ใครน่าไปหมู่บ้านไทผาเก อัสสัม
บันทึกต่อเนื่องจาก 505 ผจญภัยในอัสสัม การไปเยือนไทผาเกครั้งที่ 3 ซึ่งผมกลับมาด้วยข้อมูล จปฐ. เบื้องต้นที่ได้มาในช่วงเวลา ครึ่งวัน 1 คืนในหมู่บ้าน ยังขาดการ อสม.อีก (คำเหล่านี้ นักการทูตไม่เคยรู้จัก แต่มาได้ทราบจากกัลยาณมิตรทั้งหลายในโกทูโนนี่เอง)
ทำให้ผมต้องมาเขียนต่อว่า แล้วใครน่าจะไปเยือนหมู่บ้านไทผาเก ลองดูนะครับ
หมออนามัย
พูดถึงหมออนามัย ก็ต้องนึกถึงคุณบุญรุ่ง ตันติราพันธ์ซึ่งเคยยกมืออาสาไปช่วยงานคลินิควัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์มาแล้ว คราวนี้คุณบุญรุ่งก็ยกมืออาสาเป็นคนแรกอีกเช่นกัน จึงทำให้นึกถึงก่อนว่าหมออนามัยน่าไปหมู่บ้านไทผาเกเพื่อดูเรื่อง อสม. ซึ่งผมยังมิได้ข้อมูลมามากเท่าใดเลย
เท่าที่เดินดูบริเวณเรือนที่พักในเช้าตรู่ของวันที่ 26 กย. 2554 มีพืชที่กินได้อยู่หลายชนิด ชาวบ้านนำเอาใบมาต้มกินเป็นผักต้ม เอาใบมาห่อข้าว ใบใส่ในน้ำต้มเป็นแกงจีด เอาดอกมาใส่พริกยำ หน่อไม้ก็เอามาต้มกินกับข้าว รู้สึกว่าอาหารส่วนใหญ่เป็นผักและใช้วิธีต้มกิน
ก็แปลกใจว่า ชาวบ้านมิได้มีจินตนาการกว้างไกลเรื่องอาหารเหมือนบ้านเรา ที่นำมาปรับมาแปลงจนอาหารไทยมีความวิจิตร
การมีหมออนามัยไป อาจจะช่วยเรื่องสาธารณสุขพื้นฐาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวบ้านยังไม่ได้พัฒนาเท่าที่ควร โดยเฉพาะเรื่องห้องน้ำสะอาด หรือการใช้สมุนไพรในการรักษาสุขภาพ
นักโภชนาการ
พูดถึงเรื่องอาหาร ทำให้นึกถึงนักโภชนาการ ผมสังเกตุว่าชาวบ้านไม่รู้จักการถนอมอาหาร ไม่รู้จักคิดเมนูอาหารใหม่ๆ ที่ทำจากสิ่งที่มีในหมู่บ้านได้ เช่นจากกล้วย สามารถทำเป็นอะไรได้มากมายทั้งของคาวของหวาน มันและเผือก รวมทั้งผลไม่นานาชนิด ก็สามารถปลูกได้เพื่อใช้เป็นคลังอาหารครัวเรือน เท่าที่ได้สนทนากับชาวบ้าน ต่างบอกว่าก็เคยกินมาแบบนี้ ก็สุขภาพดีกันทุกคน และเมื่อไม่มีใครมาแนะนำสิ่งใหม่ๆ ให้ก็เลยเป็นอยู่แบบนี้
ครูสอนหนังสือ
สิ่งที่ทำให้นึกถึงครูสอนหนังสือเพราะว่ามีโรงเรียนประถมและมัธยมต้นในหมู่บ้าน อยู่ไม่ไกลจากวัดพุทธ เดินสัก 5 นาทีก็ถึงแล้ว ครูใหญ่บอกว่าแม่รัฐจะช่วยให้เด็กได้เรียนฟรีแต่ก็ยังขาดอุปกรณ์การเรียนการสอน โดยเฉพาะภาษาไทย ซึ่งครูใหญ่อยากให้เด็กรุ่นใหม่ได้เรียนกัน แม้กระทั่งตัวครูใหญ่เอง ก็เคยสมัครไปเรียนปริญญาเอกที่ ม.เกษตรศาสตร์ซึ่งก็รับแล้วแต่ติดที่ว่าต้องไปเรียนภาษาไทยก่อน 6 เดือน ทำให้อดเรียนปริญญาเอก
นักพัฒนาชุมชนและสังคม
ผู้ที่น่าจะตรงที่สุดคือนักพัฒนาชุมชนและพัฒนาสังคมเพราะชาวบ้านต่างเคยชินกับการอยู่อย่างสมถะ อยู่อย่างพอเพียงและมิได้มีหัวการค้า และที่สำคัญไม่รู้วิธีการว่าต้องทำอย่างไร โครงสร้างของหมู่บ้านมีเพียงหัวหน้าหมู่บ้านคนเดียว นอกนั้นเป็นลูกบ้านหมด ตรงนี้ หากได้มีการจัดระเบียบ ให้ทุกคนได้มีหน้าที่ มีส่วนร่วมในการพัฒนา ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
ศิลปิน
หมู่บ้านไทผาเกมีภูมิปัญญาท้องถิ่นอยู่เหมือนกัน ดูได้จากผลงานศิลปะที่วัด การจักทอสานตระกร้าหรือพานไม้ไผ่ การทอผ้าและผ้าลายต่างๆ และโดยเฉพาะศิลปินนักร้องหรือ”หมอคำ” มีนักร้องรุ่นใหม่หนุ่มสาวร้องเพลงพื้นบ้านได้ไพเราะน่าฟัง ผมได้ซีดีมา 1 แผ่น นักร้องล้วนเป้นคนหนุ่มสาว ขับร้องเพลงได้ไม่แพ้นักร้องอาชีพ หากได้รับการส่งเสริมและสนับสนุน ผมเชื่อว่าจะไปได้ไกล ใครรู้จักแกรมมี่ ลองแนะนำกันหน่อย ใครสนใจจะได้ซีดีเพลงไทผาเกไปฟัง ก็ติดต่อได้โดยตรงได้
ช่างทั้งหลาย
ช่างหมายถึงเกษตรกร หมอดิน ปราชญ์ชาวบ้าน ช่างฝีมือ โดยเฉพาะช่างก่อสร้างก็น่าไปไทผาเก จะได้ไปช่วยสอนเทนนิคการเกษตร การพัฒนาดิน และก่อสร้างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจากไม้ไผ่หรือการสร้างด้วยอิฐและปูน ด้วยความที่หมู่บ้านมีต้นไม้เยอะมาก รวมทั้งมีป่าด้วย ถ้าได้ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้น่าจะริเริ่มอะไรได้บ้าง
พระสงฆ์
พระสงฆ์เป็นที่เคารพบูชาของชาวไทผาเก เวลามีปัญหาอะไรในหมู่บ้าน ก็มักจะไปจบที่วัด พระสงฆ์จะเป็นผู้ชี้แนะและตัดสินให้ อย่างไรก็ดี เนื่องจากเป็นชุมชนไม่ใหญ่ จึงมีวัดเพียง 2 แห่ง มีพระสงฆ์ เพียงรูปเดียว นอกนั้นเป็นเณร และเท่าที่ดูไม่มีการสอนธรรมะนอกจากพิธีกรรมทางศาสนา ดังนั้น หากพระสงฆ์จากประเทศไทยสามารถไปจำวัดและจำพรรษาที่หมู่บ้านได้ ก็น่าจะช่วยงานด้านศาสนาได้เป็นอย่างดี
สุดท้ายก็คือนักธุรกิจ
ที่สำคัญก้คือนักจดการนักธุรกิจที่จะไปส่งเสริมให้ชาวบ้านรู้จักคิด รู้จักนำเอาศักยภาพที่มีอยู่ทั้งในตัวเองและในหมู่บ้านออกมาใช้เพื่อผลประโชยน์ของหมู่บ้าน เช่นที่ผมได้ไปแนะนำเรื่องโฮมเสตย์ให้ชาวบ้านฟัง ก็สนใจกันและอยากจะทำ แต่ก็คงต้องการผู้จัดการผู้ชี้แนะในการปฏิบัติต่อไป
คิดไปเรื่อยๆ เขียนไปเรื่อยๆ ก็หมดเวลาพอดี ก็ฝากช่วยกันคิดต่อไปนะครับ
สวัสดีค่ะ
มาตามอ่านว่าหมออนามัยจะมีคุณสมบัติสมควรไปหมู่บ้านไทผาเกหรือไม่
ตามที่บันทึกนี้ แจกแจงได้ละเอียดดีแท้
จนนึกเห็นคณะอาสาสมัครหลากหลายวิชาชีพ ความถนัด และที่สำคัฯมีใจรัก
เดินทางแวะเวัยนกันไป นำสิ่งดีๆไปต่อเติมให้ชาวไทผาเก
เสมือนไปเยี่ยมญาติ ที่จากกันมาเมื่อไม่นานมานี้
เห็นฝันที่แสนงามของพี่โยคีแล้วค่ะ
เชื่อว่า จะต้องมีคนมายกมือสนับสนุนแน่นอน
การสร้าง อสม.นั้น ก็ใช้ได้ทุกสถานการณ์
เพราะอาสาสมัครในชุมชน เขาจะมีระแวกรับผิดชอบ
คอยสอดส่องดูแลสารทุกข์สุกดิบกันไปทุกเรื่อง(เหมือนของไทยเราในปัจจุบัน)
เป็นการสร้างจิตอาสา เป็นแกนนำ และสำนึกรักบ้านเกิดของเขาเอง
แม้นไม่มีเราแล้ว เขาก็ดำเนินการต่อไปได้
ส่วนการให้ความรู้ด้านสุขภาพนั้น
มีสื่อ วิดีโอ มากมายเข้าใจง่าย
ไม่น่าเป็นห่วงเรื่องการให้ความรู้นะคะ
แหม ชักจะฝันไปไกล ไว้มีโอกาสได้ไปจริงๆ จะตระเตรียมให้พร้อมค่ะ
ขอเพียงมีไฟฟ้า ก็ฉายหนังสนุกไปเลย
มายืนยัน ยกมืออีกครั้งนะคะ
โยคีน้อย
สาธุ เมื่อถึงเวลาๆ จะได้มีญาติเพิ่มขึ้นอีกในอินเดีย
คิดหนอๆ
ขอบคุณครับหมอเจ้
สำหรับคำแนะนำที่ชัดเจนทุกครั้ง อยากขอตัวให้หมอเจ้ไปช่วยชาวไทผาเกจัง
กำลังคิดหาทางอยู่ครับ
เรื่องผู้นำธรรมชาติ เท่าที่สังเกตุดูและตามข้อมุลของชาวไทผาเกเอง บอกว่าพระสงฆ์คือผู้นำธรรมชาตินั้น เวลามีเรื่องอะไร หากแก้กันไม่ได้ ก็จะพากันไปหาพระสงฑ์เพื่อให้ชี้แนะและตัดสิน
หัวหน้าหมุ่บ้านซึ่งเป็นตำแหน่างที่สืบทอดจากบรรพบุรุษอัตโนมัติ พ่อเป็นและลูกเป็นต่อ ถ้าลูกแล้วเกิดไม่มีผู้สืบสกุล ก็จะต้องให้น้องชายหรือญาตใกล้ชิดสืบทอดอำนาจต่อ
เช่นหัวหน้าหมู่บ้านคนปัจจุบันอายุ 62 ปี แล้ว แต่งงานแล้วแต่ไม่มีลูก
เท่าที่ดุหัวหน้าหมุ่บ้านก็คือหนึ่งในผู้นำของหมู่บ้าน ผมไปเยี่ยมหมุ่บ้านทีไร ก็เห็นหัวหน้าหมุ่บ้านคนนี้ จัดการเรื่องการต้อนรับและดูแลเรื่องต่างๆ ส่วนพระสงฆ์นั้น กลับดูไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เท่าไหร่นัก
จะเคาะระฆังแน่นอนครับ รอหน่อยครับ
อ้าว ลืมตอบเรื่องป่าครับ
ชาวบ้านพึ่งป่าไม้มากครับ ใช้ฟืนกันทุกบ้าน และเอาฟืนมาใช้เป็นเชื้อเพลิง ร่วมกับไฟฟ้าและแก๊ส
ในครัวมีทั้งเตาดิน เตาแก๊ส
ผักที่เอามาทาน หรือใบไม้ที่เป็นสมุนไพรก็เอามาจากต้นไม้ที่อยู่ในบริเวณบ้านครับ คนที่ทานหมาก ก็เอาหมากจากป่าในหมุ่บ้านซึ่งมีอยู่มาก แต่ผลไม้กลับไม่ค่อยเห็นครับ
ถามชาวบ้านก็บอกว่ามะม่วงก้มี แต่ต้นสองต้นเอง กล้วยจะมีเยอะหน่อยและเอาผลกล้วยไปขาย และไม่เห็นเอาผลกล้วยไปทานหรือแปรรูป
ประเภทมะกรูด ตะไคร้ ไม่เห็นมีเลยครับ มะนาวมีแต่ผลใหญ่มาก
ผมมีความรู้สึกว่าชาวบ้านไม่ค่อยทานของหวาน อาหารก็จืดๆ รสไม่เข้มนัก
เนื้อเห็นแต่ปลา เนื้ออื่นๆ ไม่เห้นครับ
สัตวืเลี้ยง เห็นวัว ควาย แพะ รวมทั้งลิงซึ่งชาวบ้านบอกว่าลิงมีเยอะเหมือนกันและมักจะมากินพืชผลของชาวบ้านเสียหาย บางคนบอกว่าประชากรลิงอาจมากกว่าขาวบ้านไทผาเกด้วยซ้ำไป
ขอบคุณครับ
ใครน่าไปไทผาเก
ยกมือสองข้างโหวตให้สุดยอด ทั้งสองท่านนี้คะ :-)
สวัสดีค่ะ
ดีจังเลยค่ะ
มีการไปทีละคณะ
ก็จะได้ความหลากหลายกลับมา
และชาวไทผาเกก็คงรู้สึกอบอุ่น ที่เราจะแวะเวียนผลัดกันไปเยี่ยม
ขอบคุณคุณหมอ ป CMUpal ที่มายกมือสนับสนุนนะคะ
ขอบคุณค่ะ
นี่ลองเล่าให้เพื่อนๆฟัง
ยังมีคนอย่ากไปท่องเที่ยวเลยค่ะ
ไทผาเก คงเป็นUnseenแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยวค่ะ
โยคีน้อย
กำลังให้ทัวร์แห่งหนึ่งลองคำณวนดูว่าหากจัดไปอัสสัมและหมู่บ้านไทผาเกจะเป็นไปได้ไหมและค่าใช้จ่ายเท่าใด