ในวันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมา นำทีมโดยคุณรุจิเรข แสงจิตต์พันธุ์ คุณวิภาพร นิธิปรีชานนท์ และคุณบรรเจิดพร สู่แสนสุข จากสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เข้ามาหารือกับ สคส. ในการใช้ KM เป็นเครื่องมือในการทำงานของหน่วยงานและสร้างความเข้าใจให้กับศึกษานิเทศก์แกนนำในการคัดเลือกนวัตกรรมทางการศึกษาจากโรงเรียนในพื้นที่ และคุณวิภาพรได้ให้รายละเอียดว่า ในโครงการประกวดนวัตกรรมฯ ที่ดำเนินงานอยู่นี้ เป็นการสร้างนวัตกรรมของครูผู้สอนในการจัดการเรียนการสอน เป็นผลงานของครูและมีผลต่อเด็ก
โดยโครงการประกวดนวัตกรรมฯ ขณะนี้ทีผลงานที่ส่งเข้ามา 700 นวัตกรรม ระดับเขตพื้นที่การศึกษาจำนวน 175 เขต ใน 5 ภูมิภาคที่เข้าร่วมโครงการ มี 4 สาขาหลักคือ
และสนับสนุนด้านงบประมาณให้กับเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 175 เขต และให้ศึกษานิเทศก์ในแต่ละเขตฯ คัดเลือกโรงเรียนในเบื้องต้น หลังจากนั้นส่วนกลางจะคัดเลือกในลำดับต่อไป
สิ่งที่สำคัญคือ การกระตุ้น กระตุกความคิด ให้เกิดการสร้างผลงานที่มีอยู่ เป็นการต่อยอดผลงาน และ ขยายสิ่งที่มีอยู่ในโรงเรียนของตนไปยังที่อื่น (โรงเรียนอื่นๆ ได้)
สิ่งที่สำคัญในการเรียนรู้คือ
· ความเข้าใจไม่ตรงกันของคำว่า "นวัตกรรม" และส่วนใหญ่มักคิดว่านวัตกรรม คือ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่ใหญ่โต แต่แท้ที่จริงแล้วความหมายคือ เป็นนวัตกรรมเล็กๆ สามารถขยายได้ เรียกว่าการดิ้นได้ การต่อยอดผลงาน ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เรียกว่า the best และต้องสามารถต่อยอดไปเรื่อยๆ (dynamic)
· นวัตกรรม คือ กลยุทธ์ หรืออุบายในการชักจูงให้ครูเอาใจใส่คุณภาพของเด็ก ครูทำหน้าที่กระตุ้นเด็ก รดน้ำพรมเด็ก ให้เด็กมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดง สร้างพื้นที่โอกาสนั้น
· ทีมงานมีความตั้งใจที่จะนำ KM เป็นเครื่องมือในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของครู
· การเรียนรู้ที่ดีที่สุด คือ ต้องสัมผัสด้วยการเข้าไปคลุกคลี และถ้าสามารถเรียนรู้ได้ถึงเนื้อหนังลึกไปถึงจิตวิญญาณ ถึงจะเห็นบริบทที่แท้จริง นั่นแหละของจริง
· นวัตกรรมที่ครูสร้างขึ้นให้กำหนดว่าต้องมีผลถึงเด็ก และคิดด้วยว่าจะวัดผลอย่างไร ไม่อยากให้ครูมองแค่ผลลัพธ์คือรางวัลอย่างเดียว
ไม่มีความเห็น