นิราศเมืองเพชร ตอนที่กล่าวถึงเมืองสมุทรสงครามครับ


ถึงคลองช่องล่องเลียบเงียบสงัด เห็นเมฆกลัดกลางทะเลบนเวหา เสียงโครมครื้นคลื่นกระทั่งฝั่งชลา ลมสลาตันตึงหึ่งหึ่งฮือ

นิราศเมืองเพชร ตอนที่กล่าวถึงเมืองสมุทรสงครามครับ

 อันนี้ว่าด้วยเรื่องรากเหง้าชาวแม่กลองครับ เพราะเป็นบันทึกที่เขียนไว้เกือบ 200 ปี โดยท่านสุนทรภู่แต่งถึงเมืองแม่กลองไว้ในนิราศเมืองเพชร ขณะที่ท่านเดินทางไปราชการที่เมืองเพชรบุรี ตามคำสั่งของ สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2388 ครับผม

 

๏ จนตกทางบางสะใภ้ครรไลล่อง มีบ้านช่องซ้ายขวาเขาค้าขาย

ปลูกทับทิมริมทางสองข้างราย ไม่เปล่าดายดกระย้าทั้งตาปี

บ้างดิบห่ามงามงอมจนค้อมกิ่ง เป็นดอกติ่งแตกประดับสลับสี

บ้างแตกร้าวพราวเม็ดเพชรโนรี เขาขายดีเก็บได้ใส่กระเฌอ

มาตั้งขายฝ่ายเจ้าของไม่ต้องถือ เห็นเรือล่องร้องว่าซื้อทับทิมเหนอ

จะพูดจาคารวะทั้งคะเออ เสียงเหน่อเหน่อหน้าตาน่าเอ็นดู

นึกเสียดายหมายมั่นใคร่พันผูก ไว้เป็นลูกสะใภ้ให้เจ้าหนู

พอนึกหยุดบุตรเราก็เจ้าชู้ อุตส่าห์รู้ร้องต่อจะขอชิม

เขาอายเอียงเมียงเมินทำเดินเฉย ไม่เกินเลยลวนลามงามหงิมหงิม

ได้ตอบต่อล้อเหล่าเจ้าทับทิม พอแย้มยิ้มเฮฮาประสาชายฯ

๏ ถึงแม่กลองสองฝั่งเขาตั้งบ้าน น่าสำราญเรือนเรือดูเหลือหลาย

บ้างย่างปลาค่าเคียงเรียงเรียงราย ดูวุ่นวายวิ่งไขว่กันใหญ่น้อย

ขายสำเร็จเป็ดไก่ทั้งไข่พอก กระเบนกระบอกปลาทูทั้งปูหอย

ลูกค้ารับนับกันเป็นพันร้อย ปลาเล็กน้อยขมงโกรยโกยกระบุง

นางแม่ค้าปลาเค็มก็เต็มสวย กำไรรวยรวมประจบจนครบถุง

บ้างเหน็บท้องป่องปุ่ยตุ่ยตุ่ยตุง ต่างบำรุงรูปร่างสำอางตาฯ

๏ พอออกช่องล่องลำแม่น้ำกว้าง บ้านบางช้างแฉกแชไปแควขวา

ข้างซ้ายตรงลงทะเลพอเวลา พระสุริยามืดมัวทั่วแผ่นดิน

ดูซ้ายขวาป่าปะโลงหวายโป่งเป้ง ให้วังเวงหวั่นไหวฤทัยถวิล

เวลาเย็นเห็นนกวิหคบิน ไปหากินแล้วก็พากันมารัง

บ้างเคียงคู่ชูคอเสียงซ้อแซ้ โอ้แลแลแล้วก็ให้อาลัยหลัง

แม้นร่วมเรือนเหมือนนกที่กกรัง จะได้นั่งแนบข้างเหมือนอย่างนก

นี่กระไรไม่มีเท่ากี่ก้อย โอ้บุญน้อยนึกน่าน้ำตาตก

ต้องลมว่าวหนาวหนังเหมือนคั้งคก จะได้กกกอดใครก็ไม่มี

จนเรือออกนอกอ่าวดูเปล่าโว่ง ทะเลโล่งแลมัวทั่ววิถี

ไม่เห็นหนสนธยาเป็นราตรี แต่ลมดีดาวสว่างกระจ่างตา

สำรวลรื่นคลื่นราบดังปราบเรี่ยม ทั้งน้ำเปี่ยมป่าแสมข้างแควขวา

ดาวกระจายพรายพร่างกลางนภา แสงคงคาเค็มพราวราวกับพลอย

เห็นปลาว่ายกายสล้างกระจ่างแจ่ม แลแอร่มเรืองรุ่งชั้นกุ้งฝอย

เป็นหมู่หมู่ฟูฟ่องขึ้นล่องลอย ตัวน้อยน้อยนางมังกงขมงโกรย

ชื่นอารมณ์ชมปลาเวลาดึก หวนรำลึกแล้วเสียดายไม่วายโหย

แม้นเห็นปลาวารินจะดิ้นโดย ทั้งลมโชยเฉื่อยชื่นระรื่นเย็น

จะเพลินชมยมนาเวหาห้อง เช่นนี้น้องไหนเลยจะเคยเห็น

ทะเลโล่งโว่งว่างน้ำค้างกระเซ็น ดูดาวเด่นดวงสว่างเหมือนอย่างโคม

จะเปรมปรีดิ์ดีใจมิใช่น้อย น้องจะพลอยเพลินอารมณ์ด้วยชมโฉม

โอ้อายจิตคิดรักลักประโลม ทรวงจะโทรมตรงช่องปากคลองโคน

ด้วยมืดค่ำสำคัญที่นั่นแน่ เรียกแสมตายห่าพฤกษาโกร๋น

ลำพูรายชายเลนดูเอนโอน วายุโยนยอดระย้าริมสาคร

หิ่งห้อยจับวับวามอร่ามเหลือง ดูรุ่งเรืองรายจำรัสประภัสสร

เหมือนแหวนก้อยพลอยพรายเมื่อกรายกร ยังอาวรณ์แหวนประดับด้วยลับตาฯ

๏ ถึงคลองช่องล่องเลียบเงียบสงัด เห็นเมฆกลัดกลางทะเลบนเวหา

เสียงโครมครื้นคลื่นกระทั่งฝั่งชลา ลมสลาตันตึงหึ่งหึ่งฮือ

นาวาเหเซหันให้ปั่นป่วน ต้องแจวทวนท้ายหันช่วยกันถือ

ถึงสี่แจวแล้วเรือยังเหลือมือ ลมกระพือพัดโงงดูโคลงเคลง

ทั้งคลื่นซ้ำน้ำซัดให้ปัดปั่น โอ้แต่ชั้นคลื่นลมยังข่มเหง

น่าอายเพื่อนเหมือนคำเขาทำเพลง มาเท้งเต้งเรือลอยน่าน้อยใจ

ยิ่งแจวทวนป่วนปั่นยิ่งหันเห ลมทะเลเหลือจะต้านทานไม่ไหว

เสียงสวบเสยเกยตรงเข้าพงไพร ติดอยู่ใต้ต้นโกงกางแต่กลางคืน

พอจุดเทียนเซี่ยนขันน้ำมันคว่ำ ต้องวิดน้ำนาวาไม่ฝ่าฝืน

เสื่อที่นอนหมอนนวมน้ำท่วมชื้น เหลือแต่ผืนผ้าแพรของแม่น้อง

ได้กันลมห่มหนาวเมื่อเช้าตรู่ ยังรักรู้จักคุณการุญสนอง

ลมรินรินกลิ่นกลบอบละออง ได้ปกครองคุมเครือเมื่อเรือค้างฯ

๏ เขาหลับเรื่อยเหนื่อยอ่อนนอนสนิท พี่นี้คิดใคร่ครวญจนจวนสว่าง

เสียงนกร้องซ้องแซ่ครอแครคราง ทั้งลิงค่างครอกโครกละโอกโอย

เสียงชะนีที่เหล่าเขายี่สาน วิเวกหวานหวัวหวัวผัวผัวโหวย

หวิวหวิวไหวได้ยินยิ่งดิ้นโดย ชะนีโหยหาคู่ไม่รู้วาย

เหมือนวิตกอกน้องที่ตรองตรึก เหลือรำลึกอาลัยมิใคร่หาย

จะเรียกบ้างอย่างชะนีก็มีอาย ต้องเรียกสายสวาทในใจรำจวน

จนรุ่งแจ้งแสงสว่างนภางค์พื้น ต้องค้างตื้นติดป่าพากันสรวล

จะเข็นค้ำล้ำเหลือเป็นเรือญวน พอเห็นจวนน้ำขึ้นค่อยชื่นใจ

ต้นแสมแลดูล้วนปูแสม ขึ้นไต่แต่ต้นกิ่งวิ่งไสว

เขาสั่นต้นหล่นผอยผ็อยผ็อยไป ลงมุดใต้ตมเลนเห็นแต่ตาฯ

๏ โอ้เอ็นดูหนูน้อยร้องหอยเหาะ ขึ้นไปเกาะกิ่งตลอดยอดพฤกษา

ล้วนจุ๊บแจงแผลงฤทธิ์เขาปลิดมา กวักตรงหน้าเรียกให้มันได้ยิน

จุ๊บแจงเอ๋ยเผยฝาหาข้าวเปียก แม่ยายเรียกจะให้ไปกฐิน

ทั้งงวงทั้งงาออกมากิน ช่วยปัดริ้นปัดยุงกระทุงราย

เขาร่ำเรียกเพรียกหูได้ดูเล่น มันอยากเป็นลูกเขยทำเงยหงาย

เยี่ยมออกฟังทั้งตัวกลัวแม่ยาย โอ้นึกอายด้วยจุ๊บแจงแกล้งสำออย

เหมือนจะรู้อยู่ในเล่ห์เสน่หา แต่หากว่าพูดยากเป็นปากหอย

เปรียบเหมือนคนจนทุนทั้งบุญน้อย จะกล่าวถ้อยออกไม่ได้ดังใจนึก

พอลอยลำน้ำมากออกจากป่า ได้แอบอาศัยแสมอยู่แต่ดึก

ในดงฟืนชื่นชุ่มทุกพุ่มพฤกษ์ ผู้ใดนึกฟันฟาดให้คลาดแคล้ว

แล้วเคลื่อนคลาลาจากปากคลองช่อง ไปตามร่องน้ำหลักปักเป็นแถว

ข้ามยี่สานบ้านสองพี่น้องแล้ว ค่อยคล่องแคล่วเข้าชะวากปากตะบูน

น้ำยังน้อยค่อยค้ำพอลำเลื่อน ไม่มีเพื่อนเรือประหลาดช่างขาดสูญ

ในคลองลัดทัศนายิ่งอาดูร เป็นดินพูนพานจะตื้นแต่พื้นโคลน

ป่าปะโลงโกงกางแกมแสม แต่ล้วนแต่ตายฝอยกรองกร๋อยโกร๋น

ตลอดหลามตามตลิ่งล้วนลิงโลน อ้ายทโมนนำหน้าเที่ยวคว้าปู

ครั้นล้วงชุดสุดอย่างเอาหางยอน มันหนีบนอนร้องเกลือกเสือกหัวหู

เพื่อนเข้าคร่าหน้าหลังออกพรั่งพรู ลากเอาปูออกมาได้ไอ้กะโต

ทั้งหอยแครงแมงดามันหาคล่อง ฉีกกระดองกินไข่มิใช่โง่

ได้อิ่มอ้วนท้วนหมดไม่อดโซ อกเอ๋ยโอ้เอ็นดูหมู่แมงดา

ให้สามีขี่หลังเที่ยวฝั่งแฝง ตามหล้าแหล่งเลนเค็มเล็มภักษา

เขาจับเป็นเห็นสมเพชเวทนา ทิ้งแมงดาผัวเสียเอาเมียไป

ฝ่ายตัวผู้อยู่เดียวเที่ยวไม่รอด เหมือนตาบอดมิได้แจ้งตำแหน่งไหน

ต้องอดอยากจากเมียเสียน้ำใจ ก็บรรลัยแลกลาดดาษดา

แม้นเดี๋ยวนี้มีหญิงไม่ทิ้งผัว ถึงรูปชั่วฉันจะรักให้หนักหนา

โอ้อาลัยใจอย่างนางแมงดา แต่ดูหน้าในมนุษย์เห็นสุดแลฯ

 

อ้างอิงจาก

นิราศเมืองเพชร

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3

คลังปัญญาไทย

http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3

หมายเลขบันทึก: 469404เขียนเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2011 07:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 15:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท