วันที่สองของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จัดทำคู่มือ R2R ฉบับประเทศไทย (อันหลังนี่ข้าพเจ้าเรียกเอาเอง) ข้าพเจ้าลงมาจากห้องพักทันได้ฟัง อ.เชิดชัยเริ่มดำเนินวงสนทนาแลกเปลี่ยน
ซึ่งมี อ.หมอพงษ์พิสุทธิ์ จาก สวรส.
อ.หมออนุวัฒน์ จาก สรพ. และ อ.หมอวีรพัฒน์ จาก สปสช.
สาระที่ฟังด้วยคิดด้วย...Note ออกมาแบบดิบๆ...
อ.อนุวัฒน์
ตั้งคำถามเพื่อให้โรงพยาบาลตอบโดยใช้ R2R ตอบ
-ชอบเรื่องวิจัย
-ชอบเรื่องคุณภาพ
-ชอบเรื่องspiritual
พึงบูรณาการทั้งสามด้านนี้มาทำให้งานของตนเองดีขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ความยั่งยืน
การเชื่อมและการพูดคุยกันบ่อยๆ จะทำให้เกิดเป็นความต่อเนื่อง
เรายังไม่เคยได้ตั้งคำถามว่า สิ่งที่เราทำนั้นมันดีจริงขึ้นหรือเปล่า
มุ่งสร้างคนในเวลาอันรวดเร็ว และทำอย่างไรถึงจะสามารถสร้างคนให้เป็นคนที่ตั้งคำถามกับงานวิจัยได้
การเกาะเกี่ยวทำให้มันเกิดความเป็นหนึ่งเดียว พยายามหาจุดที่พอดี
อ.วีรวัฒน์ พันธ์ครุฑ(สปสช)
การเริ่มต้นควรเริ่มจากใจ และเริ่มต้นการสร้างเครือข่าย
โรงพยาบาลเริ่มมีการตื่นตัว แต่. สสจ.หลายจังหวัดยังไม่เกิด และ R2R. ควรเกิดเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของการทำงาน
จนท.สาสุขนั่งอยู่บนกองของข้อมูลแต่เราใช้หรือจัดการข้อมูลนั้นไม่เป็น ในส่วนของ สปสช คงต้องพยายามผลักดันสนันสนุนให้เกิด
R2R. นั้นมีวิวัฒนาการ ทำอย่างไรถึงจะทำให้ อวช แปรเปลี่ยนเป็น R2R และถกนำไปใช้ประโยชน์อ.พงษ์พิสุทธิ์
เมื่อถึงระยะหนึ่ง R2R. จะต้องมี life cycle. ซึ่ง R2R ต้องมีการเคลื่อนตัวและการจัดการ รูปแบบเดิมใช้แบบสั่งการคือสิ่งที่เห็นได้ว่าไม่ได้มาจากข้างใน
เราต้องการ generalize ในเรื่องความรู้มากขึ้น เช่น คนที่ทำเบาหวานลองมารวมdesign เพื่อไปศึกษาในการเกิดการเรียนรู้ในพื้นที่ที่ต่างกันแต่ใช้รูปแบบคล้ายผลจะเป็นอย่างไร
Note แต่ สรพ ใช้นามในโลกธรรมแปดคือ การได้รับการยอมรับ(นาม). แต่ยังไม่เคลื่อนไปในระดับจิตวิญญาณ ***R2R โตไปในทิศทางที่ตอบสนองการเคลื่อนไปในระดับปัญญา
Note
การพัฒนาคุณภาพต้องออกมาทางปัญญาซึ่งเชื่อว่า R2R จะเป็นเครื่องมือฝึกฝนคนไปสู่การเป็นคนที่เป็นนักพัฒนาอันมีฐานมาจากการสร้างปัญญาข้าพเจ้าไม่เคยคิดต่างในสิ่งใดๆ ทุกอย่างนั้นเป็นหนึ่งเดียว
R2R กับ HRD มันเคลื่อนไปโดยอัตโนมัติ
เชื่อในเรื่องการลงมือทำ ที่ปราศจากตัวล่อแต่ใช้ใจแห่งความศรัทธาเป็นตัวนำมากกว่านำปัจจัยภายนอกมาเป็นตัวดึงให้คนเกิดการทำ
พลังที่แท้จริงคือ พลังแห่งความไม่เป็นทางการของการขับเคลื่อน R2R
ภาพจาก Akarin Toey
๑๗-๑๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔
น่าจะเป็นคู่มือที่คนหน้างานพกไป...ทำงานด้วยในทุกๆวัน...เลยนะคะนี่
เป็นคู่มือที่อ่านแล้วจะมีความสุขมากค่ะจ