นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ ...บันทึกลุงสมปอง 1


พอนึกถึงภาพตัวเอง เราก็เหมือนลูกวัวที่เพิ่งเจาะจมูกใหม่ๆ แต่พอนั่งเรียบกับพื้น เราก็คล้ายกับพระภิคเนศเพราะมีสายเหมือนงวงช้าง กรรมอะไรก็ไม่รู้ ที่รู้จักสร้างสรรค์ปั้นแต่งดีนักนี่

 

ผมรู้ตัวเองว่าผมมีอาการของมะเร็งเริ่มแสดงในตัวผมของเช้าวันที่ 15 พฤศจิกายน 2552 ซี่งวันนั้นผมไปเที่ยวกรุงย่างกุ้ง ประเมศพม่า เพราะผมสังเกตตัวเองว่ามีอาการผิดปกติ 2-3 อย่าง เช่น

  1. ถ่ายลมออกมามีกลิ่นที่ไม่เคยได้รับ
  2. มีอาการปวดที่เอวด้านหลัง ซึ่งคล้ายๆ กับคราวก่อน
  3. ในท้องมีการเคลื่อนไหวของลม แต่เป็นก้อนๆ ในขณะที่มีการเคลื่อนไหว

เมื่อผมกลับถึงพัทลุงในวันนั้นแล้วผมป่วย 2-3 วัน ผมมารู้ชัดว่าตัวเองเป็นมะเร็งแล้ว เพราะคืนหนึ่งประมาณวันที่ 18 ก.พ. 53 ผมนอนคลำท้องตัวเองก็พบว่า ในช่องท้องด้านขวามีก้อนโตพอสมควรวันที่ 25 ก.พ. 53 ไปพบหมอพงษ์เทพตามนัด เพราะผมคุณหมนัดไว้ปีละ 1 ครั้ง บอกคุณหมอ คุณหมอคลำดูก็บอกว่าใช่ คุณหมอบอกว่าน่าจะมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ส่วนผมแย้งคุณหมอว่าไม่ใช่ หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการค้นหา ซึ่งค้นหากันอยู่ 4 เดือนจึงรู้ว่าเป็นมะเร็งที่ตับอ่อน

เมื่อทราบว่าผมเป็นมะเร็งตับอ่อนแน่นอน คุณหมอก็ให้กลับบ้านได้ เมื่อผมได้กลับบ้านในวันที่  19 มิ.ย. 53 แล้ว แต่ในวันที่ 23 มิ.ย. 53 ผมต้องไปพบคุณหมอทางรังสีรักษาเพื่อนัดเวลาทำการฉายแสงต่อไป เมื่อได้เวลานัดทางรังสีรักษาแล้ว ก็กลับมาพบคุณหมอคนเดิมพาไปพบอาจารย์หน่วยเคมีบำบัดเพื่อวางแผนการให้เคมีบำบัดต่อไป เมื่อคุณหมอตรวจเสร็จ ก็สั่งให้ผมรับเคมีบำบัดในศูนย์ให้เคมีบำบัดตั้งแต่วันนั้น ผมกลับบ้านได้ประมาณ 6 โมงเย็นทางศูนย์ให้เคมีบำบัดก็นัดให้ผมไปรับเคมีบำบัดในวันที่ 30 มิ.ย. คุณหมอได้ให้นัดให้ไปเจาะเลือดในอีก 7 วันข้างหน้า แต่ผลเลือดในนัดนี้เม็ดเลือดขาวเหลืออยู่ประมาณ 2,000 คุณหมอจึงงดการรับเคมีบำบัดไว้ชั่วคราว

ความทรมานที่เกิดจากการบำบัดรักษา

  1. จากเคมีบำบัด ยาเคมีบำบัดตัวนี้ให้ผลข้างเคียงน้อยมาก เพียงผมขนร่วงเล็กน้อย ไม่แพ้เหมือนเคมีบำบัดของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่จะกดเม็ดเลือดขาวเท่านั้น
  2. การฉายแสง ผมรับแสงทั้งหมด 25 แสง + การให้เคมีบำบัด ซึ่งมีผลทำให้เกิดความทรมานพอสมควร

ผมมีความคิดว่าการเดินทางไปกลับในการไปรับแสงนั้นผมจะช่วยเหลือตัวเอง คือไปรถโดยสารประจำทางพัทลุง-หาดใหญ่คนเดียว แต่ที่ไหนได้เมื่อรับแสงวันที่ 4 แล้วเดินทางกลับบ้าน นั่งอยู่บนรถผมรู้สึกว่าผมทรมานมาก จะอ้วกก็ไม่ใช่ เสียดท้องผอืด ผมบอกไม่ถูกจึงรีบโทรให้ลูกรีบไปรับที่คิวรถ หลังจากนั้นแล้วความทรมานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือ

-          อาหารหลักลงท้องไม่ได้

-          ปวดท้อง, อ้วก

-          สะอึกตลอดเวลา บางครั้ง 1วัน ครึ่งวันบ้าง 1 คืนกับครึ่งวันบ้าง

อาการเหล่านี้เป็นอยู่จนถึง 14 ก.ย. 53

วันที่ 9 ก.ย. ไปตามหมอทางเดินอาหารและตับนัด เพื่อเปลี่ยนสายท่อน้ำดีที่ทำบายพาสไว้ วันนี้ลูกปอก็มาพบหมอและอาจารย์คณะพยาบาลซึ่งเป็นอาจารย์ของเขา เขาเข้าใจวิธีบำบัดของหมอดี คุณหมออธิบายว่า สาเหตุมาจากตับอ่อนและตับ แต่ขณะนี้กลับมามีปัญหาอยู่ที่ลำไส้ 4 จุด ซึ่งเป็นจุดที่เคยทำให้ถ่ายออกมาเป็นเลือดแล้ว

ต่อไปขั้นตอนการบำบัดขึ้นอยู่กับการวางแผนของหมอหน่วยเคมีบำบัด ซึ่งจะในวันที 15 ก.ย.นี้

วันนี้ลูกเห็นว่าพ่อเพลียมาก จึงขอคำปรึกษาและคำแนะนำว่าให้อาหารทางสายยางดีหรือไม่ เมื่อรู้สึกก็ปรากฎว่ามีสายออกมาทางจมูกเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่เป็นไรเพราะเรายอมรับแล้ว แต่พอนึกถึงภาพตัวเอง เราก็เหมือนลูกวัวที่เพิ่งเจาะจมูกใหม่ๆ แต่พอนั่งเรียบกับพื้น เราก็คล้ายกับพระภิคเนศเพราะมีสายเหมือนงวงช้าง กรรมอะไรก็ไม่รู้ ที่รู้จักสร้างสรรค์ปั้นแต่งดีนักนี่ เพราะวิบากกรรมชนิดหนึ่ง อาจเป็นกรรมจากเผ่าพันธ์ก็ได้ เพราะพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า มนุษย์มีกรรมเป็นของตน มนุษย์มีกรรมเผ่าพันธ์ กลับถึงบ้านมีพยาบาลและหลายๆ คนมาช่วยเหลือในการให้อาหารทางสายยาง

หมายเลขบันทึก: 466612เขียนเมื่อ 30 ตุลาคม 2011 11:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 21:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท