.......................................................................
.......................................................................
........................................................................
.......................................................................
นมัมการครับพระคุณเจ้า
ไม่ได้ไปเยี่ยมอาจารย์นานแล้ว หวังว่าคงจักสบายดี ขออนุโมทนา ขอให้อาจารย์มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
นมัสการพระมหาวินัย
นมัสการเจ้า
โคลงสี่บ่ค่อยจ้างเจ้า ต้องคอยแอบดูโฉนด
เสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใด พี่เอย .. อยู่ร่ำไป
..
โคลงสี่สุภาพปราบเซียน กวี
ด้วยฉันทลักษณ์มี แตกต่าง
เพียรพยายามหาคำดี ที่มี จำกัด
ต้องนำมาจัดวาง สร้างสรรค์ รำพัน
..
ขอบพระคุณเจ้าค่ะ
ขอบคุณอาจารย์สันติสุข อาจารย์ ดร. พจนา และคุณโยม Poo ที่มาเยี่มชมบันทึกนี้ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงทุกท่าน
นมัสการค่ะท่าน
ขอบคุณ คุณครูปอ ที่มาเยี่ยมขอให้คุณครุมีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง
คำโคลงคมคล่องคล้าย คำครู
เพราะพร่างเพียงเพชรพรู เพริศแพร้ว
เฉกฉันท์เชี่ยวเคยชู ชมชื่น ก่อนนา
กลเกิดกวีแก้ว ก่องเกื้อธรรมฉาย
ขอบคุณคุณครูที่มาตรวจ มาให้กำลังใจลูกศิษย์ พร้อมกับเขียนโคลงให้อีก ขอให้คุณครูมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
ขอเป็นผู้ศึกษาอีกคนค่ะ ไม่ค่อยสันทัดเรื่องโคลง
มีเวลาเมื่อไหร่จะแวะมาฝึกด้วยคนนะคะ
นมัสการพระคุณเจ้าค่ะ
เป็นหนึ่งความงามทางภาษา น่าเรียนรู้ค่ะ
ขออนุโมทนาขอบคุณ คุณครูอิง และคุณ(หมอ)ถาวร ที่มาเยี่ยม ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ยังจำบทนี้ของคุณหมอได้อยู่นะ
คือลมหายใจและการอยู่รอด
ต้องปรับตัวตลอดเพื่อคงอยู่
ประสบการณ์ชีวิตผิดเป็นครู
เรียนรู้ สู้...ถอย… การปล่อยวาง
ข้อแสดงความนับถือท่านมหาจากใจจริงสมแล้วที่เป็นพระปาฏิโมกข์
ท่านอาจารย์ปัญญาก็มาร่วมศึกษาเช่นกัน... ขอบคุณครูดอกไผ่ ที่มาเยี่ยมชม เรื่องโคลงยังต้องฝึกอีกมาก คงต้องขอคำชี้แนะจากคุณครู โคลงกระทู้ของคุณครูบทนี้ไพเราะและความหมายดีมาก..
วรา ประเสริฐยิ่งแท้ คำนาม
ภรณ์ ประดับงดงาม เลิศล้ำ
ธรรมทิพย์ ทั่วโลกสาม ยกย่อง ชมแฮ
สกุล ดั่งทวยเทพค้ำ ก่อเกื้อฤาไฉน
และอีกบทหนึ่งสั้นๆ แต่ความหมายยิ่งใหญ่มาก
...เป็นแค่เพียง "ดอกไผ่" ใช่ "ดอกฟ้า"
เฉกดอกหญ้าค่าด้อยไร้คนถาม
ชีพดำรงคงอยู่เพียงครู่ยาม
ประทับความดีฝากก่อนจากจร...
@ โรคกายที่ว่าร้าย รุนแรง
ยังอาจหายสำแดง เดชได้
โรคกรรมยากเปลี่ยนแปลง เปลื้องปลด
ประมาทสองสิ่งไซร้ อาจสิ้นชีวี
@ กรรมดีผิี่ก่อไว้ วันวาน
กรรมจักเป็นแก่นสาร สวัสดิ์พร้อม
กรรมชั่วชั่วสามานย์ มีมาก มายนา
กรรมจักตามแวดล้อม เร่งเร้าเราเอง
@ กลัวเกรงกรรมชั่วช้า ชิดเชย
กรรมบ่ห่อนล่วงเลย ละเว้น
กรรมนั้นจักคอยเผย ผลผลิต
ตามส่งตามหนุนเน้น ณ ผู้กระทำ
....................................................
พระมหาวินัย ๒๑.๑๑ น. : ๓๑ ส.ค. ๕๔
โคลงกระทู้ “...อมพระมาพูด..”
@ อม พระมากล่าวถ้อย กระทงความ
พระ พูดพางดงาม เพราะพร้อง
มา แนะเพื่อตรองตาม ตนกล่าว แจ้งเฮย
พูด เก่งทั้งถูกต้อง ต่างล้วนสรรเสริญ๚๛
...............................................................................
พระมหาวินัย ๑๒.๑๖ น. : ๙ ก.ย. ๕๔
โคลงกระทู้ "...หน้าเนื้อใจเสือ.."
@ หน้า ตาสวยสดซึ้ง ชวนมอง
เนื้อ นาฏนวลดั่งทอง ทาบไว้
ใจ เธอช่างมัวหมอง มาโหด ร้ายนอ
เสือ สิสิงสู่ไซร้ สร่างสิ้นเสน่หา๚๛
..............................................................
พระมหาวินัย ๑๖.๕๑ น.: ๙ ก.ย. ๕๔
@ ปาก ก็พร่ำแซ่ซ้อง สรรเสริญ
หวาน จัดจนมดเมิน มิใกล้
ก้น บึ้งสิขัดเขิน ขาดเมตต์
เปรี้ยว เผ็ดรสเด็ดได้ ดับดิ้นแดดาย๚๛
..............................................................
พระมหาวินัย ๑๐.๓๓ น. : ๑๐ ก.ย.๕๔
@ ปาก เขามีไว้เพื่อ พรรณนา
เอก เอ่ยอรรถวาจา จบถ้วน
เลข ลิขิตอักษรา ลงสู่ สมุดแฮ
โท ท่านมีครบล้วน เลิศแล้วเลบงงาน๚๛
................................................................
พระมหาวินัย ๑๒.๕๗ น. : ๑๐ ก.ย.๕๔
@ ปาก เพิ่งพูดเสร็จสิ้น กระแสเสียง
ว่า รักยิ่งใหญ่เคียง คู่ฟ้า
มือ เรียมสิเอนเอียง ออกห่าง เหินนอ
ถึง จะกล่าวเก่งกล้า ก็ไร้ความหมาย
..............................................................
พระมหาวินัย ๙.๕๔ น. : ๑๐ ก.ย.๕๔
@ใยท่านจึงโหดร้าย เหลือเกิน
เพื่อนส่งคำร้องเชิญ มอบไว้
แต่ท่านกลับทำเมิน มองไม่ เห็นนอ
เขาจะโกรธเกลียดไซร้ ส่งถ้อยนินทา
............................................................
พระมหาวินัย ๑๐ ก.ย.๕๔
@เขามาทักท่านแ้ล้ว เมินเฉย
ทำหยิ่งจนละเลย รับไว้
คงจะด่าเปรียบเปรย ปรามาส
รีบรับกระชับใกล้ กับผู้สุจรรยา
.........................................................................
พระมหาวินัย ๑๐ ก.ย.๕๔
@ เรียมเองหาใช่เชื้อ ชาติบัว
บ่หวั่นหวาดเกรงกลัว กลัดกลุ้ม
เพียงเพราะมั่นใจตัว เต็มที่
ถึงบ่มาโอบอุ้ม ออดอ้อนก็ตาม
@ พยายามเลือกเฟ้น ฝากใจ
เลือกมากคงคลาไคล คลาดแคล้ว
อดชมพักตร์พิสมัย สมพาส
บุญบ่สมควรแก้ว เกี่ยวข้องเคียงเขนย๚ ๛
................................................................
"...ตีความจากสาร..."
พระมหาวินัย ๑๙.๒๖ น. : ๑๐ ก.ย. ๕๔
@ อ้าตนอย่าหม่นเศร้า เสียศรี
หนักแน่นต่อพจี จาบจ้วง
ปากกล้าแต่ท่าที แท้ถ่อย
เมื่อเหมาะก็ทักท้วง ถกข้อกังขา๚๛
........................................................................
พระมหาวินัย ๒๑.๑๘ น. : ๑๑ ก.ย.๕๔
@ หลงใหลลายลักษณ์แล้ว เลยลอง
กลอนกาพย์กลกลั่นกรอง กล่าวแกล้ง
ร้อยรักษ์ร่ายเรืองรอง เริงรื่น
ซึ้งซาบสุดเสแสร้ง สร่างสิ้นโศกศัลย์๚๛
............................................................................
พระมหาวินัย ๙.๒๓ น. : ๑๒ ก.ย.๕๔
@ เพียงพากเพียรเพริศแพร้ว พรรณราย
กลอนกาพย์โคลงคลี่คลาย ขัดข้อง
ขาดขยันขาดมุ่งหมาย มนสิ -การนา
คงบ่พาพจน์พร้อง เพราะพริ้งพึงใจ๚๛
@ ลองถูกลองผิดพลั้ง ไปพลาง
แรกแรกย่อมหลงทาง เที่ยงแท้
สนใจไป่ปล่อยวาง วิวัฒ -นานอ
วันหนึ่งจักเลิศแล้ และแล้วงดงาม๚๛
...........................................................
พระมหาวินัย ๑๑.๔๘ น. : ๑๒ ก.ย.๕๔
@ อายครูไป่รอบรู้ วิทยา
อายชื่นชมภรรยา คู่ซ้อน
อายบุญบ่นำพา พูนเพิ่ม
สามสิ่งมัวยอกย้อน หยุดยั้งควรไฉน๚๛
....................................................................
พระมหาวินัย ๑๙.๓๕ น. : ๑๒ ก.ย.๕๔