ขับรถกลับจากบ้านอยุธยา เมื่อเช้ามืด สังเกตเห็นขบวนรถคาราวาน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม วิ่งสวนขึ้นไปหลายคณะมาก นึกดูก็ตื้นตันใจกับความดีงามของท่านเหล่านั้น ตื่นกันแต่เช้า ขนข้าวของเต็มหลังรถ วิ่งไปไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตั้งแต่เกิดวิกฤติผมสังเกตเห็นขบวนรถเหล่านี้ทุกอาทิตย์ที่ผมกลับบ้านที่อยุธยา ไม่รวมวันธรรมดาที่ผมไม่เห็นอีก ผมในฐานะคนไทยคนหนึ่ง มันเกิดภาพสะท้อนขึ้นมาทันทีครับ ในความวุ่นวายของสังคมที่มันกำลังดูย่ำแย แต่ก็มีกลุ่มคนที่ทำความดีด้วยจิตอาสา ไม่หวังต่อสิ่งตอบแทน ทำเท่าที่พวกเขาจะทำได้ คนละมือคนละไม้ รถบางคันก็ไปกันเป็นครอบครัวเลยมีเด็กเล็กๆไปด้วย คุณพ่อ-คุณแม่ก็พาไป ผมว่าเป็นการสอนเขาในเรื่องจิตอาสาได้ดีมากๆ มากกว่าไปรับรู้จากสื่ออื่นๆ เพราะการกระทำของพ่อแม่นี่แหละเป็นสิ่งที่เด็กๆเขาเรียนรู้ได้อย่างดี ดีกว่าการพร่ำบอกว่า "เป็นคนดีนะลูก เป็นคนดีนะลูก โตขึ้นหนูต้องเป็นคนดีนะ..." บ้านผมเองที่ผักไห่ก็ประสบความยากลำบากครับ แต่พี่ๆเหล่านี้ก็ไปช่วยเหลืออยู่ตลอด มีอะไรก็ช่วยกันไปเท่าที่ทำได้ จนปัจจุบันก็มีอีกหลายคณะทีเดียวที่เข้าไป รวมไปถึงถุงยังชีพพระราชทาน ผมซาบซึ้งและตื้นตันใจมากๆครับ ภาพแห่งความเอื้ออาทรนี้เป็นบันทึกที่เก็บไว้ในความทรงจำไม่มีวันลืม และที่สำคัญผมก็จะต้องตอบแทนด้วยการลงมือปฏิบัติภารกิจ จิตอาสานี้กลับคืนสู่สังคมเช่นเดียวกันเพิ่มเติมจากสิ่งที่ผมใช้ความพยายามกระทำอยู่ในทุกวันนี้
ขอชื่นชมการกระทำภารกิจที่ดีงาม ของท่านทั้งหลายเหล่านี้จากใจจริงครับผม
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านบันทึกนี้ค่ะ
เป็นบันทึกที่มีคุณค่ามากค่ะ
ขอบคุณสำหรับบันทึกนี้นะคะ
ขอบคุณค่ะ
ครับ แวะมาเยี่ยมชม
ได้ข้อคิดที่ดีคะ กิจกรรมจิตอาสา น่าจะถูกบรรจุเป็นกิจกรรม "ในหลักสูตร" มากกว่า "นอกหลักสูตร"
เพราะฝึกทักษะ และปลูกฝังค่านิยม รับผิดชอบต่อสังคมคะ
สวัสดีค่ะ
เห็นด้วยค่ะ การทำดีให้ลูกดูด้วยงานจิตอาสา ลูกได้เรียนรู้และซึมซับสิ่งดีๆค่ะ
เป็นกำลังใจ ขอให้วิกฤติน้ำท่วมผ่านไปในเร็ววันค่ะ
ขอบพระคุณทุกท่าน (คุณต้นเฟิร์น คุณประทีบ คุณ ป. และคุณถาวร) ที่เข้ามาร่วมแสดงความเห็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับผม ยินดีอย่างยิ่งครับ โอกาสหน้าแวะเข้ามาแลกเปลี่ยนกันอีกนะครับ