ช่วงน้ำท่วม ระวังผิวไหม้จากแสงแดด


ขณะลงไปช่วยชาวบ้านในพื้นที่ พบว่าชาวบ้านที่ประสบอุทกภัย ส่วนหนึ่งมีผิวไหม้เกรียม บางคนบ่นแสบปวดร้อน

 ช่วงนี้สมสุขและสุขใจ หลีกน้ำท่วมไปต่างจังหวัดเรียบร้อยแล้ว  แต่ก่อนไป ก็ยังเป็นห่วงและได้ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องที่ยังอยู่ในพื่นที่น้ำท่วมทุกคน เรื่องราวเป็นอย่างไร ติดตามอ่านรายละเอียดได้นะครับ 


 สมสุขและสุขใจซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญ ถ้าจำได้ทั้งสองคนได้เข้าร่วมโครงการเกษียณอายุก่อนเวลา จึงมีเวลาว่างพอควร และไ้ด้ไปช่วยกันบรรจุของอุปโภคบริโภคลงถุงยังชีพอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ และยังไ้ด้ไปช่วยกันแจกถุงดังกล่าวที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยรถจีเอ็มซีของทหารและเข้าพื้นที่เป้าหมายโดยทางเรือ  จากการสังเกตของทั้งสองคนขณะลงไปช่วยชาวบ้านในพื้นที่  พบว่าชาวบ้านที่ประสบอุทกภัย ส่วนหนึ่งมีผิวไหม้เกรียม บางคนบ่นแสบปวดร้อน ลักษณะเหมือนผิวหนังของคนที่เล่นน้ำสงกรานต์กลางแดด สุขใจเลยส่งข่าวนี้มาให้ทราบและสงสัยว่าจะช่วยชาวบ้านให้หลีกเลี่่ยงภาวะผิวไหม้ดังกล่าวนี้ได้อย่างไร


 แหม...ก็ต้องขอบพระคุณทั้งสองคนนะครับ ขนาดจะหนีน้ำไปเที่ยว ยังเป็นห่วงและที่สำคัญคือ ได้ฝากการบ้านเอาไว้ให้ช่วยชาวบ้านด้วย


 ก็คงต้องรีบตอบนะครับ


 ช่วงนี้ถ้าสังเกตจะพบว่า แดดในช่วงกลางวันค่อนข้างแรง และคาดว่าถ้ายิ่งเข้าฤดูหนาวแล้ว แดดในช่วงสายๆ ถึงกลางวัน จะยิ่งแรงมากขึ้น นึกภาพว่าในสภาวะที่มีน้ำท่วมในระดับที่ค่อนข้างสูง ชาวบ้านบางคนต้องอาศัยอยู่บนหลังคา บ้างต้องสัญจรไปมาโดยทางรถและเรือ บ้างก็ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน และเท่าที่สังเกตมีส่วนน้อยที่ใส่หมวกหรือกางร่มกัน ก็มีโอกาสจะพบอาการของผิวหนังโดนแดดเผา ที่เรียกว่าอาการผิวไหม้จากแดดหรือผิวเกรียมจากแสงแดด อาการนี้จะยิ่งเป็นมากขึ้นถ้าโดนแดดอยู่หลายวันครับ ภาวะนี้เรียกเป็นภาษาต่างประเทศว่า Sun burn ซึ่งแปลตามตัวอักษรว่า ผิวไหม้จากแสงแดด

อ้อ...อย่าลืมนะครับว่าในช่วงกลางวัน ถ้าอยู่กลางแจ้ง ถึงจะไม่มีแสงแดด ก็เกิดภาวะนี้ได้ ถ้าสนใจให้ลองอ่านในตอนก่อนๆ นะครับ โดยคลิกที่นี่


 ร่างกายของคนเราก็มีการปรับตัวโดยการมีสีผิวที่เข้มขึ้น แต่ในบางรายผิวหนังจะลอกแสบและทั้งคัน ทั้งเจ็บปวดที่ผิวหนังได้

 จะให้ดี การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการหลีกเลี่ยงแสงแดด  แต่ถ้าหาที่หลบไม่ได้เลย ก็หาหมวกหรือผ้าคลุมบริเวณใบหน้าและสวมใส่เสื้อแขนยาว ก็พอช่วยได้มากครับ  บางคนที่พอหาครีมกันแดดได้ก็ให้ทาครีมดังกล่าวโดยทาก่อนออกแดดประมาณสิบห้านาที ก็พอช่วยได้ครับ


 ในผู้ที่มีผิวหนังไหม้เกรียมจากแดด ลองทาด้วยครีมหรือโลชั่นในบริเวณดังกล่าว และถ้าให้ดีลองทาด้วยยาสตีรอยด์ครีมวันละสองครั้งเป็นอย่างน้อย ก็พอจะช่วยให้อาการทุเลาได้


 สำหรับสีผิวที่เข้มขึ้นนั้น ใช้เวลาหลายวันกว่าสีผิวจะกลับเป็นปกติครับ


 ก็ต้องขอบพระคุณสมสุขและสุขใจที่ฝากการบ้านนี้ให้ไว้ก่อนไปต่างจังหวัดครับ


 หมอสุข

หมายเลขบันทึก: 466384เขียนเมื่อ 27 ตุลาคม 2011 16:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 ธันวาคม 2014 15:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ช่วงนี้สมสุขและสุขใจหนีน้ำไปเที่ยวแล้ว ก็ตอบและส่งการบ้านมาแล้วนะครับ

 

  • ขอบพระคุณสมสุขและสุขใจที่ห่วงใยพี่น้องร่วมชาติค่ะ
  • ขอให้อยู่ต่างจังหวัดอย่างมีความสุขนะคะ

เพื่อนผมที่เป็นอาสาสมัครก็ผิวไหม้ เหมือนกันครับ เดี๋ยวจะนำไปแนะนำ

คุณหมอมาบอกช้า แง ตอนนี้ผิวดำสนิท เหตุเกิดที่บางบัวทอง

 '''''''''''''''''''

ขอบพระคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านและให้ความเห็นที่มีประโยชน์ครับ

 

  • คุณโสภณ เปียสนิท ที่แนบรูปที่ทันยุคทันสมัย ไม่รู้ว่าในยามที่คับขันนี้ เชือก จานดาวเทียมแดง หรือ เรือพาย อันไหนจะช่วยคุณผู้หญิงในภาพได้มากกว่ากัน
  • คุณธรรมทิพย์ ที่แวะมาอวยพรให้สมสุขและสุขใจครับ
  • คุณบีเวอร์ ที่จะนำเรื่องราวไปบอกเพื่อนที่ผิวไหม้ ขอบพระคุณที่จะนำเรื่องราวไปเป็นประโยชน์ต่อไปครับ
  • และที่แวะมาประจำ คืออาจารย์ขจิต ที่ชอบสอนให้กระซิบข้างหู อาจารย์บอกว่าตอนนี้ผิวดำสนิทกว่าเดิม ก็รอสักพักนะครับอาจารย์ เดี๋ยวสีผิวหนังก็จะค่อยๆ กลับเป็นสีปกติครับ

 

หมอสุข

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท