้อมกับขอแจ้งย้ายโอนสิทธิ ที่รพ.กลาง ให้แพทย์ฟัง พร้อมกับระบุว่า

จะขอชำระค่าใช้จ่ายผู้ป่วยเองกี่บาทก็จะยอมจ่ายให้จบคลอสเดือนนี้แล้วจะนำท่าน

กลับขอนแก่น จะไม่มาฉายแสงอีกแล้ว(พร้อมกับตั้งธงกลับไปรพ.กลางอีกรอบในวันรุ่งขึ้น

พร้อมกับจะขอเข้าพบผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลาง) แพทย์ที่รพ.วชิร ท่านคงทราบ

อารมณ์ที่พวยพุ่งของญาติผู้ป่วย ท่านจึงได้โทรศัพท์ติดต่อพูดคุยกับแพทย์คนดังกล่าวรพ.กลาง

เจ้าหน้าที่ พยาบาลทุกฝ่ายช่วยกันเต็มที่เพื่อพระสงฆ์(จากเอกลักษณ์ที่สงบสำรวมของท่าน

จึงเป็นที่รักของเหล่าพยาบาล(นางฟ้า) เมื่อแพทย์ที่รพ.วชิร ประสานให้ทุกอย่างจึงออนไลน์

ผ่านทางคอมพิวเตอร์(ระบบฐานข้อมูล)จึงไม่ได้กลับไปที่รพ.กลางอีก....

.....ประสบการณ์เรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่เข้าใจ แพทย์ จรรยาบัน (จิตสำนึก) อารมณ์ (ผู้หลง)

ชีวิตหรือเอกสารสิ่งใดสำคัญมาก่อน  แนวทางหลักการปฎิบัติสากล หรือคน(หลง)กำหนดเอง......

.......ต้องให้ผู้ป่วยหนักเดินทางไปหาเอกสารหรือเอกสารเดินทางมาหาผู้ป่วยหนักแทน.......

         แล้วเทคโนโลยี่สารสนเทศของเมืองหลวง(มีไว้ทำไม มีไปเพื่ออะไรกัน).............

...หลังจากที่เปิดดูvdoที่บันทึกภาพการละสังขารของท่านพระครูสุพล ได้เห็นการหลับสบายๆ

กับรอยยิ้มน้อยๆของท่าน.แม้นึกถึงเรื่องที่เคยเสีย(ความรู้สึก)แต่มันก็ผ่านมาและผ่านไปแล้ว....แล้วไป!

 

และจากประสบการณ์การดูแลท่านพระครูกับระยะเวลา1ปีกว่า ในสิ่งที่เน้นช่วยการฟื้นฟูท่านจากอาการที่

หนักเดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ ใส่ผ้าอ้อม พูดไม่ได้ ด้วยธรรมชาติบำบัด สมุนไพร ที่สำคัญเน้นใจกำลังใจธรรม

บำบัด ท่านสามารถ นั่งได้ พูดได้ เดินได้ เข้าห้องน้ำเองได้(หน้ามือกับหลังมือ)...สำคัญที่ใจ...

 

หมายเลขบันทึก: 469985เขียนเมื่อ 1 ธันวาคม 2011 18:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 14:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบคุณค่ะ ได้เห็นอานิสงค์แห่งพลังใจที่ยิ่งใหญ่จริงๆค่ะ

ขอบพระคุณค่ะท่านนงนาท สนธิสุวรรณ ที่เข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจค่ะ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท