ข้อคิดข้อเขียน เพื่อธรรมชาติธรรม


อยู่เหนือกฏธรรมชาติความพินาศตามมา

    

 

        รักเพื่อนมนุษย์ คลิกที่นี่สู่เว็บไซต์ทันที

        http://www.nature-dhrama.com

 

                                     การอยู่เหนือกฎธรรมชาติความพินาศตามมา

             ท่านพระพุทธทาส ชี้ไว้ชัดเจนว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า มีเพียง 4 เรื่อง ซึ่งทั้ง 4เรื่องนี้เป็นตัวธรรมะ หรือความหมายของธรรมะ 4 เรื่องดังกล่าวคือ
                      เรื่องธรรมชาติ
                      เรื่องกฎของธรรมชาติ
                      เรื่องหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ
                      เรื่องผลที่เกิดมาจากหน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ

             ทั้ง 4 ประการนี้มีความสำคัญอยู่ที่ความหมายที่3เรื่องหน้าที่ตามกฎธรรมชาติท่านพระพุทธทาสได้กล่าวเสริมเรื่องนี้ว่า "พระพุทธเจ้าท่านจึงได้บัญญัติธรรมะไว้มากมายที่เรียกว่า84,000ธรรมขันธ์หรืออะไรก็ตามทีเถิดแต่รวมแล้วทรงมุ่งหมายจะแสดงหน้าที่ว่ามนุษย์จะต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไร"

              จะเห็นว่าข้อธรรมทั้งปวงที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ล้วนแต่ให้มนุษย์ปฏิบัติตามกฎของธรรมชาติให้ถูกต้อง ไม่อยู่เหนือกฎของธรรมชาติ หากอยู่เหนือกฎธรรมชาติก็จะเกิดความทุกข์ คือไม่เกิดความสันติสุขอย่างแท้จริงต่อมวลมนุษยชาติ อย่างที่ปรากฏประจักษ์ในปัจจุบันนี้ มนุษย์อยู่กันอย่างวุ่นวาย และยิ่งทวีขึ้นตามลำดับ ก็เพราะมนุษย์อยู่เหนือกฎธรรมชาติ
        ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ชาวตะวันตกเองยอมรับในหลักคำสอน โดยปรากฏในการกล่าวอ้างของบุคคลสำคัญที่สังคมยอมรับว่าเป็นปราชญ์หลายต่อหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอสไต น์กล่าวให้ชาวโลกรู้เป็นนัยว่า "ศาสนาพุทธเป็นศาสนาสากล" ชาวตะวันออกน่าจะมีความภาคภูมิใจที่ศาสนาสากลเกิดขึ้นในแดนของตน โดยเฉพาะเมืองไทยที่ถือว่าเป็นดินแดนแห่งพุทธศาสนา จากที่ศาสนามาเจริญรุ่งเรือง และเป็นศาสนาประจำชาติ เราน่าจะศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้า แล้วนำมาใช้ปฏิบัติให้เป็นแม่แบบการอยู่ร่วมของมวลมนุษยชาติ โดยยึดหลักแก่นแท้ที่พระพุทธเจ้าได้ชี้ตัวธรรมะ 4 เรื่องใหญ่ ดังที่กล่าวไว้ตอนต้น
         ท่านพระพุทธทาสถือเป็นแบบของพระสงฆ์อย่างแท้จริง เพราะท่านทำหน้าที่ของพระสงฆ์ตามเจตนารมณ์ ของพระพุทธเจ้า คือเป็นผู้เผยแผ่ธรรมะของพระพุทธองค์ ก็สมแล้วที่ท่านตั้งชื่อของท่านว่า "พุทธทาส" ซึ่งหมายถึง ผู้รับใช้พระพุทธ

               ธรรมะที่ท่านพระพุทธทาสได้แสดงแก่พุทธศาสนิกชนล้วนแต่นำข้อธรรมะหลากหลาย ในทุกแง่ ทุกมุม ทุกสถานการณ์ เพื่อชี้ให้เห็นเป็นรูปธรรมในเรื่องทั้ง 4 เรื่องดังกล่าว ตามที่พระพุทธเจ้ามุ่งสอนให้คนได้เข้าถึงเรื่องนี้

               ท่านพระพุทธทาสกล่าวไว้ในเรื่อง "ศาสนาพระศรีอาริย์ ไม่ใช่เรื่องละเมอเพ้อฝัน" ว่า "...........เรื่องไม่มีโจรไม่มีขโมย ทำบ้านเรือนไม่ต้องปิดประตูนี่เป็นเรื่องที่กล่าวไว้ในคัมภีร์ ว่าจะมีต่อยุคพระศรีอาริย์ แต่ที่น่าประหลาดที่ว่าในบันทึกบางเรื่องทางโบราณคดี ที่ชาวอาหรับได้มาบันทึกไว้ ทางบ้านเมืองแถบนี้ คืออาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งพวกอาหรับเรียกว่า อาณาจักรซาบาก ซึ่งประมาณสักกว่าพันปีมานี้เอง ในบันทึกของชนอาหรับเหล่านั้น ......."
        จากที่ท่านพระพุทธทาสกล่าวไว้ คล้ายความจริงจะปรากฏในเรื่องนี้ และเมืองไทยนี้เองที่จะนำการเมืองแบบ "ธัมมิกสังคมนิยม" มาใช้ (ระบบการเมืองแบบธัมมิกสังคมนิยมเป็นหลักเดียวกันกับศาสนาพระศรีอาริย์) ถ้าเป็นอย่างนี้จริง ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน ที่ท่านพระพุทธทาสนำธรรมอย่างหลากแสดงธรรมะต่อพุทธศาสนิกชน รวมไปถึง "ธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลกด้วย" ช่วยสนับสนุนให้เกิดความเป็นจริง สาธุ....

                นี่คือหลักธรรมะของพระพุทธเจ้า ( 4 เรื่องหลัก) ที่ต้องการให้พุทธบริษัทเข้าถึง และนำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน หากแต่มนุษย์เราเป็นสัตว์ฉลาด ความฉลาดนี้เองที่ทำให้มนุษย์อยู่เหนือกฎธรรมชาติ และสิ่งที่ตามมาคือความหายนะของมนุษย์เราเอง

                สัตว์ทั่ว ๆ ไปมีวิถีชีวิตไปตามกฎธรรมชาติ ที่เป็นเช่นนี้เพราะสัตว์ไม่มีความฉลาด การดำเนินชีวิตไปตามธรรมชาติ ตามลักษณะอุปนิสัยของมันเช่นนี้ถือว่าไม่อยู่เหนือกกธรรมชาติ มันจะมีการเบียดเบียนกันบ้าง ก็เป็นเพียงวิสัยธรรมดา ที่ธรรมชาติไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากนัก หมายถึงธรรมชาติที่แวดล้อมด้วยกันรับได้

                การอยู่ของสัตว์ตามธรรมชาติเป็นการอยู่ในลักษณะถ้อยที ถ้อยอาศัย กล่าวคือสัตว์บางชนิดกินพืช เมื่อสัตว์เหล่านั้นตาย พืชก็กินสัตว์ต่อหมุนเวียนกันไป สัตว์บางชนิดกินสัตว์ด้วยกัน แต่การทำเช่นนั้นอาจจะไปเข้าเรื่องสมดุลทางธรรมชาติ เช่น นกกินหนอนทำให้หนอนลดปริมาณ ปริมาณหนอนน้อยลงการทำลายพืชพันธ์ก็ลดลง นี่ก็น่าจะเข้าเรื่องความสมดุลทางธรรมชาติ เรื่องอื่น ๆ ในลักษณะนี้ก็ยังมีอีกมาก

                การอยู่ตามกฎธรรมชาติในลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัย ล้วนแต่ไม่ทำให้ธรรมชาติขาดดุล การขาดดุลทางธรรมชาติล้วนมาจากฝีมือของมนุษย์แทบทั้งสิ้น

                ขอยกตัวอย่างในเรื่องไม่อยู่เหนือกฎธรรมชาติเสริมให้เห็นเป็นรูปธรรม คือเรื่องการดำเนินชีวิตของไก่ป่า พอพลบค่ำไก่จะขึ้นคอนเพื่อเตรียมตัวนอนอย่างตรงเวลา ตอนหัวรุ่งไก่จะส่งเสียงขันเซ็งแซ่ตามเวลา (เพราะอาจจะนอนเต็มตื่น นอนเพียงพอ) หลังจากนั้นต่างลงจากคอนเพื่อหาอาหาร เมื่ออิ่มอาจจะหาร่มเงาไม้ ใต้พุ่มไม้เพื่อนอนพักผ่อน หากหิวขึ้นมาก็ออกไปหากินต่อ พอพลบค่ำก็รีบขึ้นคอน หมุนเวียนอย่างนี้จนชั่วชีวิต นี่คือการดำรงชีพตามกฎธรรมชาติ

                มนุษย์ผู้อ้างตัวว่าเป็นสัตว์ฉลาด (ความจริงโง่..โง่ด้านธรรมะ) ซึ่งมีมันสมองทางด้านคิดค้นเป็นพิเศษ เนื่องจากสมองโตกว่าสัตว์ มนุษย์ฉลาดในทางด้านประดิษฐ์ค้นคว้า แต่โง่ในเรื่องการนำสิ่งประดิษฐ์มาใช้ ล้วนแต่นำสิ่งประดิษฐ์มาใช้ให้เกิดการอยู่เหนือกฎธรรมชาติแทบทั้งสิ้น จึงเป็นพิษเป็นภัยต่อธรรมชาติ

                  อันที่จริงธรรมะ (ยึดเอาศาสนาสากล) เกิดก่อนวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ ถ้ามนุษย์อิ่มธรรมะอย่างสมบูรณ์ วิทยาศาสตร์จะถูกใช้ไปตามกำธรรมชาติมากขึ้น ที่พระพุทธทาสกล่าวไว้ได้ตรงมาก ๆ จากหนังสือธรรมโฆษณ์ ตอน อันตรายจากวัฒนธรรมตะวันตกแห่งยุคปัจจุบัน คือ " .....ตะวันตกตรงข้ามจากตะวันออก โดยเฉพาะยุคปัจจุบัน ตะวันตกเป็นเรื่องวัตถุ ตะวันออกเป็นเรื่องจิต หรือ วิญญาณ" เหตุที่ผู้สร้างวิทยาศาสตร์อยู่บนรากฐานของเรื่องวัตถุ แม้ที่เกี่ยวกับจิต ก็จิตที่อยู่ใต้อำนาจวัตถุ เมื่อวัตถุนิยมถูกเผยแพร่มาสู่ตะวันออก ธรรมะก็เริ่มจางลงจากใจ

                  ยิ่งการรุกร้าวด้วยกลวิธีอันแยบยลของเหลือบยุงด้านธุรกิจ ก็ทำให้โลภ หลงไปตามกัน ธรรมะยิ่งห่างไกลไปสุดกู่ ผลประโยชน์ทั้งปวงเป็นตัวเร่งการเอารัดเอาเปรียบ เพิ่มวิธีการเบียดเบียนกันเต็มรูปแบบ รัฐบาลทุกประเทศมุ่งกันแต่กำไรขาดทุน มุ่งกันแต่เรื่องค้าเรื่องขาย มีแต่เรื่องวุ่นวายเป็นรายวันวุ่นไปทั้งโลก มนุษย์เหนื่อยทั้งใจ และกาย ตลอดชีวิตที่เกิดมา เพราะอยู่เหนือกฎธรรมชาติ ขอย้อนถามเพื่อเป็นคำตอบที่ดีในเรื่องนี้ "ไก่ป่าที่อยู่ตามกฎธรรมชาติ มีความวุ่นวาย เดือดร้อนเหมือมนุษย์ หรือไม่"

                  จริง ๆ มนุษย์น่าจะขึ้นนอนเมื่อยามพลบค่ำ พร้อมกับไก่ และสัตว์ อื่น ๆ แต่ขอถามว่า "ได้นอนอย่างที่สัตว์หลายชนิดปฏิบัติหรือไม่" ไม่... คนบางกลุ่มยังทำงานนอกเวลาที่โรงงานอุตสาหกรรม คนบางกลุ่มยังขับรถส่งสินค้า คนบางกลุ่มยังนั่งดื่มในร้านอาหาร คนบางกลุ่มยังออกไปทำประมง คนบางกลุ่มยังเฝ้ายาม คนบางกลุ่มยังเตรียมของขายตอนเช้า คนบางกลุ่ม ...ฯลฯ จริง ๆ ขอให้มีเท่านี้พอ "คนบางกลุ่มเฝ้าดูแลผู้ป่วย"

                  หลายคนอาจจะแย้งว่านี่ถ้าไม่ทำอะไรแล้วจะเอาอะไรกิน ก็ขอย้อนถามว่า ท่านทำแต่พอกิน หรือท่านทำเกินพอกิน หลายคนอาจจะถามว่าไก่มันเพียงแต่หากินไปวัน ๆ ก็พอ เพราะไก่มันไม่ต้องนุ่งผ้า ไก่มันไม่ต้องไปหาหมอ ก็ขอย้อนถามอีกว่าท่านทอหูกเหมือนคนสมัยก่อนได้ไหม นี่ที่นำคำถาม คำตอบมาเป็นแนว ก็เพื่อให้เห็นว่า เมื่อเราตั้งใจจะอยู่ตามความพอดี อยู่ตามวิถีชีวิตที่ไม่อยู่เหนือกกธรรมชาติเราก็อยู่ได้ และอยู่ดีด้วยเพราะเรามีความรู้ทางด้านวิทยาการสมัยใหม่ เรามีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มากขึ้น

                   การนำความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาปรับใช้ให้ถูกต้อง กลมกลืน ควบคู่กันไป ตามแนวหลักการอยู่อย่างพอดี อยู่อย่างพอเพียง ไม่ให้เลยกฎเกณฑ์ธรรมชาติ นั้นคือความฉลาดของมนุษย์ มนุษย์ในสังคมมีงานที่จะทำกันไม่หยุดยั้ง โดยนำเรื่องวิทยาศาสตร์ มาแก้ปัญหา มาสนับสนุน

                  ถึงแม้เราจะอยู่ร่วมตามวิถีธรรมชาติย่อมมีอุปสรรคตามมามากมาย ด้วยเหตุประชากรโลกเพิ่มขึ้น มลพิษบางส่วนเพิ่มขึ้น เชื้อโรคพัฒนาขึ้น ที่ทำกินน้อยขึ้น หรืออื่น ๆ อีก เรานำวิทยาศาสตร์มาช่วยในเรื่องเหล่านี้ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก คงมีมากหลายเรื่อง เฉพาะเรื่องนี้ก็วุ่นวายมากแล้ว ไม่ต้องไปวุ่นวายกับการแข่งขันด้านธุรกิจ การมุ่งแต่จะเอาวัตถุ เอาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มา ศึกษา ค้นคว้า วิจัย ในเรื่องการอยู่ร่วมของมนุษย์ ในทุก ๆ ด้านก็ไม่หวาดไม่ไหว

                  ภาวะโลกร้อนปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลต่อการละลายของน้ำแข็งในขั้วโลกก็ดี อาการร้อนอบอ้าวมากขึ้นก็ดี นับเป็นปัญหาที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะผลกระทบ หรือผลใกล้เคียงอื่น ๆ ตามมามากมาย เช่น กระแสน้ำที่เปลี่ยนไป ฝนฟ้าที่เปลี่ยนไป ทิศทางลมที่เปลี่ยนไป ความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น

สารพิษที่เพิ่มปริมาณทั้งในน้ำ ในดิน ลุกลามไปพืชผักที่บริโภค พิษที่รับจากในดินเดิม และที่เพิ่มให้ตอนปลูกอีก สารพิษลุกลามไปถึงสัตว์น้ำที่บริโภค ปลาทะเลที่มีสารตะกั่วตกค้าง หรือสารบนเปื้อนอื่น ๆ ที่เราไม่รู้ก็น่าจำมีมากขึ้น

                อากาศที่ไม่บริสุทธิ์ผสมด้วยมลพิษนานาชนิด ควันรถยนต์ ควันจากโรงงาน ฝุ่นต่าง ๆ ฝุ่นนิวเคลียร์ ฝุ่นอะไรต่อมิอะไรที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ยุคบูชาวัตถุ ยุคแข่งขันธุรกิจ ที่เรายังมองไม่เห็น พิสูจน์ไม่ได้ หรือพิสูจน์ได้แต่ปิดบังกันไว้ก็ไม่แน่

               ผู้เขียนเองนึกเรื่องไร้สาระ คือเรื่องที่ยังไม่พิสูจน์ เรื่องที่ไม่ค่อยเอ่ยถึงนั้นคือเรื่องของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ปัจจุบันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในอากาศไม่รู้ว่ามีมากมายเท่าไร มันมีอันตรายหรือไม่ วันใดวันหนึ่งมันเกิดผันผวนขึ้นมาสักอย่าง แล้วจะเกิดอะไรขึ้น

                การอยู่เหนือกฎธรรมชาติของมนุษย์มีผลกระทบที่น่าห่วงไม่ใช้น้อยอีกเรื่องคือ เรื่องของธรรมชาติที่ถูกทำลาย ที่เขาว่าทรัพย์ในดินสินในน้ำก็พอจะเรียกได้ เพราะธรรมชาติทั้งหมดทั้งปวงมันอยู่ในดิน และน้ำจริง ๆ ต้นไม้ก็อยู่ในดิน แร่ก็อยู่ในดิน ในน้ำ
น้ำมันก็อยู่ในดินในน้ำ ฯลฯ ธรรมชาติเหล่านี้ถูกนำมาใช้อย่างเกินความจำเป็น เพราะเรามาคิดค้าคิดขาย คิดเอาทรัพย์สิน เงินทอง คิดแต่จะครองธรรมชาติเหล่านี้ให้มากที่สุด เพราะมันทำเงินทำทองได้ แย่งกันเป็นเจ้าของ แบ่งกันเอามาทำประโยชน์มันก็ถูกทำลายอย่างไม่หยุดยั้ง ผลกระทบที่ตามมาคือระบบนิเวศน์ถูกทำลาย ผลข้างเคียงอื่น ๆ ก็ตามมาเช่นกันซึงสิ่งเหล่านั้นล้วนแต่สร้างความเดือดร้อนให้มนุษย์ทั้งสิ้น

                มนุษย์ควรศึกษาหัวใจของพุทธศาสนาให้ถ่องแท้ นำข้อคิดต่าง ๆ ทีนำเสนอสนับสนุน แล้วจะเห็นความจริงของ ศาสนาพระศรีอาริย์ จากนั้นชาวประชารากหญ้าทั้งหลายหันมาสนับสนุนแนวนโยบายการเมืองที่เป็น "ธัมมิกสังคมนิยม" การดำรงชีพไม่เหนือกฎธรรมชาติก็เกิดขึ้น มวลมนุษยชาติก็จะพบกับความสันติสุขช่วยนิรันดร์



หมายเลขบันทึก: 466533เขียนเมื่อ 29 ตุลาคม 2011 12:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม 2012 19:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีครับ คุณประทีป

ถึงบันทึกนี้แม้จะยาว แต่อ่านแล้วเพลินในธรรมจริงๆ

สวัสดีคุณพิชัย ขอบคุณกำลังใจครับ

สวัสดีค่ะคุณครูประทีป

  • ทุกวันนี้คนเราต้องหันมาศึกษาธรรมะกันอย่างจริงจังแล้วเนาะ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วชีวิตคงหาความสุขไม่ได้ เพราะโลกนี้วุ่นวายเหลือเกิน

สวัสดี คุณ มนัสดา จริง ๆ ครับ ผมเชื่อว่าออกมาจากใจ เป็นพระคุณยิ่งครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท