ผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าถึงยาต้านเอดส์ทั่วหน้า
สปสช.ดึงผู้ติดเชื้อร่วมเป็นคณะกรรมการจัดสรรยา [ ข่าวจาก สปสช. ที่อยากจะบอกต่อให้มาก ๆ]
นายแพทย์สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เลขาธิการ สปสช. เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าดำเนินการมาได้ 4 ปี ซึ่งในปีงบประมาณ 2549 ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548 นี้ รัฐบาลภายใต้การนำของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติจัดสรรงบประมาณจำนวน 2,700 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี(เอดส์) ภายใต้โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยตั้งเป้าหมายให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อทั้งผู้ป่วยเก่าที่ได้รับการดูแลรักษาตามโครงการ NAPHA ซึ่งดำเนินการโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ทั้งผู้ป่วยรายใหม่ และผู้ป่วยที่ดื้อยา จำนวน 80,000ราย ได้มีโอกาสรับยาต้านไวรัสเอชไอวี ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมในชุดสิทธิประโยชน์ เนื่องจากแต่เดิมผู้ป่วยเอดส์ตจะไม่ได้รับยาต้านไวรัส แต่จะได้รับการดูแลในกรณีที่มีการติดเชื้อฉวยโอกาสและการป้องกัน เชื้อแพร่กระจายจากแม่สู่ลูกเท่านั้น
ทั้งนี้ การดำเนินการในครั้งนี้ สปสช. จะได้ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะมีการทำข้อตกลงในการบริหารจัดการร่วมกัน โดยมีคณะกรรมการจากทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งจากกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี เข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย ทั้งการบริหารและการจัดหาเวชภัณฑ์เพื่อใช้ในโครงการดังกล่าวโดยในรายละเอียดในการดูแลผู้ป่วยนั้น สำหรับผู้ป่วยรายใหม่จะได้รับโอกาสในการเข้ารับการรักษาทุกรายโดยจะมีกระบวนการคัดกรอง เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ส่วนผลการรักษาของผู้ป่วยทุกกลุ่ม จะมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยการตรวจหา CD4 และจำนวนเชื้อไวรัสในกระแสเลือดเป็นระยะๆ เพื่อให้ได้ผลการรักษาดีที่สุด และจะติดตามประเมินผลการดำเนินการร่วมกับกรมควบคุมโรคอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นข้อมูลและวางแผนสำหรับการดำเนินการในอนาคต คาดว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นและจำเป็นจะต้องได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมตามสมควรต่อไป
“ประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถเข้าถึงยาต้านไวรัสเอชเอวีได้ทุกคน ขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่ได้รับมีเพียงประเทศบราซิลและประเทศบอสวานาเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามคำประกาศที่นายกรัฐมนตรีได้ให้คำมั่นในการประชุมเอดส์โลกซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดในปีที่ผ่านมา“
อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยเอดส์ที่ต้องได้รับยาต้านไวรัส เอช ไอ วี ตั้งแต่ปี 2549-2553 พบว่าในปี 2549 มีผู้ต้องได้รับยาต้านไวรัสจำนวน 118,744 คน และจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวใน 5 ปีข้างหน้าคือปี 2553 เป็น 224,430 คน แม้ว่าที่ผ่านจะมีผู้ป่วยเอดส์ได้รับยาจากโครงการพัฒนาระบบบริการและติดตามผลการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์ด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวีในประเทศไทย หรือโครงการNAPHA ตั้งแต่ปี2543-2547 ทั้งสิ้นแล้ว 50,752รายโดยมีโรงพยาบาลภาครัฐและภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 914 แห่ง
ข่าวจาก สปสช. 24 กันยายน 2548
ไม่มีความเห็น