ผมเขียนบันทึกนี้ก่อนเดินทางไปดูงานที่คิวบาในเรื่อง Primary Health Care และ Family Medicine นับเป็นการเดินทางที่คุ้มค่า พี่ของผมจะรับรู้ไหมหนอว่าสองข้างที่นั่งไปกับผมคือ นพ.ยงยุทธ และ พญ.สุพัตรา เจ้าพ่อเจ้าแม่แห่งวงการ Primary Health Care เมืองไทย...เสียดายข้อเขียนนี้ไม่สามารถส่งพิมพ์ในหนังสือได้ทัน ขอบันทึกไว้ที่นี่ก็แล้วกันครับ เพราะผู้ที่ผมพูดถึงก็ได้เคยแวะเวียนเข้ามาอยู่ในชุมชนนี้พอสมควร อย่างเงียบๆ........
พี่แขก...
ผมไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี วันนี้ผมเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ตามปกติยังเห็นชื่อพี่และ กลุ่มอีกสองกลุ่มที่พี่พยายามสร้างขึ้น “ สถาบันพัฒนาการแพทย์องค์รวมแห่งชาติ และสถาบันวิจัยและพัฒนาการแพทย์ปฐมภูมิแห่งประเทศไทย” ไม่ว่าผมจะคิดหรือทำเรื่องอะไร เป็นเรื่องแปลกที่พี่มักจะเห็นด้วยเสมอมา ความคิดเห็นแตกต่างกันน้อยมาก วันสุดท้ายของเราก็เช่นกัน พี่ก็ยังเป็นครูและเพื่อนร่วมทางผมตลอดวัน ผมยังจำภาพที่พี่ดันหลังผมให้เข้าไปคุยและถ่ายภาพกับอาจารย์หมอประเวศ ที่ผมอิดออดไม่ทำตามพี่เพราะคิดว่า วันหน้ายังมีโอกาสอีกมาก ทั้งๆที่พี่ไม่เคยสอนให้ผมรอเมื่อมีโอกาส ผมรู้ว่าพี่ยอมไปกับผมเพราะเชื่อมั่นในสิ่งที่เราคิดเรื่อง “ถึงเวลาที่คนไทยทุกคนต้องมีหมอประจำตัว”ต้องถูกผลักดันผ่านผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมไทย วันนั้นเราเดินทางกลับอย่างมีความสุขด้วยเห็นว่าที่ประชุมเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว แม้พี่จะบอกว่าเหนื่อยอยู่บ้างแต่ความภูมิใจที่ได้เข้าร่วมงานวันนั้น ผมเห็นแววตาแห่งความหวังและความสุขของพี่ ชีวิตพวกเรากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นงัยพี่ เหมือนอย่างที่เราคุยมาในรถตลอดทาง (แม้บางช่วงเราจะเห็นตรงกันว่ามันเป็นช่วงขาขึ้นก่ายหน้าผาก) เกือบทุกครั้งที่ผมเข้าประชุมที่กรุงเทพฯ เราต้องได้เจอกัน พี่สอนผมให้รู้จักกรุงเทพฯด้วยรถคู่กายเราไปทุกที่ทุกซอกทุกมุมแม้ช่วงมีการชุมนุมพี่ก็พาผมเข้าไปดู พี่ไม่เคยกลัวใครหรือกลัวอะไร ไม่ว่าจะเป็นใครใหญ่แค่ไหน พี่บอกว่าก็คนเหมือนกัน
พี่เป็นนักอ่าน และกระหายการเรียนรู้แม้วันสุดท้ายยังหอบเอกสารกลับบ้านมากมาย ผมไม่แน่ใจว่าพี่ได้อ่านมันหรือปล่าว แต่พี่วิพากษ์วิจารณ์ได้ทุกเรื่อง ตรงไปตรงมาและลึกเกินกว่า สมองเล็กๆอย่างผมจะคาดถึง ผมไม่แปลกใจเลยครับที่พี่จะเป็นคลังสมองให้กับคนอีกหลายคน ใครคิดอะไรไม่ออก แค่โทรหาพี่ทุกอย่างจะเป็นเรื่องง่ายไปหมด พี่ไม่ใช่คนธรรมดาครับ
ปกติตอนเช้าเป็นเวลาพักผ่อนของพี่น้อยครั้งมากที่พี่จะเปิดเครื่องตอนเช้าแต่วันนั้นเรามีนัดกัน เป็นครั้งแรกในหลายรอบปีที่เราพบกันในตอนเช้า พี่พาผมเดินทางตลอดวัน แต่เป็นวันที่เราคุยถึงเกือบทุกคนที่เรารู้จัก ความคิดในมุมบวกของพี่ทำให้ผมพลอยมีความสุขและความหวังไปด้วย จริงๆวันนั้นเราหลงทางลงทางด่วนผิดที่ แต่พี่ก็ไม่ได้หงุดหงิดพาผมไปถึงที่หมายได้ตรงเวลา เราไปกินอาหารที่โรงอาหารศาลายา ยังรำลึกถึงบรรยากาศการเป็นนักศึกษาที่สดใส พี่ยังบอกผมว่าถ้ามีลูกก็อยากให้ลูกไปเรียนที่นั่น พี่ชอบ
วันนี้ผมยังรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงและสิ่งที่พี่เคยบอกเล่าเสมอ....พี่ได้พักผ่อนยาวแล้วครับ ไม่ต้องห่วงข้างหลังอีกต่อไปแล้ว
รักและศรัทธาพี่เสมอ
หมอวัตร
มาให้กำลังใจคะ
แล้วจะมารออ่านเก็บตกแนวคิด ประสบการณ์จากคิวบา นะคะ :-)