การทำงานคือการปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าท่านสอนพวกเราไม่ให้เป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน ต้องทำงานต้องเสียสละ มีความขยันมาก ๆ งานของพระก็คือการรักษาศีลให้ดี ๆ ทำจิตใจให้ตั้งมั่นใจความดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ให้ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ไม่ง่อนแง่น คลอนแคลน เราจะตั้งมั่นแต่ความดี ความดีคืออะไรก็คือมีศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๒๒๗ เดินจงกรมก็ให้มาก นั่งสมาธิก็ให้มาก ทำกิจวัตร ทำวัตรสวดมนต์ ทำความสะอาดห้องน้ำ ห้องสุขา รักษาเสนาสนะ ดูแลต้นไม้ กวาดถนนหนทาง ที่อยู่อาศัยให้สะอาด พิจารณาร่างกายแยกออกเป็นชิ้น ๆ สู่ไตรลักษณ์ พิจารณาเวทนาที่มันสุขมันทุกข์ พิจารณาเวทนาทางจิตใจคือมันชอบไม่ชอบ พยายามทำให้มาก ๆ เจริญให้มาก ๆ
คนอื่นเขาไม่ทำหรือเขาจะทำก็ช่างหัวเขา ให้เราตั้งใจประพฤติปฏิบัติ ฝึกใจให้เราอยู่กับกาย กายมันเดินมันนั่ง มันนอน ทำอะไรอยู่ก็ให้ใจมันอยู่กับสิ่งเหล่านั้น พยายามอย่าให้ใจมันเที่ยวข้างนอก ฝึกอานาปานสติไว้ ฝึกหายใจเข้าหายใจออกทุกอิริยาบถ เพื่อให้มันมีเครื่องอยู่ อย่าให้ใจมันว่างจากการจากงาน เพราะว่าใจเราต้องมีเครื่องอยู่ คนเราถ้ามันว่างงานเกิน มันจะฟุ้งซ่าน ต้องหางานให้จิตตัวเองทำ แต่งานนั้นต้องให้เกิดประโยชน์ต่อคุณธรรม อย่าได้ไปเชื่อกิเลสนะ เพราะกิเลสมันติดสุขติดสบาย ติดขี้เกียจขี้คร้าน กิเลสมันชอบไปเอาความสุขทางเนื้อทางหนัง ไปสรวลเสเฮฮาสนุกไปวัน ๆ วันโน้นทีวันนี้ที
“คนอื่นเขาไม่ทำหรือเขาจะทำก็ช่างหัวเขา ให้เราตั้งใจประพฤติปฏิบัติ ฝึกให้ใจเราอยู่กับกาย กายมันเดินมันนั่งมันนอน ทำอะไรอยู่ก็ให้ใจมันอยู่กับสิ่งเหล่านั้น...”
กิเลสของคนเรามันไม่ธรรมดา มันเป็นแม่ทัพ มันเป็นบ้าน เป็นเมือง เป็นราชธานี เป็นเมืองหลวง เราพยายามไม่ให้มันมาตั้งในหัวจิตหัวใจเรา นี่เป็นงานของพระของผู้ปฏิบัติ ส่วนสำหรับงานของญาติของโยม งานทำมาหากิน การค้าการขายเกษตรกร ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจต่าง ๆ เราก็ต้องตั้งอกตั้งใจทำ ทำงานให้สบายให้มีความสุข ให้ใจมันอยู่กับตัว เราถือว่าเราทำงานเพื่อเสียสละ เราอย่าไปว่างานหนักงานยุ่ง มันเหน็ดมันเหนื่อยไม่ได้พัก เราอย่าไปคิดอย่างนั้น คนเราต้องมีความสุขในการทำงาน มันจะเบื่อหรือไม่เบื่อเราอย่าไปสนใจมัน
เราทำงานทำความดีตั้งแต่เช้าจนถึงนอนหลับ ตื่นขึ้นก็ทำใจดีใจสบายอย่างนั้นทุก ๆ วันนั่นแหละ ถ้าใจเรามีความสุขในการทำงานนั่นแหละคือการปฏิบัติธรรม เราอาจจะไม่เห็นคุณค่าในการทำงาน ควรมีความสุขในการปฏิบัติงาน เราคิดว่าการทำงานก็คือเอาแรงกายแรงวาจาได้มาซึ่งวัตถุ ที่แท้จริงนั้นนะคือการทำความดี ความเสียสละของเรา ตั้งใจทำดี ๆ ต้องให้ใจมีความสุข เราต้องการให้มันเสร็จเร็วก็ให้รีบทำแบบมีความสุข ถ้าเราเป็นคนขยัน เป็นคนเสียสละ เป็นคนที่มีศีลมีธรรม ทุกคนจะรักเคารพนับถือเราเพราะเรามีคุณค่า เป็นคนที่มีผลประโยชน์ต่อคนอื่น
คนเราต้องเป็นคนที่มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อผู้อื่นไม่ว่าทางกาย ทางวาจา ทางจิตใจ ต้องให้คนอื่นมีผลประโยชน์ในตัวเรา เราอย่าไปเอาผลประโยชน์จากคนอื่น อย่างน้อยต้องมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทุก ๆ คนต้องเป็นมือเป็นเท้าเป็นใจให้ซึ่งกันและกัน พระพุทธเจ้าท่านเกิดท่านเป็นผู้ให้ เกิดมาเพื่อเป็นคนเสียสละ ไม่ทำตามใจตัวเอง ท่านจึงได้เป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านมีความสุขมากที่สุดในโลก เพราะท่านเป็นคนเสียสละ ท่านทำการงานให้กับบุคคลอื่น ๆ ท่านมีความเมตตา มีความสงสารอย่างไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ ไม่เอาเปรียบมวลมนุษยชาติ ท่านเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ให้เราตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามท่าน
ชีวิตคนเราไม่นานมันก็ตาย มันตายทางร่างกาย มันก็เป็นตามอายุขัย แต่จิตใจของเราถ้ามันไม่หมดกิเลสไม่สิ้นอาสวะ มันต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร เพราะกิเลสเรามี วัฏสงสารมันจึงมี ถ้ากิเลสเราไม่มี วัฏสงสารก็ไม่มี พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าเพราะสิ่งนั้นมีสิ่งนั้นจึงมี ธรรมทั้งหลายทั้งปวงมีเหตุมีปัจจัย ถ้ามีเหตุผลมันก็ถึงมี ที่เรามีความเป็นอยู่ทุกวันนี้ล้วนมาจากเหตุจากปัจจัย ไม่ใช่ว่าเกิดขึ้นลอย ๆ โดยไม่มีเหตุ ท่านจึงให้สร้างเหตุสร้างปัจจัยให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท คนเราที่มันได้เกิดเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่เป็นน้อง ได้ประพฤติปฏิบัติร่วมกันก็เพราะได้เคยสร้างเหตุสร้างปัจจัยมาร่วมกัน
คนเราคนเก่าถ้าปฏิบัติอย่างเก่า ๆ มันก็จะเป็นอย่างเก่า ๆ มันต้องปฏิบัติให้ดีมากกว่าเก่า ๆ ต้องดีอย่างสม่ำเสมอ คนเรานี่คิดดูมันก็แปลก อยากให้คนอื่นเคารพรักนับถือแต่การประพฤติปฏิบัติมันไม่สมเหตุสมผล ทุก ๆ คนพร้อมจะเคารพนับถือเรา พร้อมที่จะให้ความไว้วางใจ พร้อมที่จะให้เก้าอี้เรานั่ง ขอให้เราเป็นผู้เสียสละ เป็นผู้มีศีล ประพฤติกายวาจาใจให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท เป็นคนที่มีสมาธิตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ให้มันตั้งอยู่และดับไป ไม่หวั่นไหว มีพระธรรมคำสั่งสอนเป็นจุดยืน มีความสุขมีความสงบ มีจิตใจเปรียบเสมือนแอร์คอนดิชั่นเนอร์อยู่ในตัวในจิตใจ มีสติมีปัญญารู้จักรู้แจ้งว่าความโลภ ความโกรธ ความหลงนี้เราจะทำตามไม่ได้ ถึงจะมาในภาพสวย ภาพเอร็ดอร่อย สุขสบาย น่าเพลิดเพลิน ก็มีความรู้จักรู้แจ้งว่านี่แหละทุกข์ ถ้าเราปฏิบัติอย่างนี้ทุกคนจะให้ความเคารพไว้วางใจ ทุกคนเขาจะแต่งตั้งเราเอง ทุกคนจะเคารพกันได้ก็ต้องมีความดีมีคุณธรรมมีศีลมีธรรม
คนเรานั้นปัญหาต่าง ๆ ในโลกนี้มี แต่ว่ามันไม่มีถ้าจิตใจของเราไม่มีปัญหา ทำไมจิตใจจึงมีปัญหาก็เพราะจิตใจมีอัตตามีตัวมีตน มันมีเรา มันมีตัวของเรา เราพยายามละสักกายทิฏฐิ เราอย่าไปถือว่าร่างกายเป็นเรา ว่าเวทนา ว่าสุขว่าทุกข์เป็นเรา ความจำได้หมายรู้เป็นเรา เราจะเอาความคิดโน่นคิดนี่เป็นเรา เราอย่าไปเอา เราพยายามคืนธาตุคืนขันธ์นี้สู่ธรรมชาติ เราพยายามรู้จักรู้แจ้ง มันจะได้หลับสนิท มันจะมีนิพพานในอกในใจ มันจะได้รู้ว่าทำจิตใจแบบนี้มันดี มันสงบ มันเย็น คนไม่ตายไม่มีความทุกข์ทางจิตทางใจ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็มารวมอยู่ที่จิตใจของเรานั้นแหละ
เราพยายามสร้างกายของเรา สร้างวาจาของเรา สร้างใจเราให้มันเป็นพระ พระแปลว่าผู้เสียสละ เห็นภัยในวัฏสงสาร พระคือผู้ไม่มีตัว ไม่มีตน ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง ไม่มีลูก ไม่มีหลาน ไม่มีทรัพย์สมบัติ อะไร ๆ ที่มันมีอยู่มันเป็นของชั่วคราว เหมือนลมผ่านมาผ่านไป เหมือนพยับแดดเดี๋ยวมันก็ไม่มี พระพุทธเจ้าให้เราฝึกใจอย่างนี้ ๆ ทุก ๆ วัน อินทรีย์บารมีของเราจะค่อย ๆ แก่กล้าขึ้น นี้เป็นงานของเราทั้งทางกายทางจิตใจในชีวิตประจำวัน เราปฏิบัติแบบนี้ชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติธรรม ทุก ๆ คนต้องตั้งใจประพฤติปฏิบัติ ไม่มีใครมาปฏิบัติแทนเราได้ เราถือว่าเราเป็นคนมีบุญ มีชีวิตอยู่ที่เรายังไม่ตาย มัจจุราชคือความตายยังให้โอกาสเราได้ทำความดี สร้างบารมี ด้วยเหตุนี้เราถึงต้องปฏิบัติเดินตามรอยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ชินวโร
ภิกขุ
(บันทึก)
วันเสาร์ที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔
ไม่มีความเห็น