หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

ENV a34 : อีกมุมหนึ่ง...ของน้ำดิบที่นำมาต้มเดือด....ที่ยังต้องนึกถึง.....กับสุขภาพที่จะได้มา


เพิ่ง เห็นมุมของน้ำเดือดว่าช่วยไล่คาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากน้ำ แต่ถ้าน้ำนั้นมีไนเตรทปนก็เห็นอีกมุม ไนเตรทกลายร่างกลับมาเป็นไนไตรท์ซึ่งเป็นพิษเมื่อน้ำอุณหภูมิสูงขึ้น ต้มน้ำที่มีไนเตรทให้เดือดจึงไม่ปลอดภัย ตรงนี้อยากให้จำจนขึ้นใจ จะได้ตัดสินใจให้เหมาะกับความปลอดภัยของน้ำในมือที่ได้มาว่าต้องการอะไร

เอ่ยถึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาก็หลายรอบ ค่า DO ที่วัดได้ต่ำๆ ก็ทำให้สนใจว่าสัตว์น้ำอึดต่อคาร์บอนไดออกไซด์ได้แค่ไหน ก็ได้คำตอบมาว่า ปลาจะหลีกเลี่ยงไม่อยู่ในน้ำที่มีคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่า 5 มก.ต่อลิตร และอยู่ทนในน้ำที่มีคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึง 60 มก.ต่อลิตรได้

มีคนบอกให้สังเกตว่า ในขณะที่มีอากาศมืดครึ้ม หรือมีน้ำที่รวมตัวมาจากน้ำระดับต่างๆ คาร์บอนไดออกไซด์จะเพิ่มสูงขึ้นทันที เพราะแพลงก์ตอนตาย   มิน่าละช่วงฝนตก น้ำในคูที่ใสขึ้นแล้วจึงขุ่นเพิ่มและน้ำมีกลิ่นอีก

เพิ่งเห็นมุมของน้ำเดือดว่าช่วยไล่คาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากน้ำ แต่ถ้าน้ำนั้นมีไนเตรทปนก็เห็นอีกมุม ไนเตรทกลายร่างกลับมาเป็นไนไตรท์ซึ่งเป็นพิษเมื่อน้ำอุณหภูมิสูงขึ้น  ต้มน้ำที่มีไนเตรทให้เดือดจึงไม่ปลอดภัย ตรงนี้อยากให้จำจนขึ้นใจ จะได้ตัดสินใจให้เหมาะกับความปลอดภัยของน้ำในมือที่ได้มาว่าต้องการอะไร

ทีแรกก็ไม่ได้สนใจเท่าไรว่าเรื่องเค็มมีผลต่อคุณภาพน้ำทิ้งแค่ไหน แม้ว่าตอนที่ขนถุงน้ำยาเปื้อนขี้ปลวกออกจากไตเทียมไปทำลายจะมีคำถามแวบขึ้น มา แต่พอตามรอยน้ำในบ่อน้ำทิ้งใกล้ไตเทียมมาเรื่อยๆ แล้วพบว่าคุณภาพน้ำบางตัวดีขึ้น แต่ปลายังตาย ก็พบว่าจำเป็นแล้วที่ต้องรู้

เค็มเกลือกับเค็มน้ำเหมือนกันตรงที่ วัดกันที่ปริมาณของสารประกอบเกลือแกง (โซเดียมคลอไรด์)  หน่วยของความเค็มที่เรียกกันอยู่คือ parts per thousand หรือ  ppt

ความเค็มของน้ำที่วัดได้เขานำไปใช้ประโยชน์ดูความสัมพันธ์กับความนำไฟฟ้า ของน้ำซึ่งหนักหนึ่งกิโลกรัม และดูความสัมพันธ์กับค่าสารประกอบกลุ่มโบรไมด์ (Chlorinity) ซึ่งหมายถึงปริมาณคลอไรค์ โบรไมค์และไอโอไดด์ที่อยู่ในน้ำ

น้ำจืด (fresh water) มีรสชาติที่ไม่จืดสนิทเพราะน้ำจืดไม่ได้ไร้เกลือแกงแต่มีอยู่น้อย คือ ไม่เกิน 0.5 ppt เกลือแกงละลายน้ำเกิน 30 ppt เมื่อไร น้ำนั้นก็กลายเป็นน้ำทะเล

ที่สัตว์น้ำจืดทนต่อความเค็มของน้ำที่ปากน้ำได้ เพราะปรับตัวแบบค่อยๆเป็นค่อยไปช้าๆ   ปลาเล็กทนความเค็มได้มากกว่าปลาใหญ่ ความเค็มที่สัตว์น้ำจืดทนได้อยู่ที่ 7 ppt

ที่สัตว์น้ำต้องปรับตัวกับความเค็มก็เพื่อจะได้ทนแรงดันของสารละลายในน้ำที่อาจทำร้ายตัวมันได้

น้ำกร่อยมีความเค็มอยู่ระหว่างน้ำจืดกับน้ำทะเล แรงดันของสารละลายในน้ำมีผลทำร้ายสัตว์น้ำได้ สภาพน้ำของน้ำกร่อยเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย สัตว์น้ำที่อยู่น้ำกร่อยจึงต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของน้ำจึง อยู่ได้

ปลาที่หยอดในบ่อหายไปทุกครั้ง แล้วน้ำทิ้งที่ไตเทียมก็เปลี่ยนแปลงส่วนผสมได้ทุกวัน ถึงแม้ปลายทางของน้ำทิ้งจะเป็นทะเล แต่กว่าที่น้ำจะไหลไปถึงปลายน้ำระยะทางก็ยาวไกล ถ้ารู้ความเค็มของน้ำก็จะสบายใจขึ้นอีกเรื่อง

30 กรกฎาคม 2554

หมายเลขบันทึก: 452296เขียนเมื่อ 4 สิงหาคม 2011 07:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2013 15:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท