บทความจากหนังสือพิมพ์แนวหน้าฉบับวันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม 2543 ติดตามอ่านบทความแนวหน้าย้อนหลังได้ที่ลิงก์ข้างล่างนี้ http://www.naewna.com/allnews.asp?ID=97&HL=0&no=1 น้ำท่วมครั้งนี้ เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส |
ต้องยอมรับว่า เหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้มีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศไทยอย่างมาก ประการแรก ถึงแม้ว่าผลกระทบต่อประชาชน 2- 3 ล้านคนตรงๆ แต่ประชาชน 65 ล้านคนทั้งประเทศ ก็ใจจดจ่อต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แสดงความห่วงใยและช่วยเหลือกันเท่าที่ทำได้ แบ่งปันความทุกข์ ทั้งประเทศ เป็นการร่วมพลังที่น่าภูมิใจ อย่างไรก็ตามถ้าจะเรียนรู้จากภัยธรรมชาติอันใหญ่หลวงครั้งนี้ อาจจะมองในมุมที่เป็นจุดดี เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสในหลายๆ เรื่อง * ความพยายามของทุกส่วนของสังคมที่ผนึกกำลังร่วมกัน สร้างความปรองดอง * การเมืองระหว่างฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลคือ อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำงานร่วมกันกับรัฐบาล ซึ่งน่าชมเชยและขอให้ทำแบบนี้ตลอดไป * บทบาทของสถาบันหลักๆ เช่น ศาสนา ผมมีโอกาสไปร่วมการปล่อยคารวานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของคณะวัดสระเกศ นำโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ ผู้ทำหน้าที่แทนพระสังฆราชประสาน ได้เห็นว่าศาสนาก็เป็นเสาหลักของประเทศ ทำนุบำรุงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน * บทบาทของสถาบันทหาร ซึ่งมีทหารช่างทำหน้าที่ได้ดี เพราะทหารยุคใหม่ต้องช่วยความมั่นคงของชาติในมุมมองหลากหลาย ไม่ว่าภัยธรรมชาติ ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม * นักวิชาการ ตัวอย่างเช่น อาจารย์ท่านหนึ่งจากคณะวิศวกรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่พยายามจะแนะนำวิธีการแก้ปัญหาระยะกลางและระยะยาว เช่น ลดการปลูกข้าวนาปีในภาคกลาง แต่ปลูกข้าวนาปรังมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากน้ำท่วม * การร่วมตัวของประชาชนทั่วๆ ไปในฐานะอาสาสมัครกู้ภัยและสนับสนุน * อุ่นใจที่มีพลังร่วมมือแบ่งปันกัน ช่วยเหลือผู้เสียหายเป็นสะพาน (Bridge) วิกฤติครั้งนี้ เป็นการรวมพลังของทุกๆ ส่วนเข้าด้วยกัน ช่วยสร้างความสามัคคีไม่น้อย ขณะเดียวกันก็มีปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วย * ปัญหาแรกก็คือ ความสามารถของผู้นำคือ คุณยิ่งลักษณ์ที่จะแสดงบทบาทในการแก้วิกฤติครั้งนี้ ซึ่งคงจะต้องดูกันต่อไป ว่ามีภาวะผู้นำพอเพียงหรือไม่? ภาพจาก หนังสือพิมพ์ M2F ฉบับวันพุธที่ 12 ตุลาคม 2554 ภาพจากหนังสือพิมพ์เนชั่น ฉบับวันพุธที่ 12 ตุลาคม 2554 * ปัญหาเศรษฐกิจที่จะตามมา เพราะผลกระทบในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โรจนะ ที่ทำให้การส่งออกและ GDP ของประเทศลดลง รวมทั้งการจัดเก็บภาษี จะถูกกระทบด้วยในปีหน้า * ความพยายามของรัฐบาลที่จะไปลดภาษีในหลายๆ ด้าน เพื่อทำตามนโยบายหาเสียง ทำให้ฐานะการเงินของประเทศอาจจะมีความเสี่ยงมากขึ้นในปีหน้า * เรื่องแผนระยะยาวที่จะป้องกันอย่างเป็นรูปธรรมที่ต้องเกิดขึ้น ซึ่งไม่แน่ใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำได้หรือไม่? * สุดท้ายคือ ขวัญ กำลังใจและการเยียวยาความรู้สึกและโรคภัยไข้เจ็บจะตามมา ซึ่งจะต้องทำอย่างต่อเนื่องอีกยาวนาน ผมเกรงว่า พอสภาวะน้ำท่วมผ่านไปทุกๆ คนก็จะลืม และกลับไปสนใจปัญหาใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะสื่อปัจจุบันที่ต้องการเล่นข่าวมากกว่าข่าวสร้างสรรค์ที่เป็นประโยชน์ในระยะยาว นอกจากน้ำท่วมแล้ว คนไทยก็ต้องแบ่งเวลาให้กับปัญหาอื่นๆ ด้วย เช่น ปัญหาของโลกในอนาคตที่กระทบต่อเรามีมากมาย บางเรื่องก็เป็นผลลบ บางเรื่องก็เป็นผลดี ที่อยากจะฝากไว้ เป็นประเด็นสุดท้ายก็คือ การเสียชีวิตของคุณ Steve Job ว่าคนไทยได้บทเรียนอะไร? อย่างน้อยในความเห็นของผมก็คือ บุคคลหนึ่งสามารถใช้ปัญญาของตัวเองเปลี่ยนแปลงโลกได้ ซึ่งทำให้คนไทยอาจจะคิดได้ว่า * ต้องมีทุนมนุษย์เพื่อค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร? มีความสามารถอะไร? ทำวันนี้ให้ดีที่สุด อย่าแบมือขอพึ่งคนอื่นคือ ต้องพึ่งตัวเองและเมื่อตัวเองมีคุณภาพ มีมาตรฐานสูงแล้วก็ช่วยสังคมได้ * บทเรียนที่สองคือ Steve Job ไม่ได้สำเร็จทุกๆ เรื่อง ชีวิตล้มเหลวมากมาย แต่เขาก็เอาชนะอุปสรรคได้ Pain is gain * บทเรียนที่ 3 คือ Steve Job ขาดการดูแลเรื่องสุขภาพ (Health) โรงมะเร็งตับอ่อนมาจากการทำงานหนักเกินไป ไม่ได้พักผ่อน ถึงจะชอบงาน แต่ก็ขาดการเดินสายกลางของทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว * Steve Job เป็นทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้เพราะ ทำงานเป็นทีม ไม่ใช่เก่งคนเดียว เขาไม่ได้จบ แต่บริหารวิศวะเก่งได้ดี * ทีมของเขา เข้าตำราทฤษฎีตัว v ของผมคือ Value Diversity มูลค่าจากความหลากหลาย * สุดท้ายทฤษฎี 2P คือ Steve Job มี Passion คือทำอะไรที่ชื่นชอบ ใจเย็น อดทน และอีก P คือมี patience คนที่มี Passion มักจะใจร้อนเกินไป อยากเห็นความสำเร็จรวดเร็ว Steve Job ทำอะไรอย่างรอบคอบ ระมัดระวังทุกขั้นตอน เอารูปศักยภาพของ Steve Job ที่ได้มาจากหนังสือพิมพ์ Nation ว่า ความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้มาจากการเรียนตามตำรา แต่มาจากการคิดสร้างสรรค์ ทดลองและการตลาดที่ฉลาดเฉลียวครับ คนไทยลองถามตัวเองว่า จะหาความรู้หรือประสบการณ์แบบ Steve Job ได้ที่ไหน? ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ [email protected] www.gotoknow.org/blog/chiraacademy แฟกซ์ 0-2273-0181 |
ไม่มีความเห็น