เซอร์ ไอแซค นิวตัน นักวิทยาศาสตร์เอกของโลกท่านหนึ่ง ตั้งกฎที่สำคัญไว้ว่า “สรรพสิ่งที่มีมวลย่อมหยุดนิ่งหรือเคลื่อนไปในทิศทางเดิมด้วยความเร็ว (หรือความช้า) เดิม จนกว่าจะใส่แรงจากภายนอกเข้าไปเพื่อเปลี่ยนแปลง”
องค์กรเปรียบได้กับวัตถุก้อนหนึ่งที่มีมวล (ขนาด) และ ความเร็วในการเคลื่อนที่ (โมเมนตัม) ซึ่งกำลังเคลื่อนที่ไป(หรือคิดว่าเคลื่อนที่ไป)ในทิศทางหนึ่งเพื่อไปสู่จุดหมายอันหนึ่ง (ถ้ามี)
ก่อนอื่นควรต้องวิเคราะห์ให้ได้เสียก่อนว่ากำลังเดินไปในทิศทางที่มุ่งหวังหรือไม่ ซึ่งคำตอบก็มีได้สองทางคือ ยังไม่ถูกต้อง หรือ ถูกต้องแล้ว ซึ่งจะต้องจัดการเป็นกรณีไปให้เหมาะสม
ในกรณีที่ถูกต้องแล้ว เราต้องใส่แรงในทิศทางเดิมเพิ่มเติม หรือ ลดแรงลง แล้วแต่ว่าจะให้เร็วขึ้นหรือช้าลง ในกรณีที่ผิดทั้งขนาดและทิศทางเราก็ต้องเปลี่ยนทั้งทิศทางและหรือขนาดของแรงที่เหมาะสมต่อไป
แต่การใส่แรงเข้าไปเพื่อปรับระบบนั้น มีได้สามลักษณะคือ
1) การใส่แรงผลักจากภายนอก
2) การใส่แรงดึงจากภายนอก
3) และการสร้างแรงขับเคลื่อนจากภายใน(กำลังภายใน)
การใส่แรงผลักจากภายนอกนั้นมักด้อยประสิทธิภาพและเป็นการเพิ่มความเครียดได้มาก ส่วนการใส่แรงดึงจากภายนอกนั้นได้ประสิทธิภาพมากกว่าและเกิดความเครียดน้อยกว่าด้วย สำหรับการสร้างแรงจากภายในนั้นทำได้ยากที่สุด แต่จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และยังเป็นการลดความเครียดด้วย
อุปมาดังเช่น การจะทำให้สุนัขเดินไปตามทิศทางที่ต้องการนั้น อาจทำด้วยการผลักดันสุนัขทางก้น ซึ่งเป็นอาการที่ยากลำบากทุลักทุเลมาก ไม่ค่อยได้ประสิทธิภาพ ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือการใช้เชือกผูกดึงหรือจูงสุนัขไป แม้จะทุลักทุเลอยู่บ้าง ก็ยังดีกว่าวิธีผลักมาก นอกจากจูงด้วยเชือกแล้วยังอาจจูงด้วยเครื่องล่อเช่นอาหารขบเคี้ยวเพื่อล่อให้เดินตาม วิธีที่สามคือเรียนรู้นิสัยของสุนัขแล้วปลูกฝังความรักความสัมพันธ์กับสุนัขจนสุนัขเดินตามเราไปทุกทางที่เราไป วิธีนี้ไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะเกิดจากแรงดลใจภายในของสุนัขเอง สุนัขเองก็ไม่เครียดด้วยเพาะทำเองตามความสมัครใจ ออกจะไม่ค่อยดีนักที่เอามาเปรียบกันสุนัขแต่ก็คงได้ภาพพจน์ที่ง่ายดี ไม่ต้องอธิบายกันมาก
...ทวิช จิตรสมบูรณ์ (๒๗ สค. ๒๕๕๔)
จบตอน ๒
โปรดติดตามตอนต่อไป
ไม่มีความเห็น