การเล่นล้อต่อโคลง เพื่อการศึกษา


ขอขอบคุณคุณครูภาทิพ ผู้ชี้แนะเรื่องโคลงสี่สุภาพ

การเล่นล้อต่อโคลง 

 

    

      @ ดาราสิยั่วเย้า               เย้ยจันทร์
ศศิอ่อนอำพัน                        พร่างพร้อย
เพราะกาฬปักษ์ผัน               เวียนผ่าน พบนอ
แสงดั่งแสงหิ่งห้อย                สาดห้องนภาลัย
วันนี้วันพระจันทร์ดับ  คำว่า "..อำพัน.." เป็นคำนาม หมายถึง ยางไม้ที่แข็งจนกลายเป็นหินสีเหลืองใสเป็นเงา ในโคลงบทนี้ประสงค์เอาความหมายว่าเหลืองอย่างเดียว  และใช้เป็นคำคุณนาม (วิเศษณ์) พระมหาวินัย ๑๖.๕๔ น. : ๒๘ ส.ค.๕๔

 

     @จันทร์ดับพาจิตให้        หม่นหมอง
ไร้ซึ่งแสงเรืองรอง                ส่องหล้า
จึ่งความมืดเข้าครอง            พาโศก- ศัลย์แฮ
ดูหม่นบนฟากฟ้า                 มืดครึ้มพาสลัว
Punnapope Saipetch * ๒๘ ส.ค.๕๔

 

   @  จันทร์ดับคงคลับคล้าย       ผู้คน
ยุ่งยากครอบกมล                       มืดเศร้า
ปัญหาหนักทุกข์ทน                   ทานแบก รับนอ
เฉกเช่นจันทร์แหว่งเว้า              ว่าไว้อุปมา
พระมหาวินัย ๑๗.๔๖ น. : ๒๘ ส.ค.๕๔  ที่ใช้คำว่า "..มืด.." เพราะไม่ประสงค์จะใช้คำว่า "..หม่น.." เพราะไม่อยากให้สัมผัสกับคำว่ากมล ไม่อยากให้มีสัมผัสสระนอกเหนือไปจากตำแหน่งที่กำหนด จึงมุ่งเล่นสัมผัสอักษรมากกว่า

.................................................................

   @ คุยกันเปิดอกได้            จงเผย
เก็บกดนั้นอย่าเลย                แอบแพ้
จริงใจก่อนเหมือนเคย          ใจเปิด นั้นแฮ
อย่าปิดบังกันแม้                   หลบร้ายทำลายกันฯ
Manofsiam เจ้าคุณอู๋ สุภาพบุรุษแห่งสยาม

 

     ๏ อย่าลอบอย่าหลีกเร้น        เบื้องหลัง
เปิดอกพูดรับฟัง                        ย่อมได้
อย่าแอบอย่าปิดบัง                    กันอยู่ เลยแฮ
ทุกอย่างสว่างไซร้                     ก็ด้วยพูดจาฯ
Punnapope Saipetch * ๒๘ ส.ค.๕๔

 

    @ เปิดอกเพื่อรับรู้               เรื่องราว
สุขทุกข์ถามข่าวคราว            คับแค้น
ใช่จักพูดเกรียวกราว              กลบเกลื่อน เรื่องนอ
เหินห่างกลับแน่นแฟ้น          เฟื่องฟุ้งสัมพันธ์
พระมหาวินัย ๑๘.๕๐ น. : ๒๘ ส.ค.๕๔

..............................................................

 

      ๏ อยาก ขอพรหนึ่งข้อ       ได้ไหม

 จะ กล่าวพรออกไป                 นั่นแล้

 ขอ จันทร์ช่วยดวงใจ               สักหน่อย

 จันทร์ ส่งเนื้อคู่แท้                   แก่ข้าสักคน

 Punnapope Saipetch * ๒๘ ส.ค.๕๔

 

    @ ขอ   ให้นางนาฏน้อง          นงคราญ

 ความ  ทุกข์อย่าระราน              รบเร้า

 เห็น    บ่นว่ารำคาญ                  ข้องขัด กมลนา

 ใจ  อย่าหมองหม่นเศร้า            สร่างสิ้นกังวล

พระมหาวินัย ๑๙.๑๕ น. : ๒๘ ส.ค. ๕๔

 ...............................................................

       ๏ รอนแรมมาเหนื่อยล้น       บนทาง

 หาที่พักใจพลาง                        อ่อนล้า

 มาเจอแม่นวลนาง                      ให้ที่ พักแฮ

 จึงฝากใจของข้า                        หยุดแล้วที่เธอ

Punnapope Saipetch * ๒๘ ส.ค.๕๔

 

     @ รอนแรมมาเหนื่อยล้า      เหลือเกิน

 มุ่งมั่นกับการเดิน                      ดุ่มด้าว

 หญิงหนึ่งซึ่งบังเอิญ                 เอื้อที่ พักนอ

 ใจพี่ที่รานร้าว                           รักไล้โลมฤดี

 พระมหาวินัย ๑๙.๔๒ น. : ๒๘ ส.ค.๕๔

...............................................................

 

          ๏ เรือนใดไป่สุขเพี้ยง        เรือนตน

 พออยู่หลบแดดฝน                     อยู่ได้

 ถึงแม้จักอับจน                          เรือนเล็ก

 แต่อุ่นจิตยิ่งไซร้                         เปรียบแม้นอยู่สรวง

Punnapope Saipetch * ๒๘ ส.ค.๕๔

 

     @ ยากจนเขินขาดผ้า            แพรพรรณ

 เรือนอยู่ไร้สีสัน                          สะพรั่งพร้อม

 จิตใจกลับผูกพัน                       พบสุข สงบแฮ

 ดุจดั่งอยู่ในอ้อม                        อกไท้เทวา

พระมหาวินัย ๒๐.๓๕ น. : ๒๘ ส.ค.๕๔

............................................................... 

      ๏ แอบรักเธออยู่เพี้ยง             ในใจ

 มิอาจจักบอกไป                           กล่าวพร้อง

 กลัวเธอจักผลักไส                       ไล่ส่ง

 ถ้าหากจิตของน้อง                      ไป่ต้องการเรา

 Punnapope Saipetch * ๒๘ ส.ค.๕๔

 

     @ แอบมองแอบจดจ้อง            ใจถวิล

 แอบคิดแอบอิงยุพิน                      พนิตน้อง

 แอบคร่ำแอบครวญจินต์               จนกระสับ กระส่ายนา

 แอบร่ำแอบร้องก้อง                      กับแก้วกมลมาน

 

      @แอบจารแอบจดถ้อย            ถึงนาง

 แอบรักแอบหลงวาง                     วากย์ไว้

 แอบยกแอบยอพลาง                   พูดชื่น ชมนา

 แอบคิดแอบชิดใกล้                     กับน้องในฝัน

 

    @ มองกัญญ์กรก่องเกลี้ยง       กลมเกลา

 มองพักตร์ก็พริ้งเพรา                  เพริศแพร้ว

 มองร่างสลักเสลา                        สุดเอ่ย เอื้อนนอ

 กรัชกายแก้ว                               แกล่ใกล้อัปสร

 พระมหาวินัย ๐๘.๕๒ น. : ๒๙ ส.ค.๕๔

.......................................................................

 

      @วางใจให้หนักเพี้ยง             พสุธา

 อย่าหวาดหวั่นนินทา                    ทุกข์ท้อ

 ดีชั่วจักตีตรา                               ตามที่ เห็นแล

 จงอย่าถือเป็นข้อ                         ขัดข้องใจเรา

 พระมหาวินัย ๒๐.๑๒ น. : ๒๙ ส.ค.๕๔

 

     @เห็นงามตามท่านชี้                เชลงสาร

 คิดมากหากรำคาญ                      คับแค้น

 จงมุ่งมั่นทำงาน                            เงินงอก เงยนอ

 วันหนึ่งจักยิ้มแป้น                         ปลดเปลื้องนินทา

พระมหาวินัย ๒๐.๕๓ น.: ๒๙ ส.ค.๕๔

.......................................................................

 

     ๏ คิดถึงทุกค่ำเช้า               คืนวัน

 อยากอยู่คู่เคียงกัน                 ชิดใกล้

 ในยามที่สุขสันต์                     ดียิ่ง

 ยามห่างพาจิตให้                    เหว่ว้าเหงาหงอย

Punnapope Saipetch * ๒๙ ส.ค. ๕๔

 

      @คิดถึงโฉมแม่เจ้า              จอมใจ

 อกอุ่นอบอวลไอ                        โอบเอื้อ

 น้ำคำฉ่ำฤทัย                             ทำพี่ เพลินนา

 อยากร่วมชาติร่วมเชื้อ               เช่นชู้เคียงเขนย

พระมหาวินัย ๒๒.๐๕ น. : ๒๙ ส.ค.๕๔

........................................................................

 

       @ บางคนเราอยู่ด้วย          ทรมาน

 ยามอยู่เดียวเบิกบาน                สงบได้

 ยามอยู่คู่เคียงพาล                   ว้าเหว่ เหงานา

 คงอาจอยู่เดียวไซร้                  เหว่ว้าเดียวดาย

 Athidej Kawinwan # วันเดียวกัน

 

      @ บางคนทนอยู่ด้วย              ป่วยการ

 ชอบแต่เจ้ากี้การ                         สั่งใช้

 เฝ้าบ่นทุกวันวาร                          บ่ห่อน เกรงนา

 คิดมุ่งใจตัวไซร้                            กล่าวนี้คือตู

 Book Smile .. ^__^ .. วันเดียวกัน

 

     @ บางคนทนอยู่ด้วย            ดักดาน

 เบื่อบ่นทุกวันวาร                      ไป่เว้น

 ทนอยู่เพราะสงสาร                   สังเวช

 อยากจะลาหลีกเร้น                  หลบลี้หนีไป

พระมหาวินัย ๒๒.๒๐ น. : ๒๙ ส.ค.๕๔

.................................................................

      @ สืบ ชะตาป่าไม้           อยู่คง

นา ป่ายังดำรง                      อยู่ได้

คะ แนนยั่งยืนยง                  สละชีพ

เสถียร มั่นคงมิ่งไซร้            ป่าไม้เมืองเรา

โดย Manofsiam เจ้าคุณอู๋ สุภาพบุรุษแห่งสยาม ๓๑ ส.ค. ๕๔

 

      @ สืบ สานงานป่าไม้          เมืองเรา

 นา ป่าแลขุนเขา                      เขตแคว้น

 คะ นึงนึกนำเอา                       อาตม์แลก

 เสถียร สถิตพิชิตแม้น             มอดม้วยมรณา

 แม้น ๑ สัน. แม้ เช่น แม้นมิไปช่วยจะม้วยมอด ด้วยสังข์ทองไม่ถอดรูปเงาะป่า. (สังข์ทอง).

 แม้น ๒ ว. เหมือน, เช่น, คล้าย, เช่น แม้นวาด. (แม้น เอาความหมายที่แปลว่า แม้)

 พระมหาวินัย ๑๒.๕๗ น. ๑ ก.ย.๕๔

.................................................................

 

     @ แกว่ง ปากไปกล่าวร้าย           คนใด

ปาก บอกตรงกับใจ                          กล่าวถ้อย

หา ทางทิ่มตำไป                              สนุกเล่น เนืองนา

เท้า พุ่งมาห่อนน้อย                        ใส่หน้าแน่นอน๚ ๛

Athidej Kawinwan ‎# ๑ ก.ย. ๕๔

 

     ๏ แกว่ง เท้าไปเรื่อยด้วย               เริงใจ

เท้า จักพาท่านไป                              เจ็บช้ำ

หา เสี้ยนทิ่มเข้าใน                             เท้าท่าน เองนา

เสี้ยน จักคอยทิ่มย้ำ                          เจ็บร้าวระบม๚ ๛

Punnapope Saipetch ‎* ๑ ก.ย.๕๔

 

      @ แกว่ง ปากไปพูดเพ้อ               พาดพิง

เท้า อาจย้อนมาติง                            เตะได้

หา เหตุแห่งความจริง                       แจ้งกล่าว

เสี้ยน อาจเหี้ยนหักไซร้                    สุดสิ้นความแหลม๚ ๛

พระมหาวินัย ๒๑.๕๒ น. : ๑ ก.ย.๕๔

.................................................................

 

      @ ยิน ดีที่ยักย้าย             เยือนยล

 ดี ยิ่งยังเวียนวน                    แวะบ้าง

 ต้อน รับสู่บ้านกล                  กลอนกาพย์ โคลงนา

 รับ เพื่อนเพื่อสรรค์สร้าง       สืบสร้างกวีวรรณ

พระมหาวินัย ๑๒.๓๕ น. : ๒ ก.ย.๕๔

 

      ๏ แค่อ่านก็สุขซึ้ง                  ดวงมาน

 ร้อยรสพาสราญ                        ยิ่งแล้ว

 โคลงกลอนกาพย์ขับขาน         เพลินจิต

 เสนาะไพเราะแพร้ว                  หลากล้นเลือกสรร

Punnapope Saipetch *๒ ก.ย.๕๔

 

     @ หากเราบ่รอบรู้             ฉันทลักษณ์

 ไพเราะยังประจักษ์                บ่แจ้ง

 ท่านว่าดุจปลายจวัก              เว้นว่าง รสนา

 คงบ่อาจเสแสร้ง                    ซาบซึ้งถึงใจ

พระมหาวินัย ๑๓.๑๕ น. : ๒ ก.ย.๕๔

 

     ๏ ยินดี  อย่างยิ่งล้น              ดวงมาน

 ต้อนรับ  สู่เรือนชาน                 โอบอ้อม

 สู่บ้าน  แห่งกลอนกานท์           เสนาะโสต

 ร้อยรส  สัมผัสล้อม                   กรุ่นด้วยไอกวี

 punnapope Saipetch * ๒๓ ส.ค.๕๔

 

 @ ยิน  ดีสุดเอ่ยอ้าง                  ออกมา

 ดี  ที่ลมพัดพา                           พบพ้อง

 ต้อน  สู่ ณ เคหา                       ร้อยรส

 รับ  อยู่เชิญร่ำร้อง                    รีบร้อยเรียงกลอน

 

     @  ยิน   ยอมให้อยู่ด้วย        ดวงกมล

ดี   ยิ่งที่ยินยล                           เยี่ยมบ้าน

ต้อน  รับมิกังวล                          ว้าวุ่น

 รับ  อยู่อย่าเกียจคร้าน              คิดสร้างความเจริญ

พระมหาวินัย ๒๓.๐๖ น. : ๓๑ ส.ค. ๕๔

.......................................................................

 

      ๏ รอ นางรออยู่ด้วย              ใจหวัง

 รอ เผื่อกลับมายัง                       สู่เหย้า

 รอ นางเพิ่มพลัง                          เต็มเปี่ยม จิตแฮ

 รอ ค่ำจวบถึงเช้า                        ห่อนแม้นมาหา๚๛

 Punnapope Saipetch *: ๑ ก.ย.๕๔

 

      @ นางใดใจร่ำร้อง                 เรียกหา

 คงจักสวยโสภา                           ไม่น้อย

 สังเกตจากวาจา                          แจ้งกล่าว

 หวังว่างามหยดย้อย                     หยาดฟ้ามาดิน๚๛

 พระมหาวินัย ๒๑.๒๒ น. : ๑ ก.ย.๕๔

...............................................................

 

 

     ๏ อยากจะขึ้นแผ่นป้าย             บอกไป

 แผลลึกสุดดวงใจ                         เจ็บช้ำ

 จักมีแม่นางใด                              มารัก- ษาเฮย

 จงอย่ามาหลอกซ้ำ                     เข็ดแล้วรักลวง

Punnapope Saipetch ‎* ๕ ก.ย.๕๔

 

      @ หญิงใดหนอหลอกล้อ         ลวงฤทัย

ทำท่านจนปวดใจ                          เจ็บแค้น

นางก็ช่างเฉไฉ                              ฉลาดล่อ ลวงนา

ถึงจะร่างอ้อนแอ้น                         อกน้องอุ่นไฉน

พระมหาวินัย ๑๖.๔๗ น. : ๕ ก.ย.๕๔

 ........................................................................

 

มีข้อที่จะพึงสังเกตอยู่ ดังโคลงบทนี้.....

 

   @ ยากจนเขินขาดผ้า              แพรพรรณ

 เรือนอยู่ไร้สีสัน                          สะพรั่งพร้อม

 จิตใจกลับผูกพัน                       พบสุข สงบแฮ

 ดุจดั่งอยู่ในอ้อม                        อกไท้เทวา

 

      โคลงบทนี้แต่งโต้ตอบกันกับโคลงของคุณ  Punnapope Saipetch  ดังที่เขียนไว้ข้างต้น ความหมายก็คือ  "....ถึงแม้จะยากจน ขาดแคลนผ้าห่ม บ้านเรือนเก่าเศร้าหมองไม่งดงาม  แต่เมื่ออยู่อาศัยแล้ว กลับมีความผูกพัน จิตใจสงบสุข เหมือนกับอยู่ในความดูแลของผู้เป็นใหญ่ หรืออยู่ใต้ความคุ้มครองของเทวดาทั้งหลาย..."

    

       มีข้อที่จะต้องชี้แจงอยู่ คือคำว่า  "...สะพรั่งพร้อม..." บางท่านอาจจะคิดว่า เป็นการปฏิเสธกันเอง คือเรือนหลังนี้ ดูเก่าไร้สีสันแล้ว ยังจะมา..สะพรั่ง..(งดงาม)อีก อันที่จริงตามเจตนาแล้ว ความหมายในบทนี้ยังไม่สิ้นกระแส คือบ้านหลังนี้ดูไร้สีสันและยังเน้นย้ำว่าไร้ความงามอีกด้วย 

 

      ส่วนคำว่า "..สะพรั่งพร้อม.." ในบาทที่สองของวรรคหลังในโคลงบทนี้ถ้าถือตามหนังสือหลักภาษาไทยของอาจารย์กำชัย  ทองหล่อ หน้า  ๓๙๓   สามารถนับเป็นสองคำถึงแม้จะเป็นสามพยางค์และประวิสรรชนีย์ออกเสียงสระอะชัดเจนก็ตาม  เพราะเป็นรัสสะสระ   มีเสียงเป็นลหุ  จะรวมสองพยางค์เป็นคำหนึ่ง  หรือหน่วยหนึ่ง  ในการแต่งร้อยกรองท่านว่าก็ใช้ได้   ดังตัวอย่างในหนังสือนั้น  ดังนี้..

 

     @ แท้ไทยใช่เผ่าผู้ .... แผ่มหิทธิ์
 รักสงบระงับจิต ............ ประจักษ์แจ้ง
 ไป่รานไป่รุกคิด ............ คดประทุษ ใครเลย
 เว้นแต่ชาติใดแกล้ง ...... กลั่นร้ายรานไทย๚๛

 

      การนับคำสองพยางค์ที่ประวิสรรชนีย์ เป็นหนึ่งคำนี้ ก็เห็นมีปรากฏในลิลิตอิหร่านราชธรรม ของอาจารย์มนตรี  ตราโมท  แต่ท่านใช้ในบาทที่หนึ่ง  ในวรรคหลัง  ไม่ได้ใช้ในบาทที่สองเช่นอาจารย์กำชัย  ทองหล่อ  ดังตัวอย่างนี้

 

         @ มนตรีตราโมทผู้     ผูกประพันธ์

อิหร่านราชธรรมสรร           ลิลิตสร้าง

ไว้ตรับประดับปัญ                ญาเพิ่ม พูนพ่อ

เป็นนิทัศนะอ้าง                    ออกให้เห็นแล

(ลิลิตอิหร่านราชธรรม หน้า ๑๐๗)

 

     และในโคลงโลกนิติ  (ต้นฉบับลิขิตใหม่)  ฉบับเฉลิมพระเกียรติในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา  ๘๐  พรรษา   ผลงานของอาจารย์พร้อมพงศ์  พรหมจรรย์  มีการใช้ในลักษณะดังกล่าวนี้มาก  ในวรรคหลังของทุกบาท

 

     แต่ในประชุมโคลงโลกนิติ  ฉบับกระทรวงศึกษาธิการจัดพิมพ์ใหม่  พ.ศ.  ๒๕๕๓   ไม่ปรากฏใช้ในบาทที่สอง  แต่เห็นมีใช้ในบาทที่หนึ่ง และสาม  ดังตัวอย่างสำนวนเก่า  โคลงบทที่ ๖๔   หน้าที่  ๑๓๔  ดังนี้..

 

     @ ทองเหลืองเปลื้องร้ายห่อน     เห็นมี

ขัดบ่ร้อยพันที                                  เล่าไซร้

ทองแดงชาติราคี                             ละลายโทษ

ฤามาแต่งตั้งไว้                                ว่าโอ้ไพบูลย์

 

และ ในโคลงบทที่ ๙๓ หน้า ๑๕๘ ดังนี้

     @ ดุเหว่าว่องศัพท์ตั้ง                   ต่างทรง

หญิงภักดีผัวดำรง                             รูปเกื้อ

ร้ายร่างวิชาคง                                   ประกอบรูป

อดจิตเวรบ่เรื้อ                                   รูปเจ้าสมณา                     

 และในโคลงประกอบคาถา บทที่ ๔๗๒ หน้าที่ ๔๖๔ ดังนี้..

     @ กุลบุตรกุลชาติเชื้อ                  ในตระกูล ใหญ่แฮ

สงวนสืบวงศ์ประยูร                            ยืดไว้

แม้ทุกข์พ่างเพียรสูญ                         เสียชีพ ก็ดี

บ่เวียกงานคนไร้                                 ต่ำต้อเสียวงศ์

 

     ในกาพย์ห่อโคลง  ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร  ก็ปรากฏการใช้คำสองพยางค์ที่ประวิสรรชนีย์เป็นหนึ่งคำเช่นกัน   แต่ใช้ในบาทที่หนึ่ง ตามที่ตรวจดูไม่เห็นมีใช้ในบาทที่สองเลย  ถึงแม้โคลงจะไม่นิยมการเล่นสัมผัสสระ นอกเหนือไปจากตำแหน่งที่กำหนด ในโคลงของเจ้าฟ้ากุ้งก็ยังมีปรากฏให้คำที่ห้า  ในบาทที่หนึ่ง  กับคำที่  ๗ ในบาทที่สอง เป็นสระเสียงเดียวกัน  ลักษณะนี้มีเห็นมากมาย  ดังตัวอย่างนี้..

 

     @ เล็บนางนวยแน่งน้อย           พอพึง

นางแก้มแกมดองดึง                      อีกอ้อย

สุพรรณิกากระทึง                          บานแบ่ง

ราชพฤกษ์ซึกดวงย้อย                  พู่เพี้ยงไทรไตร

 

     @ เตยตาลปอป่านเป้ง               เตงอะโข

สรลเปรียบหางสิงโต                      ต่ำผุ้ม

ต้นทองตลองตองโพ                      ทเลเรียบ

พุทราสักสูงกลุ้ม                             ค่าไม้กระถินงาม

 

     @ ปรูประเดียรดาดด้วย             ระกำแดง

รกฟ้าหญ้านางแฝง                         ฝากเหรื้อง

พัวชุ่มชุมแสงแซง                           กางกิ่ง

ลูกดกตกลงเหนื้อง                          กลาดกลุ้มกลางดิน

.................................................................

    แสดงข้อสังเกตมาก   จนทำให้บันทึกมีความยาวซึ่งยากต่อการอ่าน    แต่ก็เป็นประโยชน์สำหรับผู้มุ่งศึกษา   เพื่อที่จะทำให้เข้าใจในฉันทลักษณ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น   จะได้มีความมั่นใจในการแต่ง   ว่าลักษณะนี้   บูรพาจารย์จารย์ท่านก็เคยพาทำมาแล้ว   แต่บางคำในบางโคลงก็เป็นไปตามเจตนาเฉพาะท่าน   ข้อนั้นจงยกไว้เถิด   และอีกอย่างโคลงในสมัยนั้น   อาจจะได้รับต้นแบบมาจากกาพย์สินธุมาลีบ้าง  มหาสินธุมาลีบ้าง หรือกาพย์อื่นๆ  ซึ่งมีรูปแบบสัมผัสเหมือนโคลง  แต่ไม่กำหนดเอกโทเหมือนโคลง 

     ขอขอบคุณคุณครูภาฯ ไว้ในที่นี้ด้วยที่เป็นแรงบันดาลใจให้สนใจศึกษา และเป็นผู้สอนสั่งชี้แนะในเรื่องนี้....พระมหาวินัย
   

    

    

หมายเลขบันทึก: 458135เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2011 21:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 10:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

ไม่ได้ไปเยี่ยมอาจารย์นานแล้ว หวังว่าคงจักสบายดี ขออนุโมทนา ขอให้อาจารย์มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง

นมัสการพระมหาวินัย

  • ขอแสดงความชื่นชมในผลงานที่งดงามทั้งลีลาและความหมาย
  • ชื่นชมไปถึงคุณครูภาทิพ ที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาได้อย่างยอดเยี่ยม
  • ขอให้มีความสุขในการเขียนโคลงและบทร้อยกรองต่างๆ ครับ

นมัสการเจ้า

โคลงสี่บ่ค่อยจ้างเจ้า ต้องคอยแอบดูโฉนด

เสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใด พี่เอย .. อยู่ร่ำไป

..

โคลงสี่สุภาพปราบเซียน กวี

ด้วยฉันทลักษณ์มี แตกต่าง

เพียรพยายามหาคำดี ที่มี จำกัด

ต้องนำมาจัดวาง สร้างสรรค์ รำพัน

..

ขอบพระคุณเจ้าค่ะ

ขอบคุณอาจารย์สันติสุข อาจารย์ ดร. พจนา  และคุณโยม Poo ที่มาเยี่มชมบันทึกนี้ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงทุกท่าน

ขอบคุณ คุณครูปอ ที่มาเยี่ยมขอให้คุณครุมีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง

       คำโคลงคมคล่องคล้าย         คำครู

เพราะพร่างเพียงเพชรพรู              เพริศแพร้ว

เฉกฉันท์เชี่ยวเคยชู                     ชมชื่น   ก่อนนา 

กลเกิดกวีแก้ว                            ก่องเกื้อธรรมฉาย

ขอบคุณคุณครูที่มาตรวจ มาให้กำลังใจลูกศิษย์ พร้อมกับเขียนโคลงให้อีก ขอให้คุณครูมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง

ขอเป็นผู้ศึกษาอีกคนค่ะ ไม่ค่อยสันทัดเรื่องโคลง

มีเวลาเมื่อไหร่จะแวะมาฝึกด้วยคนนะคะ

นมัสการพระคุณเจ้าค่ะ

เป็นหนึ่งความงามทางภาษา น่าเรียนรู้ค่ะ

     ขออนุโมทนาขอบคุณ คุณครูอิง และคุณ(หมอ)ถาวร ที่มาเยี่ยม ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง    ยังจำบทนี้ของคุณหมอได้อยู่นะ

                           คือลมหายใจและการอยู่รอด
                      ต้องปรับตัวตลอดเพื่อคงอยู่
                      ประสบการณ์ชีวิตผิดเป็นครู 
                      เรียนรู้ สู้...ถอย… การปล่อยวาง

ข้อแสดงความนับถือท่านมหาจากใจจริงสมแล้วที่เป็นพระปาฏิโมกข์

  • กราบนมัสการ พระมหาวิันัย
  • แวะมาชื่นชมบทโคลงที่มีค่าให้ข้อคิดทั้งทางโลกและทางธรรม
  • กราบขอบพระคุณที่เมตตาแวะไปทักทายค่ะ

ท่านอาจารย์ปัญญาก็มาร่วมศึกษาเช่นกัน... ขอบคุณครูดอกไผ่ ที่มาเยี่ยมชม เรื่องโคลงยังต้องฝึกอีกมาก คงต้องขอคำชี้แนะจากคุณครู โคลงกระทู้ของคุณครูบทนี้ไพเราะและความหมายดีมาก..

     วรา         ประเสริฐยิ่งแท้          คำนาม
ภรณ์           ประดับงดงาม            เลิศล้ำ
ธรรมทิพย์    ทั่วโลกสาม               ยกย่อง   ชมแฮ
สกุล
            ดั่งทวยเทพค้ำ         ก่อเกื้อฤาไฉน

และอีกบทหนึ่งสั้นๆ แต่ความหมายยิ่งใหญ่มาก

...เป็นแค่เพียง "ดอกไผ่" ใช่ "ดอกฟ้า"
เฉกดอกหญ้าค่าด้อยไร้คนถาม
ชีพดำรงคงอยู่เพียงครู่ยาม
ประทับความดีฝากก่อนจากจร...

 

   @ โรคกายที่ว่าร้าย            รุนแรง
 ยังอาจหายสำแดง                เดชได้
 โรคกรรมยากเปลี่ยนแปลง    เปลื้องปลด
 ประมาทสองสิ่งไซร้              อาจสิ้นชีวี
 

@ กรรมดีผิี่ก่อไว้                  วันวาน
 กรรมจักเป็นแก่นสาร            สวัสดิ์พร้อม
 กรรมชั่วชั่วสามานย์             มีมาก มายนา
 กรรมจักตามแวดล้อม           เร่งเร้าเราเอง


 @ กลัวเกรงกรรมชั่วช้า         ชิดเชย
 กรรมบ่ห่อนล่วงเลย              ละเว้น
 กรรมนั้นจักคอยเผย             ผลผลิต
 ตามส่งตามหนุนเน้น             ณ ผู้กระทำ
 ....................................................
 พระมหาวินัย ๒๑.๑๑ น. : ๓๑ ส.ค. ๕๔

โคลงกระทู้   “...อมพระมาพูด..”
 @ อม พระมากล่าวถ้อย         กระทงความ
 พระ พูดพางดงาม                เพราะพร้อง
 มา แนะเพื่อตรองตาม           ตนกล่าว แจ้งเฮย
 พูด เก่งทั้งถูกต้อง                ต่างล้วนสรรเสริญ๚๛
 ...............................................................................
 พระมหาวินัย ๑๒.๑๖ น. : ๙ ก.ย. ๕๔

โคลงกระทู้    "...หน้าเนื้อใจเสือ.."
 @ หน้า ตาสวยสดซึ้ง           ชวนมอง
 เนื้อ นาฏนวลดั่งทอง            ทาบไว้
 ใจ เธอช่างมัวหมอง             มาโหด ร้ายนอ
 เสือ สิสิงสู่ไซร้                    สร่างสิ้นเสน่หา๚๛
 ..............................................................
 พระมหาวินัย ๑๖.๕๑ น.: ๙ ก.ย. ๕๔

@ ปาก ก็พร่ำแซ่ซ้อง         สรรเสริญ
 หวาน จัดจนมดเมิน          มิใกล้
 ก้น บึ้งสิขัดเขิน               ขาดเมตต์
 เปรี้ยว เผ็ดรสเด็ดได้         ดับดิ้นแดดาย๚๛
 ..............................................................
 พระมหาวินัย ๑๐.๓๓ น. : ๑๐ ก.ย.๕๔

@ ปาก เขามีไว้เพื่อ        พรรณนา
 เอก เอ่ยอรรถวาจา         จบถ้วน
 เลข ลิขิตอักษรา           ลงสู่ สมุดแฮ
 โท ท่านมีครบล้วน         เลิศแล้วเลบงงาน๚๛
 ................................................................
 พระมหาวินัย ๑๒.๕๗ น. : ๑๐ ก.ย.๕๔

@ ปาก เพิ่งพูดเสร็จสิ้น       กระแสเสียง
 ว่า รักยิ่งใหญ่เคียง             คู่ฟ้า
 มือ เรียมสิเอนเอียง            ออกห่าง เหินนอ
 ถึง จะกล่าวเก่งกล้า            ก็ไร้ความหมาย
 ..............................................................
 พระมหาวินัย ๙.๕๔ น. : ๑๐ ก.ย.๕๔

@ใยท่านจึงโหดร้าย          เหลือเกิน
 เพื่อนส่งคำร้องเชิญ          มอบไว้
 แต่ท่านกลับทำเมิน          มองไม่ เห็นนอ
 เขาจะโกรธเกลียดไซร้      ส่งถ้อยนินทา
 ............................................................
 พระมหาวินัย ๑๐ ก.ย.๕๔

@เขามาทักท่านแ้ล้ว        เมินเฉย
 ทำหยิ่งจนละเลย            รับไว้
 คงจะด่าเปรียบเปรย        ปรามาส
 รีบรับกระชับใกล้             กับผู้สุจรรยา
 .........................................................................
 พระมหาวินัย ๑๐ ก.ย.๕๔

@ เรียมเองหาใช่เชื้อ           ชาติบัว
 บ่หวั่นหวาดเกรงกลัว           กลัดกลุ้ม
 เพียงเพราะมั่นใจตัว            เต็มที่
 ถึงบ่มาโอบอุ้ม                   ออดอ้อนก็ตาม

 @ พยายามเลือกเฟ้น          ฝากใจ
 เลือกมากคงคลาไคล          คลาดแคล้ว
 อดชมพักตร์พิสมัย              สมพาส
 บุญบ่สมควรแก้ว                เกี่ยวข้องเคียงเขนย๚ ๛
 ................................................................
 "...ตีความจากสาร..."
 พระมหาวินัย ๑๙.๒๖ น. : ๑๐ ก.ย. ๕๔

@ อ้าตนอย่าหม่นเศร้า           เสียศรี
 หนักแน่นต่อพจี                   จาบจ้วง
 ปากกล้าแต่ท่าที                  แท้ถ่อย
 เมื่อเหมาะก็ทักท้วง               ถกข้อกังขา๚๛
 ........................................................................
 พระมหาวินัย ๒๑.๑๘ น. : ๑๑ ก.ย.๕๔

 

@ หลงใหลลายลักษณ์แล้ว          เลยลอง
 กลอนกาพย์กลกลั่นกรอง            กล่าวแกล้ง
 ร้อยรักษ์ร่ายเรืองรอง                  เริงรื่น
 ซึ้งซาบสุดเสแสร้ง                    สร่างสิ้นโศกศัลย์๚๛
 ............................................................................
 พระมหาวินัย ๙.๒๓ น. : ๑๒ ก.ย.๕๔

@ เพียงพากเพียรเพริศแพร้ว          พรรณราย
 กลอนกาพย์โคลงคลี่คลาย           ขัดข้อง
 ขาดขยันขาดมุ่งหมาย                 มนสิ -การนา
 คงบ่พาพจน์พร้อง                      เพราะพริ้งพึงใจ๚๛
 

@ ลองถูกลองผิดพลั้ง                 ไปพลาง
 แรกแรกย่อมหลงทาง                  เที่ยงแท้
 สนใจไป่ปล่อยวาง                     วิวัฒ -นานอ
 วันหนึ่งจักเลิศแล้                      และแล้วงดงาม๚๛
 ...........................................................
 พระมหาวินัย ๑๑.๔๘ น. : ๑๒ ก.ย.๕๔

 

@ อายครูไป่รอบรู้               วิทยา
 อายชื่นชมภรรยา                คู่ซ้อน
 อายบุญบ่นำพา                  พูนเพิ่ม
 สามสิ่งมัวยอกย้อน             หยุดยั้งควรไฉน๚๛
 ....................................................................
 พระมหาวินัย ๑๙.๓๕ น. : ๑๒ ก.ย.๕๔

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท