บางครั้งวิกฤติก็ทำให้เกิดเรื่องดีๆ ตามมาอีกมากมายนับไม่ถ้วน เหมือนกัน ระยะแรกที่ลุ้นน้ำท่วมก็ตื่นเต้น คอยติดตามถ่ายภาพตามจุดต่างๆ ของนครสวรรค์ไปลงไว้ที่ face book แล้วก็กลับมาคุยกัน ...มีเรื่องเดียวที่คุยกันตลอดเวลาของคนนครสวรรค์
พอน้ำท่วมก็ยังคุยกัน ต่อถึงการดูแลตัวเอง การที่จะช่วยเหลือกันได้อย่างไรบ้าง คนแถวบ้านจากที่ไม่รู้จัก ก็ยิ้มกัน ทักทายกัน บอกข่าวต่อๆกันว่าได้ถุงยังชีพรึยัง วันนั้นวันนี้เค้าจะมาแจกเงิน วันนี้จะมาแจกถุงยังชีพกันนะ ก็เอิ้นกันตลอด แซวกันบ้างอะไรกันบ้าง คลายเครียดกันไป
จากปากเสียงที่หลากหลายของคนในหมู่บ้าน ก็ปรากฏว่ามีการช่วยเหลือเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ ต้องบอกว่าความโชคดีของคนพยุหะที่มีทีมเทศบาลที่เข้มแข็ง ก็เลยได้สะพานเดินตลอดแนวทีละน้อยๆ จนเต็มพื้นที่ สุดท้ายก็กลายเป็นสะพานน้ำใจ เพราะเวลาเดินเราต้องเลี่ยงหลบกัน และมีเรือเทศบาลดูแลรับส่งฟรีทุกวัน และมีการให้บริการเก็บขยะด้วย น้ำเลยสกปรกไม่มากนัก แล้วน้ำไฟปกติ เลยไม่มีปัญหามากนัก
แล้ววิกฤติเฉพาะบ้านเราที่มีหลายเหตุการณ์วุ่นวายมาก เดิมทีลูกไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะเราไม่ได้ดึงเข้ามาในเหตุการณ์ ชวนไปดูสถานการณ์น้ำท่วมก็ไม่ไป ก็เลยไม่รู้ถึงความวุ่นวายภายนอก เพราะในบ้านพักของรพ.สบายมาก
พอพ่อเกิดอุบัติเหตุ ก็เลยได้ออกไปเห็นภาพรถทหารวิ่งให้วุ่นวายรับส่งให้บริการประชาชน แล้วก็มีรถตู้โดยสารมาจอดให้บริการหน้ารพ. สะพานเดชาก็ข้ามไม่ได้ ตลาดก็มีที่ให้ซื้อแหล่งเดียวที่หนองปลิงใกล้ๆ สถานีรถไฟที่น้ำไม่ท่วมคนเดินกันเต็มไปหมด ร้านสะดวกซื้อต่างๆ ไม่มีของขาย ATM กดเงินไม่ได้ ห้อง ER ก็เดี๋ยวมาส่งคนไข้อีกแล้ว ซักพักก็ปั้มๆๆๆ แล้วก็ pac เก็บเพราะลาโลกไปแล้ว ดูแล้วสลดใจ พ่อตัวเองที่ป่วยก็ต้องมานอนรพ.ห้องรวมที่แออัดอย่างหนัก นอนๆไปก็มีเพื่อนข้างเตียงอุบัติเหตุมาอีกแล้ว ลูกก็ลุกไปนั่งดูตอนตี 2 ไม่รู้จักหวาดเสียว แถมช่วงนั้นน้าเขยที่ป่วยอยู่แล้วก็มีปัญหาแทรกซ้อนอีก เป็น pneumonia แล้วก็มีแผล bedsore อีกก็ได้คนรู้จักหลายคนช่วยอุ้มลงเรือ แบกขึ้นรถมาส่งรพ.นอนรักษากัน 3 วัน ช่วงนั้นเลยเป็นคนเดียวที่ขับรถได้และแข็งแรงที่สุด เช้าตี 5 ตื่นมาเช็ดตัวสามี เปลี่ยนผ้าปูที่นอนตามปกติของรพ. ดูแลให้กินอาหารเสร็จ ก็ไปรับแม่กับน้าสาวที่มาเฝ้าน้าเขยอยู่อีกตึกนึงกลับมาอาบน้ำที่บ้านเวียนกันทีละคน เพาะต้องมีคนอยู่กับน้าเขยตลอดเพราะแกหลงๆ นิดๆ จะกลับบ้านตลอด ก็ขับรถกันมันส์ไปเลยเช้าเย็น ดีที่ว่ารพ.แม่และเด็กที่พักอยู่ รั้วติดกันกับรพ.ค่ายจิรประวัติที่ไปนอนรักษาตัวกันอยู่ กลางคืนก็คลานเข้าไปนอนใต้เตียงสามีกัน 2 คนแม่ลูก (เราเรียกว่าชั้นใต้ดิน เพราะเตียงสูงแค่ประมาณ 1 ฟุตกว่าๆ)
ยังๆ ความยุ่งยังไม่หมด หลานของเพื่อนสนิทแม่ถึงกำหนดให้เลือด ตามกำหนดของการรักษาธาลัสซีเมียอีก ก็ติดต่อขั้นตอนการรักษาอีก ก็จองเลือดไว้ก่อน 2 ถุงเพราะเลือดหายาก ดีว่ามีที่รพ. 1 ถุง มีที่รพ.ค่ายอีก 1 ถุง แล้วก็ต้องให้นั่งรถทหารไปที่ศูนย์เครื่องมือกล ที่รพ.สปร.ไปตั้งจุดให้บริการชั่วคราว พบแพทย์ที่นัดรักษา แล้วก็ย้อนกลับมาให้เลือดที่รพ.แม่และเด็ก แล้วนัดไปรับยาขับธาตุเหล็กหลังรับเลือดที่วัดช่องอีกในวันหลังอีก 2 รอบกว่าจะได้ครบ เพราะยามีน้อยก็ต้องแบ่งปันให้คนอื่นบ้าง
ต้องบอกว่า พอผ่านวิกฤติพวกนี้ ลูกสาวก็มีหน้าที่ตามแต่แม่จะให้จัดการ เช่น ทิ้งขยะ ล้างจาน ตากผ้า เก็บผ้า ดูแลหาอาหารให้พ่อแม่ เย็นมาก็เสียบกาต้มน้ำประคบน้ำอุ่นให้แผลพ่อ เสริฟแปรงสีฟันยาสีฟันให้ก่อนที่ 2 แม่ลูกจะหนีไปนอนสบายบนบ้าน ให้พ่อนอนข้างล่างคนเดียวพร้อมอุปกรณ์ในการปัสสาวะชั่วคราว เพื่อลดการเดินจะได้ไม่ปวดแผล
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นเลยเจอว่าลดการบ่น แล้วเช้ามาจะถามว่าวันนี้ให้ทำอะไรบ้าง แล้วเค้าจะตั้งปลุกตัวเอง บริหารเวลาเอง เช้ามีน้องๆมาหาก็ไปเล่นกันแถวบ้าน แล้วพอเย็นๆ หน่อยก็จะกลับมาทำหน้าที่ บางวันน้องๆ ก็ช่วยกัน
ขอบคุณค่ะและดีใจที่วิกฤติน้ำท่วม ส่งผลกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว และความเข้มแข็งในการดำเนินชีวิต ซึ่งหวังว่า จะเป็นการปรับความสมดุลแห่งความสุขกลับมาสู้ธรรมชาติที่ควรจะเป็นนะคะ..
เห็นน้ำท่วม แล้วก็จะเห็นน้ำใจตามมาค่ะ น้ำมาเดี๋ยวก็ไป แต่น้ำใจอยากให้อยู่ตลอดไปและช่วยล้างสีต่างๆ ออกไปด้วย นะสาธุ