พระครูสมุห์เอกรัฐ อภิรกฺโข
พระครูสมุห์เอกรัฐ อภิรกฺโข พระครูสมุห์เอกรัฐ อภิรกฺโข พระเอก ไชยมาตร

ค่ายกล้าอาสา ครั้งที่ ๑๗ ประจำวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๓


ค่ายกล้าอาสา กล้าแผ่นดิน

 

บันทึกภารกิจกล้าอาสา ครั้งที่ ๑๗

ประจำวันเสาร์ที่  ๑๗  ตุลาคม  ๒๕๕๒ 

โดย กลุ่มสีชมพูอ่อน

 

ก้าวแรกแห่งรัก...ร่วมถักทอฝัน

            ณ วัดดงหนองเป็ด  ตำบลรอบเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

วันนี้พวกเราตื่นประมาณ ๐๕.๐๐ น.  ทำภารกิจส่วนตัว    ทำวัตรเช้าและได้รับการอบรมจากพระอดุลย์ สีลสํวโร (พระอาจารย์น้อย)  เกี่ยวกับมารยาทในการอยู่ร่วมกัน  จากนั้นพวกเราก็ได้รับประทานอาหารโดยมีพี่เลี้ยงเป็นผู้ประกอบอาหารให้กับพวกเราทุกคน  (พี่กลิ้งทำอาหารอร่อยมาก คอนเฟิร์มค่ะ)   หลังจากนั้นประมาณ ๐๘.๐๐ น.   พวกเราได้เข้ามารวมกันที่ประชุมเพื่อฟังการต้อนรับจาก พระครูสมุห์นวัฒถกรณ์ อริยเมธี       เจ้าอาวาสวัดดงหนองเป็ด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พระอาจารย์ได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของจังหวัดเชียงรายซึ่งมีคำขวัญที่ว่า “เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา ล้ำค่าพระธาตุดอยตุง”  ซึ่งหมายถึง เชียงรายเป็นจังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับสามประเทศคือ พม่า ลาว และจีน เป็นแหล่งกำเนิดอารยะธรรมล้านนาต่างๆ เช่น การฟ้อนเล็บ ประเพณีปี๋ใหม่เมือง (สงกรานต์) รดน้ำดำหัวคนเฒ่าคนแก่ ประเพณียี่เป็ง (ลอยกระทง) เป็นต้น และยังมีปูชนียสถานที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวเชียงรายและเป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไปนั่นคือพระธาตุดอยตุง พ่อขุนเม็งรายมหารายมหาราช รวมไปถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับพระพุทธรูปทรงเครื่อง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของชาวเชียงรายสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองศิริราชย์สมบัติครบ ๖๐ ปี

ในโอกาสนี้พระครูสุวัฒน์สังฆโสภณ เจ้าอาวาสวัดต๊ำม่อน อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ได้เดินทางมาเพื่อกล่าวต้อนรับและให้กำลังใจชาวค่ายทุกคน รวมไปถึงการพูดถึงวิธีการถนอมอาหารของชาวเหนือ ทำให้ชาวค่ายหลายๆคนได้รู้จักกับ “แกงโฮะ” ซึ่งเป็นอาหารของภาคเหนือที่รวมเอาทุกอย่างมาใส่ไว้ด้วยกัน แค่นึกก็อร่อยแล้ว ฮ่าๆ  อีกทั้งยังพูดถึง “น้ำปู๋”  ซึ่งมันก็คือน้ำปูนั่นแหละค่ะ ได้มาจากการนำเอาปูมาตำ แล้วนำน้ำที่ได้นั้นมาเคี่ยวโดยต้องใส่หญ้าตดหมาลงไปด้วย ซึ่งก็นึกสภาพไม่ออกเช่นกันว่ามันจะเป็นเช่นไร  แต่เพื่อนในกลุ่มที่เป็นคนเหนือบอกว่าอร่อย แต่ในส่วนของเรื่องกลิ่นนั้นก็แรงใช้ได้เลยทีเดียว  ในการเดินทางมาเข้าค่ายในครั้งนี้ มีเยาวชนจากทั่วทุกสารทิศของประเทศไทยให้ความสนใจเข้าร่วมด้วยกันทั้งสิ้น ๙๖ คน เป็นชาย ๓๖ คน เป็นหญิง ๖๐ คน ทั้งนี้รวมเป็นเยาวชนตัวแทนจาก ๒๕ จังหวัด ประกอบด้วย...

๑.เชียงใหม่                              ๒.กรุงเทพมหานคร                  ๓.เพชรบุรี

๔.เชียงราย                              ๕.ราชบุรี                                  ๖.นครปฐม

๗.แม่ฮ่องสอน                          ๘.กาญจนบุรี                           ๙.ตาก

๑๐.พะเยา                               ๑๑.พังงา                                 ๑๒.สุราษฎร์ธานี

๑๓.เพชรบูรณ์                         ๑๔.อุบลราชธานี                     ๑๕.ชลบุรี

๑๖.อุตรดิตถ์                            ๑๗.นครศรีธรรมราช                ๑๘.สมุทรสาคร

๑๙.กำแพงเพชร                      ๒๕.สุพรรณบุรี                                    ๒๖.ตราด

๒๒.พิษณุโลก                         ๒๓.ลพบุรี                               ๒๔.พิจิตร

๒๕.นครสวรรค์

 

โดยแยกเป็นสถาบันการศึกษาต่างๆ ดังนี้...

            ๑.โรงเรียนสันป่าตองวิทยาคม  จ.เชียงใหม่

            ๒.โรงเรียนแม่สะเรียง “บริพัตรศึกษา”   จ.แม่ฮ่องสอน

            ๓.โรงเรียนกาญจนานุเคราะห์  จ.กาญจนบุรี

            ๔.โรงเรียนกำแพงเพชรวิทยาคม  จ.กำแพงเชร

            ๕.โรงเรียนจันทร์ประดิษฐารามวิทยาคม  กรุงเทพมหานคร

            ๖.โรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์  จ.ราชบุรี

            ๗.โรงเรียนสิชลประชาสรรค์  จ.นครศรีธรรมราช

            ๘.โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ เพชรบูรณ์  จ.เพชรบูรณ์

            ๙.โรงเรียนปทุมพิทยาคม  จ.อุบลราชธานี

            ๑๐.โรงเรียนเม็งรายมหาราชวิทยาคม  จ.เชียงราย

            ๑๑.โรงเรียนน้ำปาดชนูปถัมภ์  จ.อุตรดิตถ์

            ๑๒.โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เพชรบูรณ์  จ.เพชรบูรณ์

            ๑๓.โรงเรียนทุ่งโพธิ์วิทยา  จ.พังงา

            ๑๔.โรงเรียนบ้านบึง “มนูญวิทยาคาร”  จ.ชลบุรี

            ๑๕.โรงเรียนฟากท่าวิทยา  จ.อุตรดิตถ์

            ๑๖.โรงเรียนอ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์  จ.สมุทรสาคร

            ๑๗.วิทยาลัยภักดีพาณิชยการและเทคโนโลยี  จ.กำแพงเพชร

            ๑๘.มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตเพชรบุรี  จ.เพชรบุรี

            ๑๙.มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตนครปฐม  จ.นครปฐม

            ๒๐.มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี  จ.ลพบุรี

            ๒๑.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาวิทยาเขตตาก  จ.ตาก

            ๒๒.มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี  จ.เพชรบุรี

            ๒๓.มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา  กรุงเทพมหานคร

            ๒๔.มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม   จ.นครปฐม

            ๒๕.มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์   จ.นครสวรรค์

            ๒๖.มหาวิทยาลัยนเรศวร   จ.พิษณุโลก

            ๒๗.มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา   จ.พะเยา

และได้แบ่งพวกเราชาวค่ายทั้งหมดออกเป็น ๘ กลุ่มสีคือ ชมพูอ่อน เขียว ส้ม แดง เหลือง ชมพูเข้ม ม่วง และฟ้า  โดยที่กระจายพวกเราที่มาจากโรงเรียนเดียวกันออกไม่ให้อยู่กลุ่มเดียวกัน ทำให้พวกเราได้รู้จักกับเพื่อนต่างโรงเรียน พบเจอกับมิตรภาพใหม่ๆ ซึ่งบางคนอาจจะมาจากใต้สุดของประเทศไทย บางคนก็มาจากเหนือสุดในสยาม บ้างก็มาจากที่ราบสูงของประเทศไทย  แต่ถึงอย่างไรเราก็มีใจเป็นหนึ่งเดียวคือ “มุ่งหน้าเพื่ออาสา...เพื่อพัฒนาและทดแทนคุณแผ่นดิน” มันอาจจะเป็นเพราะโชคชะตาหรือจะเพราะอะไรก็ตามแต่      ที่นำพาพวกเราทั้งหมดมาเจอกันใน  ค่ายกล้าอาสา     “แทนคุณแผ่นดิน”  ครั้งที่ ๑๗  นี้

 

กิจกรรมทดสอบความเป็น “กล้าอาสา”

                           ในช่วงบ่ายของวันนี้ พระครูสมุห์เอกรัฐ ได้บอกกับพวกเราว่าจะมีฐานกิจกรรมเพื่อทดสอบความสามารถของเพื่อนๆ ต้นกล้าทุกคน  ทุกคนในค่ายเริ่มเครียดเพราะกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งที่เพื่อนๆคนอื่นก็วิตกไม่ต่างกัน แต่ก็ยังช่วยปลอบใจและให้กำลังใจซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา น่าประทับใจจริงๆ  ซึ่งมีฐานกิจกรรมทั้งหมด ๓ ฐานคือ

๑.     ฐานฆ่าความประหม่า  ฐานนี้จัดขึ้นบริเวรเมรุของวัดดงหนองเป็ด โดยมีพระอาจารย์น้อยเป็นพระวิทยากรประจำฐาน เพื่อนในค่ายบางคนหน้าซีดเพราะกลัว  และจะต้องฆ่าความประหม่าโดยการตะโกนข้อความว่า “เจ้าความประหม่าเอ๋ย บัดนี้ข้าได้ชนะเจ้าแล้ว ต่อไป...เจ้าจะทำอะไรข้าไม่ได้อีก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” แบบโหดพร้อมท่าทางประกอบ บางคู่ทำได้ฮามาก

๒.     ฐานกล้าแสดงออก   ฐานนี้มีพี่โฮมเป็นวิทยากรประจำฐาน  โดยฐานนี้ชาวค่ายจะต้องงัดอะไรเด็ดๆ ออกมาโชว์  ฐานนี้แสบมากแอบซ่อนกล้องวีดีโอไว้ใต้โต๊ะ ร้ายกาจมาก    (เป็นความคิดของพระอาจารย์สุดหล่อประจำค่ายของเรานั่นเอง) ไม่นึกไม่ฝันว่าเด็กค่ายมันจะบ้าได้ถึงขนาดนี้ !

๓.     ฐานปรับภูมิทัศน์ มีพระอาจารย์จำเริญและพระครูนวัฒถกรเป็นพระวิทยากรประจำฐาน ฐานนี้ไม่ต้องคิดอะไรมากใช้แรงกายเพียงอย่างเดียว แบบว่าหญ้ารกมากสูงท่วมหัวเข่าเลยทีเดียว หยังงี้มันต้องถอน !

 

มหกรรมคอนเสิร์ตลูกทุ่งเวทีไท “ร้อยใจไทยภักดี  ๑๐๙  ปี สมเด็จย่า”

ณ  สนามฝึกนักศึกษาวิชาทหารจังหวัดเชียงราย

พวกเราได้เดินทางออกจากวัดดงหนองเป็ด  โดยรถที่ทางกองทัพไทยจัดมาให้ เมื่อไปถึง พวกเราได้เข้าชมนิทรรศการของโครงการกล้าแผ่นดินด้วยเศรษฐกิจพอเพียง     ประกอบไปด้วยการแสดงผลงานของ  “ชมรมต้นกล้าราชพฤกษ์   สำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม”     โรงเรียนเม็งรายมหาราชวิทยาคม    และชมรมต้นกล้า  “ก้าวกล้าสันป่าตอง”    โรงเรียนสันป่าตองวิทยาคม    มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นของภาคเหนือ    ในพิธีเปิดโดยได้รับเกียรติจาก   พลโท ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ ๓  เป็นประธาน     ต่อจากนั้นได้มีการแสดงจากศิลปินดารานักแสดงคือ    เจเน็ท เขียว , หนิม AF5 , ตั๊ก บงกช คงมาลัย , ธันวา ราศีธนู , ต๊อก ศุภกร  ฯลฯ นอกจากการไปชมมหกรรมคอนเสิร์ตแล้ว  พวกเรายังได้ร่วมกันหาทุนทำค่ายอาสาโดยการขายดอกไม้ , กรอบรูปจากกระดาษสา และถุงผ้าลดโลกร้อนของ     โครงการกล้าแผ่นดินด้วยเศรษฐกิจพอเพียง      ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนด้วยดีจาก พลโท ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ ๓   คุณสุเมธ แสงนิ่มนวล     ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย      พี่บี๋กับพี่จิ้ม พิธีกรรายการเวทีไท นักร้องนักแสดง      ผู้มีจิตศรัทธาที่มาร่วมงาน   รวมไปถึงเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ได้ร่วมบริจาคลูกชิ้น  ๑๕๐  ไม้   และไข่ไก่มาให้พวกเราเป็นจำนวน   ๒๕    แผง  ถือเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยทีเดียว       จากนั้นพวกเราได้แบ่งออกเป็น  ๒  กลุ่มใหญ่ๆ    กลุ่มละ ๔ สี     กลุ่มแรกประกอบด้วยกลุ่มของสีแดง สีเขียว สีม่วง และสีชมพูเข้ม  อยู่ร่วมงานจนเสร็จพิธีและช่วยกันเก็บอุปกรณ์ที่ใช้จัดนิทรรศการ    ส่วนกลุ่มที่สองได้เดินทางไปหางบประมาณสนับสนุนที่ถนนคนเดินเชียงรายโดยรถคันเดิม ประกอบไปด้วยสีชมพูอ่อน   สีส้ม  สีฟ้า และสีเหลือง    ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี        หลังจากนั้นพวกเราก็ได้เดินทางมาถึงยังที่พักนั่นก็คือ    วัดดงหนองเป็ดซึ่งก่อนที่จะมาถึงยังวัดมีเรื่องที่ตื่นเต้นด้วยคือต้องผ่านป่าช้า ฮ่าฮ่าฮ่า  และได้เช็คยอดเงินที่ได้รับบริจาครวมได้ประมาณ ๒๕,๐๐๐ บาท

               พระอาจารย์ได้ปล่อยให้พวกเราพักผ่อน   แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า มีบางคนไม่ยอมนอนภายในเวลาที่พระอาจารย์กำหนด พวกเราทุกคนจึงถูกเรียกมารวมกันอีกครั้ง เพื่อกล่าวตักเตือน พระอาจารย์ได้บอกกับพวกเราว่าจะปล่อยให้ไปนอน        แต่จะต้องสามารถทำตามคำสั่งที่พระอาจารย์บอกได้  อาทิเช่น  การท่องกลอนเพลงชาติที่   อาจารย์  นภาลัย สุวรรณธาดา      เป็นผู้ประพันธ์  โดยยกเอาข้อความในตอนหนึ่งที่ว่า…

                                    “ ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง

                        แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง

                        ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง

                        จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง

การร้องเพลงชาติให้ถูกต้อง     การสวดมนต์           รวมไปถึงการท่องคำขวัญของจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดภูมิลำเนาของตนเอง

            วันนี้พวกเรารู้สึกสนุกมากเพราะเราได้ทำบางสิ่งบางอย่าง  ที่ไม่เคยทำตอนอยู่ที่บ้าน ประทับใจในเพื่อนๆ ในกลุ่มที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานอย่างมุ่งมั่นพยายาม จนทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี มีข้อคิดและประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่สามารถหาได้ในห้องเรียนหรือจากที่ไหนได้

 

››››››

คำคมวันนี้

“ โลกนี้ยังอีกกว้าง...หากคุณไม่ลองเปิดประสบการณ์ด้านใหม่ของชีวิต

คุณก็จะไม่มีวันรู้หรอกว่า สิ่งใหม่ที่ได้มามันมีค่ามากกว่าที่คุณคิด

 

อย่าลืมติดตามอ่านต่อ....

หมายเลขบันทึก: 454333เขียนเมื่อ 17 สิงหาคม 2011 09:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 04:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท