สมบัติของ "พ่อ" : ๑๐. เพียรเพื่อพ้น


Large_treasure28

 

     การประพฤติปฏิบัติธรรมคือการพัฒนาตนเอง เปลี่ยนแปลงตนเองจากสิ่งที่มันไม่ดีก็ให้มันดี จากสิ่งที่ดีอยู่แล้วก็ให้มันดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะแก้ไขสิ่งภายนอกที่มันไม่ถูกใจเรา ชอบไปแก้ไขคนอื่น บุคคลอื่น ไปโทษสิ่งภายนอก ไปโทษคนอื่น ที่เรามีทุกข์เราก็คิดว่าสิ่งภายนอกเป็นเหตุ สิ่งภายนอกไม่เป็นใจ สิ่งภายนอกไม่อำนวยโอกาสให้เรา พระพุทธเจ้าท่านให้เราปฏิบัติธรรมเพื่อให้เราแก้ไขตัวเอง อย่าไปแก้ไขคนอื่น อย่าไปเอาดีเอาชั่วเอาผิดกับคนอื่น ให้กลับมาแก้ไขตัวเอง มาดูตัวเอง เพื่อที่จะได้เปลี่ยนแปลงตัวเองให้มันดีขึ้นทุก ๆ วัน ทำไมการปฏิบัติของเรามันไม่ก้าวหน้า เราก็ต้องกลับมาดูตัวเอง เป็นเพราะรักษาศีลไม่ดี ศีลของเราไม่สะอาดบริสุทธิ์ ศีลด่างศีลพร้อย ก็ให้เรามาดูความประพฤติของตัวเอง มันจะได้แก้ไข มันจะได้ปรับปรุง คนเราถ้าทำอย่างเก่า คิดอย่างเก่า ทำเหมือนเก่า มันก็ไม่มีอะไรจะดีขึ้น สมมุติว่าเราหาเงินได้วันละ ๑,๐๐๐ บาท เราไม่พออยู่พอกินเป็นหนี้เป็นสิน ถ้าเราทำอย่างเก่ามันก็เป็นหนี้อย่างเก่า ไม่มีทางหมดหนี้หมดสินได้ฉันใด เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

     เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ก็เนื่องมาจากปฏิปทาข้อวัตรข้อปฏิบัติ ด้วยความตั้งมั่นความหนักแน่น มีปฏิปทาที่ดี ๆ อย่างเสมอต้นเสมอปลาย อบรมบ่มอินทรีย์ไปเรื่อย ๆ ทุก ๆ วันด้วยความไม่ประมาท ให้กลับมาดูตัวเอง ถ้าเราหมกมุ่นครุ่นคิดในเรื่องที่เป็นบาปเป็นกรรมให้ละให้ปล่อยวาง ให้เป็นคนละอายต่อบาป เกรงกลัวต่อบาป อย่าเป็นคนจิตใจบาป จิตใจสกปรก จิตใจเศร้าหมอง จิตใจก้าวร้าว คนเรามันเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แล้วจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลง

Large_treasure29

 

     เราต้องเริ่มต้นที่การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ แล้วก็เปลี่ยนแปลงทางคำพูด ในการประพฤติปฏิบัติของเราในชีวิตประจำวัน ให้เรากลับมาดูตนเอง มันชอบมีปัญหาเรื่องคำพูดกับพ่อแม่ กับพี่น้อง กับผู้ใกล้ชิด เพราะเราเป็นคนปากไว ไร้สติ พูดจากเพ้อเจ้อ ขวานผ่าซาก ไม่มีปัญญาในเรื่องพูด ชอบพูดด้วยความสะใจ ถ้าเราพูดบ่อย ๆ เราก็คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาเพราะว่ามันชำนาญแล้ว แต่คนอื่นเขาไม่ชอบใจเขารับไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้มันไม่ดี คนเราเรื่องพูดนี้สำคัญมาก ก่อนพูดเราเป็นเจ้านาย เมื่อพูดเสร็จเราก็เป็นบ่าวเป็นลูกน้อง ถ้าพูดดี พูดเพราะ พูดมีเมตตา พูดเกื้อกูลให้กำลังใจกันเพื่อให้เกิดความสามัคคี คนอื่นเขาก็รักก็ชอบเรา ตัวเราเองก็สงบ คำพูดนี้เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม ถ้าเราพูดไม่ดีทำให้บรรยากาศสิ่งแวดล้อมเสียไปหมด ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้เผาไหม้ตัวเอง เผาไหม้คนอื่น เผาไหม้ครอบครัว ญาติพี่น้อง มันเผาทำลายไปหมด

     คนอื่นเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่างเขา เขาจะเป็นคนดีหรือคนไม่ดี เห็นแก่ตัวก็ช่างเขา เราอย่าไปรับเอามาใส่ใจของเรา คนเราส่วนใหญ่มีทุกข์เพราะว่าไปรับเอาสิ่งภายนอกมาให้ตัวเองเป็นทุกข์ ทั้งที่เอามาคิดปวดหัว มันไม่มีอะไร สิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ก็เอามาคิด ถ้าเราใจดีใจสบาย ใจมีความสุข เราไม่เครียดเรายังพอมีโอกาสที่ละแก้ปัญหาได้ นี่เรามันคนฟุ้งซ่าน คนไม่สงบ มันจะไปแก้ปัญหาอะไรได้ เราพยายามพัฒนาตัวเองแก้ไขตัวเอง เพิ่มความสุขให้ตนเอง เพิ่มความดับทุกข์ให้ตนเอง ให้ใจกับกายของเรามันอยู่ด้วยกัน ทำอะไรก็ให้ใจกับกายมันอยู่ด้วยกัน ทำความดีมาก ๆ มันจะได้มีความสุข มีอาหารใจ

Large_treasure30

 

    อย่าเป็นคนเห็นแก่ตัวนะ เป็นคนติดสุขติดขี้เกียจแล้วอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองไปทางที่ดี มันเป็นไปไม่ได้ เรื่องของความขี้เกียจนั้นมันมีมากทุก ๆ คน แต่ทุกคนก็ต้องละความขี้เกียจขี้คร้าน เพิ่มความขยันให้กับตนเองทุก ๆ วัน ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ไหนขี้เกียจขี้คร้าน ไม่มีอรหันตสาวกองค์ไหนขี้เกียจขี้คร้าน เราต้องเป็นคนขยัน มีความสุขกับการทำงานกับการขยันหมั่นเพียร เราต้องเป็นคนขยัน มีความสุขกับการทำงานกับการขยันหมั่นเพียร เห็นคุณประโยชน์ในการขยันหมั่นเพียร ทำไปบ่อย ๆ ทำมาก ๆ เดี๋ยวขี้เกียจมันก็หายเอง มันขี้เกียจเราก็อย่าไปสนใจช่างหัวมัน ทำไปเรื่อย ๆ ความเพียรเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องทำ ถึงมีชีวิตอยู่แค่วันเดียวก็ดี ดีกว่าผู้มีอายุเป็น ๑๐๐ ปี ความขี้เกียจมันทำลายคน ความขยันมันสร้างคน ประวัติครูบาอาจารย์ที่ท่านได้เป็นพระอริยเจ้านั้นท่านขยันมาก เดินจงกรมมาก นั่งสมาธิก็มาก ทำข้อวัตรข้อปฏิบัติมาก จิตใจเข้มแข็ง กว่าจะได้เป็นพระอริยเจ้าให้เรากราบไหว้ ไม่มีองค์ไหนมักง่ายฟรีสไตล์ไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์

     เราหางานให้กับตัวเองทำนะ ถ้าเป็นงานของพระนักปฏิบัติก็ให้เดินจงกรม นั่งสมาธิ ถึงเวลาทำกิจวัตรก็ตามเวลา เวลาส่วนรวมเวลาภาคบังคับก็ทำ ต้องทำให้มันดี ๆ อย่าไปทำแต่ว่าสักแต่ว่าทำ ทำให้มันเกิดความสุขเกิดความสงบเกิดความเยือกเย็น ให้เราพยายามเอาศีลเอาธรรมเอาข้อวัตรปฏิบัติเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะว่าเวลามันเปลี่ยนไปทุกวัน ความเกิดคามแก่มันก็หมุนเข้ามาหาเราทุกวัน เวลานั้นหมุนเร็วมาก ใจของเรามันก็ร้อนขึ้นทุกที ความอยากของเราก็มาก อยากรวย อยากบรรลุธรรม อยากอย่างโน้นอยากอย่างนี้ ความอยากมันเผาเรา แต่ตัวเราเองก็ไม่ยอมปฏิบัติ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ติดสุขมากติดสบายมาก มีความขี้เกียจขี้คร้านเป็นที่พึ่งเป็นสรณะ ถึงคราวแล้วที่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงตนเอง ที่พระพุทธเจ้าพาเราปฏิบัติพาเราตรัสรู้ เราก็ต้องตัด ต้องละ ต้องวาง ต้องเสียสละ ต้องตายจากความสุขความขี้เกียจขี้คร้าน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นสิ่งปิดกั้นไม่ให้เราเข้าถึงคุณงามความดี

Large_treasure31

 

 

     พระพุทธเจ้าให้เราเอาความดับทุกข์ด้วยการไม่ตามกิเลส เพราะมันเป็นเรื่องไม่จบไม่สิ้น มันเป็นเรื่องที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนฉายหนังม้วนเก่า มันไม่จบ มันจบก็เอามาฉายใหม่ บางคนก็เบื่อความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก ไม่อยากเกิดแต่ก็ไม่ยอมทิ้งไม่ยอมละไม่ยอมปล่อยวาง คงคิดไม่ถึงว่าถ้าเราปล่อยวางกิเลสไม่ทำตามกิเลสมันมีความสุข เขาอยากมีรสชาติอยู่กับกิเลส ถ้าไปพระนิพพานมันจะมีรสชาติจากไหน มันเลยอาลัยอาวรณ์กับภพชาติ อาลัยอาวรณ์กับข้าวของเงินทอง พี่น้อง ยศ ตระกูล มันไม่ได้คิดว่าของพวกนี้มันของชั่วคราว ของเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป แม้แต่ร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา ถ้าเราปล่อยวางแล้วเราจะมีความสุขมาก ตามพระบาลีตรัสไว้ สุขอันไหนก็ไม่เท่าความสงบ เปรียบเสมือนเราแบกโลกทั้งโลกแล้วเราปล่อยวางมัน เราก็มีความสุข ถ้าเรากลับมาแก้ที่ตัวเราเองปัญหาทุกอย่างก็หมดไป

ปรกฺกโม ภิกขุ
(บันทึก)
วันจันทร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔


 

 สมบัติของพ่อ

Large_dsc00303

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 469130เขียนเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2011 14:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 23:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท