“ความสามัคคี” สมเด็จพระวันรัต ณ มมร ศาลายา
โครงการสัมมนามหามกุฏวิชาการประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔ ระหว่างวันที่ ๒๓ –๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ ณ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ศาลายา นครปฐม มีความประทับใจในโอวาทของเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต อุปนายกมหาวิทยาลัยฯ จึงขอนำมาให้ทุกท่านได้อ่านเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อไป
...การประชุม“สัมมนามหามกุฏวิชาการ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔” ครั้งนี้ ตามที่พระเทพปริยัติวิมล อธิการบดี กล่าวรายงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมมงคลอายุ ๘๔ พรรษา ตามที่เราทราบ พระองค์ทรงห่วงใยการศึกษาของสงฆ์ไทย พระองค์ทรงบริจาคพระราชทรัพย์จำนวน ๗๒ ล้านบาท เพื่อตั้งเป็นกองทุนเพื่อการศึกษาและการเผยแพร่ของคณะสงฆ์ไทย
ประการสำคัญของวัตถุประสงค์การจัดการประชุมสัมมนามหามกุฏวิชาการคือ เพื่อความสามัคคี เป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์ที่อธิการบดีกล่าวรายงาน ความสามัคคีเป็นสิ่งที่สำคัญทุกหน่วยงานองค์การในสังคม ในสถาบันต่างๆ ความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญ พระพุทธเจ้าเน้นให้เกิด “สามัคคี” เป็นที่ตั้ง ดังคำสอนที่ว่า ...
“ให้มองความขัดแย้งโต้แย้งเป็นภัย
มองความเป็นหนึ่งอันเดียวกันคือความเกษม
คือความอยู่ดีมีสุขจึงกล่าวว่าสามัคคี”
เป็นความประสงค์ของทุกสังคม ทุกสถานที่ การที่ท่านทั้งหลาย (คณาจารย์) มาประชุมกัน ในงานประชุมสัมมนามหามกุฏวิชาการวัตถุประสงค์หนึ่งคือความสามัคคีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนสาวก เน้นสามัคคีเป็นหลักสถาบันทุกสถาบันกลุ่มชนทุกกลุ่ม จัดตั้งขึ้นมาเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของสถาบันความเจริญรุ่งเรืองจะมีขึ้นได้ด้วยความสามัคคีเป็นหลัก ตราบใดที่ความสามัคคีไม่เกิดสถาบัน สังคม ชุมชนก็บรรลุความเจริญมิได้...
จึงกล่าวได้ว่าการประชุมสัมมนามหามกุฏวิชาการที่อธิการบดีกล่าวรายงานวัตถุประสงค์หนึ่งคือให้มีความสามัคคีกระผม/อาตมาภาพถือว่าเป็นวัตถุประสงค์สำคัญ ความสามัคคีจะเกิดขึ้นได้นั้นมิได้เกิดขึ้นได้เอง เราทุกคนต้องมีใจ ต้องทำใจมั่นคงแน่วแน่ เมื่อเราเป็นคนหนึ่งที่มาอยู่ในสังคม ในสถาบันแล้ว เราต้องยอมรับนับถือกัน แม้ไม่ตรงกับความคิดเห็นส่วนตน เราต้องยอมถอยบ้าง ตราบใดที่เราไม่ยอมรับความคิดเห็นของกัน เราไม่ยอมรับความเป็นใหญ่ของผู้ปกครอง ความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเกิดขึ้นยาก ต้องทำใจให้ยอมรับในความคิดเห็นในข้อปฏิบัติ เพื่อความเจริญงอกงามไพบูรณ์ของสถาบัน เมื่อเรายอมรับก่อให้เกิดความสามัคคี การประชุมครั้งนี้จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง
อีกทั้งการทำการประชุมสัมมนามหามกุฏวิชาการให้สอดคล้องกับหลักพระพุทธศาสนาวิชาความรู้ เป็นคุณประโยชน์ เป็นเรื่องยากที่จะทำวิชาความรู้ให้สอดคล้องกับพระพุทธศาสนาถ้าหากไม่ประกอบด้วยคุณธรรม คุณธรรมเป็นเรื่องที่จะต้องอบรมฝึกหัดให้เกิดขึ้นในจิตใจของแต่ละคนถ้าหากการประชุมสัมมนาฯให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่อธิการบดีกล่าวรายงานแล้ว ยังต้องมองถึงการฝึกหัดจิตใจให้ประกอบด้วยคุณธรรมดังที่กล่าวด้วย
ดังนั้นการประชุมสัมมนามหามกุฏวิชาการจะเกิดประโยชน์สูงสุดตามวัตถุประสงค์ที่มองเห็นนั้นคือ.-
๑.ความเป็นเอกีภาพ ความสามัคคี ทั้งคณาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษาให้ทุกคนมีจิตใจที่มองเห็นสถาบันเป็นหลักไม่ใช่มองส่วนตนเป็นหลัก
๒. ความมีคุณธรรมเชิดชูวิชาการต่างๆ ให้สอดคล้องกับพระพุทธศาสนา ถ้าเราเป็นไปตามวัตถุประสงค์ทั้งสองข้อจะเกิดประโยชน์ต่อสถาบัน ต่อคณาจารย์อย่างยิ่ง
จึงขอให้โครงการสัมมนามหามกุฏวิชาการครั้งนี้บรรลุตามวัตถุประสงค์อันจะเป็นประโยชน์ต่อสถาบัน และต่อคณาจารย์โดยส่วนรวม
พระครูปลัด จิตติชัย จิตฺติชโย, ดร.
รก.ผู้อำนวยการวิทยาลัยศาสนศาสตร์ล้านนา
ณ หอพักสมาธิ มมร ศาลายา นครปฐม
๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๔
ไม่มีความเห็น