ภาพแปลงข้าวนาข้าวไร่ของชาวบ้าน
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 54 ได้ดูข่าว เรื่องเด่นเย็นนี้ที่สรยุทธ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ มีการนำเรื่อง "เครือข่ายกะเหรี่ยงยื่นหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบ จนท.แก่งกระจาน ไล่ล่า ทำลายทรัพย์สิน" มาถกกัน โดยได้เชิญตัวแทนจากฝ่ายกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และฝ่ายกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ มาคุยกัน มีการถกกันเรื่องไล่เลื่อนลอย กับไร่หมุนเวียน กลับไปกลับมา ทำให้คนฟังสับสนเข้าใจผิด ฉันในฐานะผู้บริโภคข่าวสารและเป็นคนทำงานในพื้นที่ อยากจะเล่าเรื่องวิถีชีวิตการทำไร่ข้าวของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง...
ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงมีการดำรงชีวิตแบบพึ่งพาน้ำ พึ่งพาป่า เพราะพวกเขาถือว่าป่าใหญ่คือแหล่งกำเนิดของต้นน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนในชุมชน สำหรับการทำไร่นั่น จะมีการเลือกทำเลทำไร่ ซึ่งมีข้อห้ามอยู่ว่าห้ามทำไร่ในเขตต้นน้ำหรือตาน้ำ ห้ามทำไร่ระหว่างสองฝั่งแม่น้ำ ห้ามทำไร่บนยอดเขา และเมื่อทำไร่เสร็จในปีนั้นแล้วต้องปล่อยทิ้งไว้ให้พื้นดินมีโอกาสฟื้นสภาพป่า (อ้อ..ชาวบ้านจะมีแปลงทำไร่อยู่ 7 แปลง และจะเวียนทำไร่ปีละ 1 แปลง...นี่แหละคือการทำไร่หมุนเวียน) กว่าจะทำให้ครบ 7 แปลง วนกลับมาแปลงที่ 1 อีกรอบ สถาพดินและป่าก็กลับมาสมบูรณ์ และยังทำให้ได้ผลผลิตข้าวดีอีกด้วย
อีกเรื่องสำหรับการถางป่าสำหรับทำไร่นั้น ชาวบ้านจะเลือกถางต้นเล็ก ๆ ส่วนต้นใหญ่ ๆ จะตัดให้เหลือตอไว้ เพื่อไม่ให้มันตายทั้งหมด เมื่อหมดฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว ต้นไม่เหล้านั้นก็จะสามารถแตกกิ่งก้านสาขาใหม่ได้ต่อไป
ส่วนกิจกรรมการปลูกข้าวไร่ ชาวบ้านปลูกข้าวแบบผสมผสาน มีพืชผักหลายในชนิดลงบนแปลงบริเวณเชิงเขา เช่น ผัก พริก เผือก มัน ฯลฯ เพราะพืชผักบางชนิดเป็นตัวล่อแมลงเพื่อเป็นอาหารของแมลงอีกชนิด ถือเป็นภูมิปัญญาของกะเหรี่ยงในเรื่องกำจัดแมลง และยังเป็นรักษาสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง เพราะไม่ต้องใช้สารเคมีกำจัดแมลง
ไร่หมุนเวียน คือ ไร่ที่เวียนกลับมาทำใหม่ได้อีก เมื่อครบ 7 ปี ชาวบ้านไม่มีการโยกย้ายที่อยู่อาศัย
สำหรับไร่เลื่อนลอยนั้น คือ การทำไร่แบบถางใหม่เรื่อย ๆ หรือขายพื้นที่ให้กว้างมากขึ้น ชาวบ้านอาจจะมีการโยกย้ายที่อยู่ไปด้วย
แต่ระยะหลัง ๆ มาจะเห็นนายทุนมากมายเข้าไปถางป่าเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ และปลูกพืชเศรษฐกิจที่ต้องใช้สารเคมีมากมาย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำลายสมดุลของธรรมชาติอีกด้วย...เมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติต่าง ๆ สังคมมักจะตราหน้าว่าเพราะชาวเขาทำลายป่า...ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้ว่า ผู้ที่ทำลายที่แท้จริงคือใคร..แต่..ไม่ผิดหรอกค่ะ ที่จะคิดเช่นนั้น เพราะไม่ได้คลุกคลีกับชุมชน แต่คนทำงานในพื้นที่บางคนยังไม่เข้าใจชุมชนเลยนะสิ..ผิดกว่า
.....
บันทึก...หลังเขา
ดีแล้วครับที่ได้เขียนบันทึกนี้ ... ให้ข้อเท็จจริงมันเดินทางไปไกล ๆ ให้คนที่เขาไม่ใช่คนพื้นที่ได้เข้าใจตรงกัน มิฉะนั้น ก็มีแต่ข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้หลุดหายไปกับกาลเวลา
ครูสนับสนุนบันทึกลักษณะนี้นะครับ
ป.ล. ตัวหนังสือตัวเล็กไปหน่อย อาจจะต้องใส่โค้ด CSS ช่วยครับ
ที่คำสั่ง ตกแต่งบล็อก ครับ (หาให้เจอนะ)
#post .body {
font-size: 11pt;
line-.5em;
}
ใส่โค้ดนี้เข้าไป ตัวอักษรในบันทึกจะใหญ่ขึ้นทุกบันทึกเลย ;)...
อาจารย์ค่ะ แก้ไขแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
ส่วนเรื่องบันทึก หนูก็ไม่มีความสามารถมากมาย
บอกเล่าบางสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงค่ะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจมากมายจากอาจารย์นะค่ะ
ตัวหนังสือใหญ่ขึ้นแล้วเนาะ ... เก่งมากเลย ดอกหญ้าน้ำ ;)...
การเขียนบันทึก คือ เรื่องเล่าที่เรามีโอกาสได้พบเห็นจากประสาทการรับรู้ทั้งหมดของตนเองไงครับ
ตาดู หูฟัง จมูกได้กลิ่น ลิ้นลิ้มรส และผิวสัมผัส ไง จำได้ไหมเอ่ยที่เรียนมา
เขียนตามที่ตนเองอยากเขียนครับ ไม่ต้องกังวลใจเรื่องใครชอบ หรือ ไม่ชอบ เขียนถูก หรือ ไม่ถูก ... มันไม่มีผลใด ๆ ต่อการเขียนของเราครับ
สู้ สู้ ;)...
บทเรียนมีค่ามากมายจะลมได้อย่างไรละค่ะอาจารย์
บทความเรื่องนี้เขียนจากข้อเท็จจริงล้วน ๆ เลยค่ะ
มาส่งกำลังใจ และยืนยันเห็นด้วย ด้วยความเข้าใจในวิถีชีวิตชุมชนเจ้า
คนอยู่ป่าเค้ารักและเข้าใจธรรมชาติป่า เพราะเกื้อกูลกันและกัน
เชื่อมั่น ศรัทธา จะรอติดตามบันทึกที่มีคุณค่าต่อธรรมชาตินะคะ ขอบคุณเจ้า
ขอบคุณค่ะคุณ Poo ทั้งความเข้าใจในวิถีชีวิตชุมชน
และกำลังใจที่มีให้ค่ะ
ไม่ค่อยได้พบมากเท่าใดนักกับบันทึกหรือบทความดีๆ บนระบบสารสนเทศอินเตอร์เน็ต พอดีมาพบเข้ากับการค้นหาข้อมูลไร่เลื่อนลอย ก็เข้ามาอ่าน ผู้บันทึกจัดทำได้ดีมากครับ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ดีๆ และมีประโยชน์อย่างนี้ คนยุคปัจจุบันไม่ทราบ ไม่เข้าใจและไม่รู้สึก ผมยังคัดค้านในหมู่เพื่อนฝูงเวลาเราคุยกันเรื่องการนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปยังสังคมชาวเขา ว่านำความเจริญไปให้เขา แต่ผมบอกว่าเรากำลังนำความยุ่งยากและเรากำลังไปทำลายวิถีชีวิตของเขา เราควรดูแลอยู่ห่างๆและคอยช่วยเหลือเมื่อเขาต้องการจริงๆ มิใช่เข้าไปเพียงเพื่อผลประโยชน์บางอย่างแล้วมาบอกว่าเข้าไปช่วยเหลือเขา หวังว่าคุณดอกหญ้าน้ำจะทำหน้าที่สะท้อนภาพหรือความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีชุมชนเหล่านี้ให้กับสังคมชาวเราต่อไป ขอบคุณครับ
บทความนี้เป็นประโยชน์มากค่ะสำหรับผู้ที่สนใจ เรื่องความแตกต่างระหว่างการทำไร่เลื่อนลอย และไร่หมุนเวียน คุณดอกหญ้าน้ำ มีรูปภาพของไร่หมุนเวียน อีกบ้างมั๊ยค่ะ อยากเห็นความแตกต่างของไร่เลื่อนลอย และไร่หมุนเวียน ขอบคุณมากค่ะสำหรับความรู้ดี ดี และเป็นประโยชน์