ฟังหัวข้ออาจดูขัดๆ กัน ที่กล่าวถึงนี้คือคำภาษาไทยที่ข้าพเจ้าขอใช้ชั่วคราวสำหรับ วิธีการระดมความคิดแบบ " Nominal group technique" (NGT)
..ข้าพเจ้ามีโอกาสได้เข้าร่วม dialogue สองครั้ง ในโครงการจิตปัญญาศึกษา
รู้สึกประทับใจในหลักการ "deep listening"
การฟังอย่างลึกซึ้ง เป็นทักษะสำคัญในการดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง/ระยะสุดท้าย และการทำงานเป็นทีม
เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน..
มีตั้งแต่ระดับ Novice/beginner (learn by rule/guideline) ไปจนถึง Expert (intuition)
ข้าพเจ้านิยามตนว่าเป็นผู้ฟังระดับ beginner ตอนล่าง novice ตอนบน
จึงสนใจกิจกรรมกลุ่มที่มีโครงสร้าง กฎ ชัดเจน อย่าง NGT
แม้อ่านดูขั้นตอน ใน
บทความนี้ เหมือนยุ่งยาก
แต่หากพิจารณาเฉพาะกระบวนการหลักๆ ไม่สนใจรายละเอียดมากนัก
พบว่า NGT นั้นมีความคล้อยตาม
Mental model เช่นเมื่อเทียบกับการคิดแบบ SOAP ของผู้ทำงานด้านคลินิก
.
Nominal Group Technique |
SOAP |
เขียนประเด็นตอบคำถาม |
Subjective เรื่องอะไร |
อภิปรายสนับสนุนประเด็น |
Objective เห็นอะไร เพราะอะไร |
การลงคะแนนให้ความสำคัญ |
Assesment ประเมิน |
การสรุปความคิดกลุ่ม |
Plan จะทำอย่างไรต่อไป |
.
ข้าพเจ้าจึง เชื่อลึกๆ ว่า NGT เป็นเทคนิคกลุ่มที่สามารถประยุกต์ เป็นเครื่องมือ ฝึกการแสดงความเห็นและฟัง (อย่างน้อยก็ขั้นพื้นฐาน) ให้กับตนเอง นักศึกษาแพทย์ แพทย์ประจำบ้านได้
------------------------
.
ร่างคู่มือกิจกรรม modified- NGT
ประยุกต์จากประสบการณ์ใน
งานวิจัย และ แหล่งอ้างอิง [
1,
2]
# ยินดีรับความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงคะ #
อุปกรณ์สำหรับกิจกรรม
1. กระดาษขนาด A4 ฉีกครึ่ง แจกให้ผู้เข้าร่วมคนละ 3 +1 = 4 ใบ
2. กระดานไวท์บอร์ด แบ่งครึ่งซ้าย ขวา และปากกา
หลังกิจกรรม
1. กระดาษการ์ด 3 ใบที่มีความเห็นแต่ละคน (บางคนอาจเขียนใบเดียวบางคนอาจเขียนทั้ง 3 ใบ), ใบหนึ่ง สำหรับโหวต
2. กระดาน A: สำหรับเขียนสรุปประเด็นความเห็น พร้อม ranking
2. กระดาน B: สำหรับเขียนประโยคความคิดรวบยอด (hybrid idea)
ผู้เข้าร่วมกิจกรรม
- ผู้เข้าร่วมควรมี 3 คนขึ้นไป ( 6 -12 คนดีที่สุด) + 1 คน facilitator
.
ขั้นตอน
1. ถามคำถาม โดย Facilitator
- หากต้องการใช้จัดลำดับความสำคัญ เพื่อคัดเลือก (prioritize) ต้องคำถามที่มีตัวเลือกชัดเจน "What", "Who" เช่นตัวอย่าง
[3] ผู้วิจัยนำ "ข้อย่อย" ของทดสอบจิตเวชชนิดต่างๆ มาให้ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าร่วมกิจกรรม คัดเลือกสร้างเป็นแบบทดสอบใหม่
- ใช้ผสมผสานความคิดเป็นหลักการร่วมกัน (concept) ใช้คำถามที่เปิดกว้าง "How", "Why"
- จำกัดบริบทของคำถามให้เห็น "ภาพ"ร่วมกันทุกคน เช่น ใน OPD ภาควิชา, กรณีศึกษาผู้ป่วยที่ทุกคนเคยเจอ, คลิปข่าว
2. ตอบคำถามในกระดาษ
- เขียนความคิดตนเอง ไม่ปรึกษาผู้อื่น
- เขียนหนึ่งประเด็น ต่อกระดาษหนึ่งใบ ดังนั้นแต่ละคนอาจมีได้มากถึง 3 ประเด็น..แต่ละประเด็นควรเตรียม เหตุผลอ้างอิง ประสบการณ์จริง ไว้อภิปรายด้วย
< ขั้นตอนที่ 1 และ 2 นี้ ควรทำก่อนการประชุม ข้อดีคือ ทำให้ผู้เข้าประชุมมีโอกาสคิด พิจารณามากขึ้น>
3.อภิปราย ความเห็นตนเองที่เขียนในกระดาน
- ไล่ลำดับการเสนอความเห็นตามประเด็นที่เตรียมมา..ตัวอย่างเช่น ในการประชุมหนึ่ง มี 3 คนคือ ขาว เขียว แดง
. มี 3 ประเด็น เมื่อ ขาว. อภิปรายประเด็นแรกจบแล้ว ให้เอากระดาษการ์ดนั้น ใส่ลงในกองกลาง..ตอนนี้ จะมีกระดาษ 2 ใบสำหรับสองประเด็นที่เหลือ
แต่ต้องรอให้ แดง เขียว. อภิปรายประเด็นของเขาก่อนตามลำดับ..หากพบว่า อีก 2 ประเด็น ตรงกับที่คนอื่น พูดไว้ก็ไม่ต้องอภิปรายอีก ระหว่างนี้ให้ "เสริม" ความเห็นผู้อื่นได้ ( แต่ห้ามตัดสินว่าถูก หรือผิด)
- หลังจากทุกคนหมดประเด็นในมือ ( กระดาษคำตอบอยู่ที่กองกลางหมดแล้ว) จึงให้เสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมฟรีสไตล์
- ผู้ทำหน้าที่ Facilitator เขียนสรุปในบอร์ด A โดยใส่ลำดับข้อให้ชัดเจน สำหรับอ้างอิงตอนโหวต ดังภาพ
4.โหวต:
- เขียนโหวตในกระดาษที่ให้ ให้เลือก 3 ประเด็นที่เห็นด้วยมากที่สุด : โดยให้แต่ละคนมีคะแนนในมือ 5 จัดแจงให้ตามที่คิด
หากต้องการผลลัพท์แบบคัดเลือก ให้คะแนน ไล่ตามลำดับไม่ซ้ำกัน
เช่น ข้อ 2 ชอบเป็นอันดับ 1 ให้ 5 คะแนน, ข้อ 4 อันดับ 2 ให้ 4 คะแนน ไปเรื่อยๆ.
ถ้าต้องการผลลัพท์เป็น concept รวม ให้คะแนนเท่ากันได้ เช่น ชอบข้อ 2 (ให้ 2 คะแนน) , ข้อ 4(ให้ 2 คะแนน), ข้อ 7 (ให้ 1 คะแนน)
- ผู้ทำหน้าที่ Facilitator รวบรวมคะแนน เพิ่มเติมในบอร์ด A จะได้ดังภาพ
5.ผสมผสานความคิด
- ผู้ทำหน้าที่ Facilitator ลองสรุปเชื่อมโยงความคิด ตามที่เห็น เขียนในบอรด์ B
- เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมช่วยอภิปราย หากมีจุดใดต้องการเพิ่มเติม แก้ไข
หมายเหตุ: ส่วนที่เขียน ตัวเอียง คือส่วนประยุกต์จาก NGT ต้นฉบับ เพื่อเพิ่มการประสานความคิดยิ่งขึ้น
การดูผลลัพท์
- คะแนนรวม (rating) หรือลำดับ (ranking)สำคัญกว่ากัน ?
- หากต้องการคัดเลือก ควรเอา ranking เป็นหลัก
- หากต้องการค้นหาความหมาย ควรเอา rating เป็นหลัก เพราะให้ความสำคัญกับทั้ง "outlier" และ "Average" กล่าวคือ คะแนนที่ให้แต่ละคนถือในมือ 5 คะแนน หากมีข้อใด ที่ใคร"เทใจ" ให้ 5 คะแนน ก็จะเท่ากับข้อที่มีคน "ปันใจ" ให้ 1 คะแนน 5 คน การโหวตแบบธรรมดา 1 คน 1 คะแนน ทำให้ละเลย ข้อที่มีความเด่นในบางสถานการณื หรือสำหรับบางคน..ซึ่งให้ความรู้ใหม่
- ผลลัพท์ NGT ออกมาเป็นลิสต์ยาวๆ ที่ไม่สามารถจัดอันดับคัดเลือกหรือผสมผสานกันได้เลย หมายความว่า?..การเกิด additive list แสดงว่าเป็นคำถามพื้นฐานเกินไป ไม่คุ้มที่จะทำ NGT เช่นบอกรายชื่อร้านก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยในเชียงใหม่
----------------------------------------------
- สิ่งที่คาดหวังจาก NGT ได้
= ผู้เข้าร่วมกลุ่มรู้สึกจบกิจกรรมแล้วมีผลลัพท์ (sense of achievement) และความคิดของตนเองมีคุณค่า เป็นส่วนหนึ่งของconsensus (Hybrid idea)
- สิ่งที่ "อาจ" คาดหวังจาก NGT ได้
= ความเข้าใจต่อเหตุปัจจัย ทั้งนี้ขึ้นกับว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ได้อธิบาย ยกตัวอย่าง ประกอบประเด็นที่นำเสนอมากเพียงไร
- สิ่งที่ "อาจ" คาดหวังจาก NGT ไม่ได้
= การลดความเกรงใจระหว่างผู้บริหารกับผู้ใต้บังคับบัญชา หรือ ความแตกต่างทางอาวุโสมากๆ NGT ช่วย "บรรเทา" ด้วยการเปิดโอกาสให้แสดงความเห็นทุกคน แต่ "ความเกรงบารมี" ยังเป็นสิ่งช่วยไม่ได้
- สิ่งที่คาดหวังจาก NGT ไม่ได้
= การสรุปเอา ranking ที่ได้ไปสรุปเป็น ความจริงในจักรวาล..ไม่ว่าผู้เข้าร่วมจะ Expert เพียงใด [4].
สรุป ในการทำ NGT ให้มีประสิทธิภาพ = ใช้เวลาน้อยได้ผลสรุปตรงความต้องการ
1. One session -> One question : กิจกรรมแต่ละครั้งสำหรับหนึ่งคำถามเท่านั้น
2. clear picture -> clear answer : คำตอบจะชัดเจน นำไปใช้ได้จริงเพียงไร ขึ้นกับการกำหนดบริบทให้เห็นภาพชัดเจน
3. high rank -> high detail : ประเด็นไหนได้รับคะแนนมาก ควรได้รับการขยายความลงรายละเอียดมาก.
###
Take home message: [4]
"...Establishing consensus among a particular group of individuals on an issue is not an attempt to provide a ‘correct’ answer. Rather it is a systematic way of identifying current opinion and areas of disagreement.."