จากสองแควแลบางกอกบอกสาวเจ้า


ผ่านสวนจิตรคิดถึงองค์เหนือเกล้า ได้แต่เอามือพนมก้มกราบเศียร พระชนม์ยิ่งยืนนานกาลวนเวียน พรรษาเปลี่ยนหลายร้อยปีที่สราญ

                  นิราศบางกอก (นิราศพิษณุโลก ภาค 2)

                                                          เทวาลี

                                               นิราศร้างห่างเหเสน่ห์เจ้า

ยังไม่เห็นดวงแดแม้แต่เงา               พี่คอยเฝ้าเมียงมองเหมือนมีกรรม

ถึงหนองตมพี่คงจมในตมปลัก           เพราะความรักในตัวเจ้าทั้งเช้าค่ำ

ยากจะถอนจากอนงค์คงจดจำ          พี่คงพร่ำเพ้อหาทุกนาที

ฟ้าเริ่มสางแสงทองส่องเจิดจ้า           หมู่นกกาพากันว่อนอ้อนแสงสี

รับวันใหม่สดใสแสงแห่งสุรีย์             ดูปักษีมีสุขสนุกจัง

เสียงรถไฟดังกึกกักฉึกฉักแล่น           ใจพี่แสนคะนึงถึงความหลัง

เมืองสองแควแลตลาดกาดเช้ายัง        ยามเมื่อครั้งเคยอยู่คู่กัลยา

แต่วันนี้พี่มองหาไม่เห็นเจ้า                แม้แต่เงาเศร้าจิตคิดโหยหา

เมืองอกแตกเหมือนแยกแตกอุรา         ฝากปักษาส่งสารอย่านานเนอ

ถึงพิจิตรคิดถึงจิตพิศวาส                   พี่คลาคลาดพลาดเจ้าเศร้าเสมอ

อีกเมื่อไหร่จะพานพบประสบเจอ          คงพร่ำเพ้อคิดถึงคะนึงครวญ

ถึงหอไกรสงสารใจที่ไกลหอ               เจ้าคงรอรับรักหักกำศรวญ

อยากเคียงคู่อยู่เหย้าเจ้าเนื้อนวล          อย่ากำศรวญครวญเศร้าเปล่าเปลี่ยวใจ

มองทุ่งกว้างว้างเวิ้งเห็นเพิงพัก            ชาวนาปักปลูกกล้าหน้าสดใส

มีความสุขสราญบานตะไท                 กลางพงไพรสดขจีไม่มีจน

บางมูลนาคมากมูลเพิ่มพูนฟัก              ดุจดั่งรักหักจิตคิดเหหน

ใจแม่นาคมากคิดจิตเววน                   รักเหลือล้นพี่มากจากแต่กาย

ถึงชุมแสงแสงทองส่องทั่วหล้า            ดูนภาฟ้าครามยามสายสาย

ตลาดเช้ายังคึกคักผักเรียงราย             การค้าขายชุกชุมในชุมชน

เมื่อรถลาเลื่อนล้อล่วงเลยลับ               ปักษาจับแนวคันนารักษาขน

ต่างเคียงคู่กู่รำร้องคะนองตน                แสนสุขล้นจนอิจฉาปักษามัน

เมื่อรถไฟไหลเลาะลัดวัดกลางทุ่ง          แสงสีพุ่งกระจกแทรกแปลกสีสัน

งามลวดลายสายสร้อยร้อยหน้าบัน         ลายลดหลั่นล้อลมงามสมจริง

เมืองอมรนครสวรรค์หวัง                      จิตบ่ยั้งยังคิดถึงคะนึงหญิง

ดุจอัปสรนอนสวรรค์ฝันเป็นจริง             ฝันเห็นหญิงคนรักพลัดพรากมา

เห็นนางนวลนวลนางกระยางขาว           ทิวแถวยาวขาวปนเขียวเฉี่ยวเวหา

บ้างเกาะกิ่งก้านกุมกลางทุ่งนา               ดูงามตาหาไหนยังไม่มี

ผ่านหนองน้ำน้ำใสในหนองน้ำ               ปทุมคล้ำฉ่ำฝนปนหลากสี

ปทุมน้องเนื้อนวลคนวาปี                      ไม่อยากหนีไปไหนให้ไกลนาง

บ้านตาคลีตาคงตีคลีจนคล่อง               องค์อินทร์ส่องหัสนัยน์ไม่เมินหมาง

ลงมาสอนตีคลีพี่กับนาง                       ไม่อ้างว้างวังเวงวนเวียนตาม

ถึงเมืองเก่าเล่าขานมานานนบ                นามเมืองลพบุรีศรีสยาม

องค์นารายณ์สรรค์สร้างสวยสมนาม         ทุกเขตคามรู้เรื่องเป็นลิง

ศาลพระกาฬนามกระเดื่องเลื่องประวัติ      มีกษัตริย์ล้ำเลิศประเสริฐยิ่ง

ล้วนลวดลายเข้มแข็งแกร่งเกินจริง           แลลูกลิงไล่วนบนศาลา

อยุธยาเมืองเมืองเก่าเราแต่ก่อน               ยังสะท้อนให้คิดมิตรพม่า

ยกทัพล้อมประชิดติดนครา                    เผาพาราวอดวายตายเกลื่อนกรุง

แสนเสียดานเมืองเก่าทำเราแค้น              เสียดายแดนพุทธศาสน์ปราชญ์เรืองรุ่ง

วิทยามากมายภายในกรุง                       พม่ามุ่งผลาญเผาเอาเงินทอง

อนุสรณ์สอนใจไทยทั้งชาติ                    เมื่อใดขาดสามัคคีไพรีผยอง

จงร่วมจิตคิดร่วมใจใฝ่ปรองดอง              เหล่าพี่น้องเลือดไทยให้ใคร่ครวญ

บางปะอินถิ่นสถานโบราณเลื่อง              นามกระเดื่องราชวังตั้งในสวน

ศิลปะคละจีนไทยใคร่ชี้ชวน                   แม่เนื้อนวลชวนชี้พาพี่ชม

ถึงพาชีไม่มีมอม้าคึกคัก                        ไม่มียักษ์เขี้ยวใหญ่ไล่หกล้ม

พี่ค่อยคลายหายหกแต่อกตรม                ใจระทมทุกข์ถึงเจ้าเฝ้าอาลัย

ผ่านดอนเมืองเมืองดอนค่อนข้างสูง         ต่างชักจูงหลานลูกปลูกอาศัย

น้ำไม่ท่วมส้วมไม่เต็มก็เต็มใจ                 อยู่ใกล้ใกล้เสียงเครื่องบินก็ยินดี

ถึงบางซื่อซื่อตรงมั่นคงรัก                      จำใจหักโหยหามารศรี

จากเจ้าไปไม่กี่วันดุจนานปี                     แต่ใจพี่นี้ซื่อตรงมั่นคงรอ

สู่สามเสนสุดแสนเสน่หา                       สายสุดาสุดคิดถึงคะนึงหนอ

ขอยุพินถวิลหวังตั้งตารอ                        อย่าเพิ่งพ้อหาพี่พากเพียร

ผ่านสวนจิตรคิดถึงองค์เหนือเกล้า            ได้แต่เอามือพนมก้มกราบเศียร

พระชนม์ยิ่งยืนนานกาลวนเวียน                พรรษาเปลี่ยนหลายร้อยปีที่สราญ

ขบวนรถขับเคลื่อนเลื่อนช้าช้า                 บรรทุกมาหกตู้ผู้โดยสาร

ต่างเตรียมของเตรียมขนจนลนลาน          รถเทียบชานชลาแล้วแว่วหวูดดัง

ถึงที่หมายหัวลำโพงเก้าโมงเช้า              เจ้าคงเฝ้าคอยพี่กลับนับถอยหลัง

กรุงเทพเมืองอมรร้อนดีจัง                     ลงรถสั่งกาแฟเย็นเย็นชื่นใจ

ดูฝูงชนลนลานพลุ่งพล่านแท้                 ทั้งสาวแกแม่ลุงมุ่งไปไหน

แลลูกเล็กเด็กแดงแย่งกันไป                  ดูยังไร้จุดหมายและปลายทาง

ลางคนหวังทำงานโรงงานใหญ่               ลางคนไปกับเพื่อนพ้องไม่หมองหมาง

ลางคนขอเงินยาไส้ไปพลางพลาง            งานรับจ้างรับหมดไม่อดตาย

นี่แหละเมืองกรุงเทพเทพสรรค์สร้าง       มีทุกอย่างทางชีวิตคิดหลากหลาย

ทั้งผู้ดีมีจนคนมากมาย                         ต่างมุ่งหมายเงินทองเพื่อครองตน

ขอฝากสารผ่านหานุชสุดที่รัก                ขอให้หักห้ามใจไม่สับสน

อย่าไปเลยบางกอกย้อนยอกคน              พอพี่พ้นเพลางานกลับบ้านเรา

                                        @@@@

 

                   กรุง  เกษมปิ่มปลื้ม      กายใจ   พี่นา

                   เทพ  ลีลาคลาไคล     เสกสร้าง

                   มหา  มิ่งเมืองไทย      สง่า     สมเอย

                   นคร  ใหญ่ในกว้าง      บ่ร้างคนชม

                                    @@@@@@@

                                             จากใจที่มุ่งมั่น

                                                  เทวาลี

                                       ชมรมกวีล้านนาหละปูน

                                        อาศรมคนยองหละปูน

                                              15 ต.ค.2552

หมายเลขบันทึก: 463975เขียนเมื่อ 6 ตุลาคม 2011 18:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 20:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท