แบบจำลองของ Kawa ที่เป็นภาษาญี่ปุ่นแปลว่า สายน้ำ นั้นได้สะท้อนศักยภาพทางวิชาชีพกิจกรรมบำบัดใน "การปรับตัวของการประกอบกิจกรรมการดำเนินชีวิต (Occupational Adaptation, OA) ตามบริบทของสังคมและวัฒนธรรม"
นักกิจกรรมบำบัดควรทำความเข้าใจรูปแบบของการทำกิจวัตรประจำวันของผู้รับบริการที่ Meaningful, dynamic, diverse, shared, contexual, และ Unique เพื่อตอบโจทย์ว่า "เราทุกคนทำกิจวัตรประจำวันจริงๆ เหมือนกันหรือไม่ บริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันนั้นจะส่งผลให้มีความต้องการแตกต่างกันอย่างไร"
ในจักรวาลนี้ ความคิดที่เกี่ยวข้องกับชีวิตที่ปกติของมนุษย์ คืออะไร
สิ่งแวดล้อมภายในตัวตนนั้นสะท้อนเหตุผลทางคลินิกและการแปลข้อมูลที่ซับซ้อนให้เชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมภายนอกตัวตนได้ เราเรียกว่า Paradigm shift (Real stories, my reality to structured scientific revolution) นั่นคือ นักกิจกรรมบำบัดสามารถวัดความพึงพอใจของบุคคลสู่การแปรผลในความจริงของชีวิตที่พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ให้ยอมรับ/ไม่ยอมรับได้ (Acceptable/unacceptable thinking - completly change) หรือเกิดความเชื่อใหม่ (New belief) ในหลายระดับกระบวนการที่แตกต่างกันตามยุคสมัย ได้แก่
Modernism Postmodernism
Rational thought Irrational thought
Quantitative Qualitative
Universalism Particularism
Ground theories No ground theories
Meta-Narratives Micro-Narratives
Homogeneity Heterogeneity
Objective Subjective
Monotheism Polytheism
Cause-Effect (Explain phenomenon in the world) Chance
External reality (Outside yourself) Karma
Objective truth Subjective truth
นักกิจกรรมบำบัดจึงควรตระหนักถึงการเคลื่อนไหวความคิดที่ผสมผสานยุคสมัยที่ Modernism และ Postmodernism โดย:-
เดิมกรอบความคิดที่สัมพันธ์กันแบบเส้นตรงได้ปรับเปลี่ยนสู่บริบททางสังคมและวัฒนธรรมตามลำดับ เช่น ชีวิตและสุขภาพเปรียบเสมือนสายน้ำ ผนังดินรอบแม่น้ำเปรียบเสมือนปัจจัยสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและสังคม ก้อนหินเปรียบเสมือนอุปสรรคต่อสภาพแวดล้อมของการใช้ชีวิต ท่อนไม้ซุงขนาดต่างๆ เปรียบเสมือนปัจจัยส่วนบุคคล เมื่อมองภาพตัดขวางและภาพกว้างของการไหลของน้ำสู่ทะเล ก็สะท้อนถึงสุขภาวะของทักษะความสามารถ/ศักยภาพส่วนบุคคลที่มีการปรับเปลี่ยนของความสามารถสูงสุดร่วมกับความช่วยเหลือของนักกิจกรรมบำบัดให้ผู้รับบริการสำรวจข้อจำกัดและรู้ถึงหนทางการแสดงความสุขความสามารถทำกิจกรรมที่มีความหมายในชีวิต
ดังนั้นควรแบ่งเวลาในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บริบททางสังคมและวัฒนธรรมของการดำเนินชีวิตระหว่างนักกิจกรรมบำบัดและผู้รับบริการ คือ
อาจารย์ป๊อบค่ะ มาเชียร์ให้สร้าง CoPs กิจกรรมบำบัดค่ะ จะขอเป็นสมาชิกด้วยค่ะ มีประสบการณ์จากการดูแลพ่อผู้เคยป่วยเป็นอัมพฤกษ์ค่ะ
ขอบคุณมากครับ อ.ดร.จันทวรรณ และได้สร้าง CoPs แล้วครับ และขอบคุณพี่ อ.ดร.ขจิต ครับ
ขอบคุณมากครับคุณยายธี
ขอบคุณมากครับคุณแสงแห่งความดี
ขอบคุณสำหรับบทความของอาจารย์ค่ะ ดิฉันได้เข้าใจและเรียนรู้ ในมุมมองการดำเนินชีวิตที่กว้างขึ้น นอกจากตัวเราสามารถทำกิจวัตรประจำวันของตนเองแล้ว ยังต้องคำนึงถึงบริบทสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรา เราสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ และมีการปรับตัวให้เหมาะสมตามกาลเวลา นักกิจกรรมได้ให้ความสำคัญทั้งตนเอง ผู้อื่น และสังคมสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้แล้วยังคำนึงถึงคุณค่าทางจิตใจ ทำให้เกิดความสุขในการดำเนินชีวิต
ขอบคุณมากครับน้องนิรมล