โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ)
โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ) เทศบาลนครนคราชสีมา

รับมือเด็กช่างคุยในชั้นเรียน (ครูสุภาภรณ์)


ในสายตาของครูอาจมองว่า การที่นักเรียนพูดคุยกันขณะทำงานในห้องเรียนเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว นักเรียนกำลังสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันอยู่ผ่านการพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้

 

 

 

 

          ธรรมชาติของเด็กเวลามาอยู่รวมกันมักจะพูดคุยส่งเสียงดัง  รบกวนการสอนของคุณครู  และยังแสดงให้เห็นว่านักเรียนไม่สนใจไม่ตั้งใจเรียน   ไม่ได้ฟังคุณครูพูดเลย  ถึงแม้จะปรามแล้วนักเรียนก็ลดเสียงลงชั่วคราว  แล้วก็กลับมาคุยกันเสียงดังอีก

           คุณครูลองใช้เทคนิคการรับมือเด็กช่างคุย  ให้หยุดคุยแล้วหันมาใส่ใจกับบทเรียนที่กำลังเรียนอยู่แทน

 

 
 
 

พูดคุยได้  แต่ว่าเวลาไหนล่ะ 

 

        คำถามแรกที่ครูควรถามตัวเองในสถานการณ์นี้คือนักเรียนพูดคุยกันตอนไหน?ขณะที่ครูกำลังสอนหรือสั่งงานอยู่หน้าชั้น หรือเป็นช่วงที่นักเรียนกำลังทำแบบฝึกหัดหรือทำงานที่ได้รับมอบหมายในห้องเรียน ถ้าเป็นกรณีหลัง ครูไม่ควรห้ามหรือใช้คำพูดในลักษณะ “นั่งทำงานไปเงียบ ๆ อย่าคุยกัน” แต่ควรเปิดโอกาสให้นักเรียนพูดคุยกันได้ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายในการทำงาน นักเรียนอาจใช้ช่วงเวลานี้พูดคุยซักถามถึงเรื่องงานที่กำลังทำอยู่ หรือจะคุยเรื่องอื่นๆ บ้างก็ได้ ไม่จำเป็นที่นักเรียนจะต้องพูดถึงเฉพาะเรื่องงานหรือบทเรียนตลอดเวลา                                      
 
                                                                                                            

          ในสายตาของครูอาจมองว่า   การที่นักเรียนพูดคุยกันขณะทำงานในห้องเรียนเป็นเรื่องไร้ประโยชน์   แต่ในความเป็นจริงแล้ว นักเรียนกำลังสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันอยู่ผ่านการพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้    การเปิดโอกาสให้นักเรียนพูดคุยกันได้ขณะทำงาน    จะทำให้นักเรียนรู้สึกผ่อนคลายและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

                                                                         
  

 

เวลาครู เวลานักเรียน 

         เทคนิคหนึ่งที่ครูอาจนำมาใช้จัดการกับปัญหานักเรียนคุยกันในชั้นเรียนคือ สร้างข้อตกลงเรื่อง “เวลา” กับนักเรียนตั้งแต่ชั่วโมงแรกของชั้นเรียนตอนเปิดภาคการศึกษา โดยอธิบายกติกาว่าเวลาในชั้นเรียนจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

เวลาของครู  และ  เวลาของนักเรียน


        เวลาของครู   

           หมายถึง    ช่วงที่ครูกำลังพูด  อธิบาย  สั่งงาน  หรือเป็นตอนที่ครูยืนอยู่หน้าห้อง  ซึ่งนักเรียนจะต้องตั้งใจฟังสิ่งที่ครูพูด  ห้ามพูดคุยกันเอง  ถ้าเป็นเด็กเล็ก  ครูควรระบุให้ชัดเจนว่าในช่วงเวลานี้เด็กสามารถทำอะไรได้บ้าง  เช่น  จดเลกเชอร์ได้ แต่ห้ามเหลาดินสอหรือค้นหาของในกระเป๋า  เป็นต้น

 

         เวลาของนักเรียน

           คือช่วงเวลาหลังจากที่ครูมอบหมายให้ทำงาน  นักเรียนจะพูดคุย  ออกไปดื่มน้ำ  หรือเข้าห้องน้ำได้  แต่ขอให้รับผิดชอบทำงานที่มอบหมายให้เสร็จทันเวลา  แล้วเมื่อครบกำหนดเวลา  ให้ครูปรบมือหรือสั่นกระดิ่งเป็นสัญญาณว่าหมดเวลาของนักเรียนแล้ว  และจากนี้ไปจะเป็นเวลาของครู  ทั้งนี้ อาจมีการตกลงร่วมกันว่า  ถ้าใครทำผิดกติกาควรจะถูกลงโทษอย่างไร

 

 

         ในระหว่าง  “เวลาของนักเรียน”  ครูควรเดินสังเกตการณ์ไปทั่วห้อง  พร้อมฟังสิ่งที่นักเรียนพูดคุยกัน  วิธีการนี้จะทำให้ครูรับรู้ได้ว่านักเรียนแต่ละคนเข้าใจบทเรียนที่สอนไปมากน้อยแค่ไหน   นักเรียนคนไหนต้องการคำแนะนำหรือความช่วยเหลือเพิ่มเติม   ซึ่งครูสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทันที   นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตได้ว่าใครตั้งใจทำงานหรือไม่  มากน้อยเพียงใด   โดยเฉพาะกรณีงานกลุ่มแล้ว   ถ้าเห็นว่านักเรียนคนไหนพูดคุยเล่นสนุกมากกว่าจะพูดถึงเรื่องงาน   ครูไม่ควรเดินไปตรงหน้านักเรียนคนดังกล่าวแล้วสั่งให้หยุดพูด   เพราะจะทำให้นักเรียนเกิดความอับอายและรู้สึกเสียหน้า    แต่ควรเดินอ้อมไปด้านหลังพร้อมกับพูดถามเบา ๆ ว่า   “ไหนลองอธิบายงานที่เธอทำให้ครูฟังหน่อยสิจ๊ะ”   เพียงเท่านี้นักเรียนคนดังกล่าวก็จะรีบกลับไปให้ความสนใจกับงานตรงหน้าโดยอัตโนมัติ

       

 

บทลงโทษที่เหมาะสม

     ธรรมชาติของเด็กนั้นจะอยู่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ ได้ไม่นาน   ครูไม่ควรคาดหวังว่าห้องเรียนจะต้องเงียบอยู่ตลอดเวลา   และมีแต่เสียงพูดของครูเท่านั้น  แม้จะเป็นช่วง  “เวลาของครู” ขณะเดียวกันก็ไม่ควรวางเฉยกับเสียงพูดคุยของนักเรียนที่แทรกขึ้นมาระหว่างการเรียนการสอน   เพราะถ้าครูยังคงสอนต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น   นักเรียนจะเรียนรู้ว่าตนสามารถพูดคุยในห้องเรียนได้ตลอดเวลา

 

 

        ฉะนั้นเวลาที่เห็นเด็กคุยกันในชั้นเรียนขณะที่กำลังสอนอยู่    ครูจะต้องประเมินว่าการพูดคุยครั้งไหนที่ยอมรับได้และควรปล่อยผ่าน   หรือครั้งไหนที่ต้องจัดการ   ซึ่งแน่นอนว่าการจัดการนี้ไม่ใช่การพูดสั่งจากหน้าห้องว่าให้หยุดพูด   แต่เปลี่ยนเป็นใช้สัญญาณความเงียบ   โดยครูหยุดพูด  หยุดทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ขณะนั้น   แล้วมองตรงไปยังนักเรียนที่พูดคุยกัน  ท่ามกลางความเงียบนี้มีความเป็นคำพูดสื่อไปถึงนักเรียนคนนั้นหรือคู่นั้นว่า   “ครูกำลังรอเธอหยุดพูด แล้วเราค่อยมาเรียนกันต่อ“

                       

 

       เมื่อนักเรียนหยุดพูดและห้องเรียนเงียบเสียงลงแล้ว   ครูอาจย้ำถึงข้อตกลงที่ทำไว้ร่วมกันอีกครั้งว่า  ช่วงนี้เป็นเวลาของครู นักเรียนควรจะตั้งใจฟัง   รอไว้ถึงเวลาของนักเรียนแล้วค่อยพูดคุยกัน   จากนั้นจึงลงโทษนักเรียนตามกติกาที่ตกลงกันไว้  เช่น  ทำผิดครั้งแรกครูว่ากล่าวตักเตือน   ครั้งที่ 2 ให้ออกไปยืนนอกห้องเรียน 4 นาทีแล้วค่อยกลับเข้ามาเรียน   ครั้งที่ 3 ตัดเวลาพักของนักเรียนออก 5 นาที    ครั้งที่ 4 ตัดเวลาพัก 10 นาที   และครั้งที่ 5 โทรศัพท์หาผู้ปกครอง    แล้วให้นักเรียนอธิบายกับผู้ปกครองว่าตนทำความผิดอะไร    และทำไมถึงทำ   เพื่อให้นักเรียนได้ทบทวนสิ่งที่ทำลงไป   แล้วปรับแก้นิสัยดังกล่าว

 

 

        ครูท่านใดที่กำลังปวดหัวกับปัญหานักเรียนชั่งพูดชั่งคุยกันในห้องเรียน   ท่านอาจลองนำวิธีการข้างต้นไปทดลองใช้จัดการกับเจ้าเด็กช่างพูดในห้องเรียนเหล่านั้นก็ได้   ซึ่งน่าจะได้ผลดีกว่าการที่ต้องพูดว่า   “เงียบๆ กันหน่อย , หรือ ฟังครูหน่อย”   (บ่อยๆ) ก็ได้



     P

      ครูสุภาภรณ์
     ครูสุภาภรณ์ พลเจริญชัย
     โรงเรียนเทศบาล4(เพาะชำ
  
 

 

 

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=fino4710&date=20-07-2009&group=57&gblog=4

 

https://www.myfirstbrain.com/teacher_view.aspx?ID=42432
http://kanchit004.wordpress.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1-2/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%89/
คำสำคัญ (Tags): #เด็กช่างคุย
หมายเลขบันทึก: 462768เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2011 20:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 20:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ คุณครู

ครูนกเจอปัญหานี้เมื่อไหร่ก็จะใช้วิธีการหยุดพูดค่ะ ฟังเขา พอเขารู้ว่าครูหยุดพูดเพราะจะฟังเขา เขาก็จะหยุด ก็จะชี้แนะว่า หากเราพูดในยามนี้ ผลเสียที่จะเกิดคือ....ตามเนื้อหาไม่ทัน รบกวนสมาธิเพื่อนที่สำคัญคือไม่ให้เกียรติผู้พูด เด็กๆ ม.ปลายเขาจะรับในเหตุผลเหล่านี้

ส่วนประสบการณ์เดิมของตนเองเนื่องจากตอนประถมฯ เป็นเด็กช่างคุย จำได้ว่า ครูจะจับแยกจากเพื่อนให้ไปนั่งกับเด็กผู้ชาย...เงียบเลยค่ะ

สวัสดีค่ะ  คุณครูIco48noktalay ขอบคุณค่ะที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นดี ๆ

  

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท