ปลูกผักหลังนา.ราคาดีกว่าปลูกข้าวเสียอีก (ทำนาแบบข้าเจ้า..๘)


ผักของเราก็ปลอดสารพิษ แถมได้อึเขียดที่กินแมลงมาเป็นปุ่ย อีกทั้งเขียดพวกนี้ขายได้ แพงเสียด้วย

พอเกี่ยวข้าวเสร็จก็ปลูกผักต่อได้เลย เพราะพื้นนายังมีความชื้นอยู่มาก ถ้าต้องการน้ำ ก็น้ำในคูนั่นไง เพราะตอนนั้นจับปลาขายไปครึ่งหนึ่งแล้ว น้ำมีพอเอามารดแปลงผัก แถมเป็นน้ำปุ๋ยอุดมด้วยแอมโมเนียและฟอสเฟตจากอึปลาด้วย

ผักงามดี มีกำไรมาก กว่าน้ำจะหมดคูก็คงต้นกพ.  คูนามีอยู่แล้วก็ทำเป็นเทือกแฉะๆ กางปิดด้วยสแลนท์ก็ปลูกผักน้ำแฉะแดดรำไรราคาแพงได้ง่ายๆ เช่น วอเตอร์เครสท์ ที่ตัดแล้วแตกใหม่อย่างรวดเร็ว ปลูกได้สามชุดสบายๆ

ช่วงปลูกผักนี้สามารถปล่อยเขียดใหญ่ เช่น เขียดอีโม่ที่เพาะเลี้ยงไว้ร่วมกับปลาใหญ่ได้แล้ว (เพราะมันกินปลาไม่ได้แล้ว) เขียดอีโม่มันจะกินแมลงใหญ่ ส่วนเขียดขาคำและอื่นๆ จะกินแมลงเล็กจนถึงเพลี้ย ผักของเราก็ปลอดสารพิษ แถมได้อึเขียดที่กินแมลงมาเป็นปุ่ย อีกทั้งเขียดพวกนี้ขายได้ แพงเสียด้วย 

ส่วนปลานั้นถ้าเลี้ยงหนาแน่นเกินไป จะมีปัญหาเรื่องน้ำเสียจากอึของมันเอง  ซึ่งสาหร่ายช่วยบำบัดแบบ รีไซเคิลไปได้ระดับหนึ่งแล้ว ที่เหลือถ้าจำเป็นก็ต้องแทรกแซง ซึ่งสามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ไม่ยาก ลองคิดดู อย่าให้บอกทั้งหมด เดี๋ยวหมดสนุก

 นานี้ไม่ต้องฉีดยาใดๆ ไม่ว่าเคมีหรือชีวะ ไม่ต้องใส่ปุ๋ย (มาจากอึปลา) ไม่ต้องทำหญ้า (ปลาตอดกินหมดแล้วเอาไปอึเป็นปุ๋ย) ส่วนปลาก็ไม่ต้องให้อาหารกินอาหารธรรมชาติจากไรน้ำที่หล่นมาจากใบไม้ และจากสาหร่าย ผักที่ปลูกก็เช่นกันไม่ต้องฉีด ไม่ต้องใส่ปุ๋ย (กินบุญเก่าจากน้ำปลา)

 รายได้มาจาก ข้าวชีวภาพ ผักชีวภาพ(อาจมากกว่าข้าวซึ่งเป็นพืชหลัก 10 เท่า) พืชก่อนฤดูเช่นถั่ว (อาจได้พอๆกับพืชหลัก) ปลา (อาจมากกว่าข้าว 5 เท่า) หอย หน่อไม้ ลำไม้ไผ่  

 คิดให้ดีนี่มันกลั่นเงินจากดินน้ำลมไฟธรรมชาติแท้ๆ เลย

ดิน น้ำ ไฟ(แสงอาทิตย์) ลม(อากาศ) ไม่ได้มาจาก thin air ดังที่ล้อไว้ 

 ...ทวิช จิตรสมบูรณ์ (๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔)

หมายเลขบันทึก: 455124เขียนเมื่อ 20 สิงหาคม 2011 20:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน 2012 23:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้าจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

At my place, we grow food without using pesticides, any x-cides or chemical fertilizers.

We have successes measured from kinds and numbers of animals that come and enjoy our produce.

Most people in the area surrounding us use chemical controls.

So our place becomes a 'clean' sanctuary.

Our policy on boarder security is weak --wildlife is allowed--.

Our harvest usually looks 'damaged' and lots of time much less than our neighbours'

Furthermore, we are told we may be sued for not taking appropriate control on 'pests'.

One day, the ratio of environmentalists over industrialists may be high enough to tip the green scale our way.

Before then, life is not meant to be easy.

At my place, we grow food without using pesticides, any x-cides or chemical fertilizers.

We have successes measured from kinds and numbers of animals that come and enjoy our produce.

Most people in the area surrounding us use chemical controls.

So our place becomes a 'clean' sanctuary.

Our policy on boarder security is weak --wildlife is allowed--.

Our harvest usually looks 'damaged' and lots of time much less than our neighbours'

Furthermore, we are told we may be sued for not taking appropriate control on 'pests'.

One day, the ratio of environmentalists over industrialists may be high enough to tip the green scale our way.

Before then, life is not meant to be easy.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท