ดีใจที่ได้ไปรู้จักและใช้อุเบกขา ที่กัมมลา


การปฏิบัติอย่างเดียวที่คนในโลกนี่จะทำได้เหมือนกันก็คือสติอยู่กับลมหายใจของตนเอง นี่แหละที่ไปเรียนวิชาอานาปาณสติมา

ช่วงนี้ไม่ได้เข้ามาเขียนใน g2kเพราะงานมาก หายไปเป็นปี

แต่มีเรื่องมากมายจะเล่าสู่กันฟัง แต่วันนี้อยากจะเล่าเรื่องไป

ฝึกวิปัสสนาที่สำนักปฏิบัตธรรมกัมมลา(วิชาอานาปาณสติ)โดย ฟังธรรมมะบรรยายจาก ท่าน โกเอ็นก้า ประเทศอินเดีย    มา  เมื่อเดือนมิย.54 ไปนั่งสมาธิ 10 วันที่กัมมลา  กติกา ไม่ให้พูดกันเลย 10 วัน ไมส่งสัญญาณใดๆ ไม่สื่อสาร ให้ถือว่าอยู่คนเดียว  ไม่กินเนื้อสัตว์ ถือศีล 5 ถ้าใครถือศีล8ก็ได้ ไม่มีการสวดมนต์หรือทำพิธีกรรมทางศาสนาใดๆ เนื่องจากมีคนหลายศาสนามารวมกันปฏิบัติ นอนคนเดียวในห้อง ตื่นนอนตี4ตี5-6โมง, 8-11โมง,13-17น. 18-22น. นั่งสมาธิ และฟัง     คำบรรยายแต่ละช่วงประมาณ 30 นาที(ช่วงบ่าย-เย็น) รับประทานอาหาร 6-7.59น., 11-12.59น.,17-17.59น. นอน 4ทุ่มครึ่งตื่นตี4(กติกาเคร่าๆนะที่จริงมีรายละเอียดมากกว่านี้มากเลย) นั่งตามที่จัดให้ห้ามเปลี่ยน ห้ามรับประทานยาใดๆก่อนได้รับอนุญาต แม้แต่ยาที่หมอสั่งและรับประทานเป็นประจำก็ต้องเอามาให้ผู้จัดการดูก่อน กติกาเคร่งมากๆๆๆๆๆๆ

  *เริ่มจากวันแรกถึงวันที่2  ให้นั่งสมาธิโดยกำหนดรู้ว่าลมหายใจเข้า -ออก ที่ปลายจมูก(ให้รู้ว่าเข้าหรือออก ช้าหรือเร็ว ตามสภาพที่เป็นจริงตามธรรมชาติของตัวเรา ไม่ให้ตามเข้าไปในรูจมูก ให้อยู่ที่ปลายจมูกเท่านั้น)  เล่าอย่างคนอยากเล่ามากกว่า   ไม่เน้นเนื้อหาวิชาการนะ               

*ตั้งแต่วันที่ 3เป็นต้นไป เริ่มวิปัสสนา โดยการเคลื่อน       ความรู้สึกไปที่ หน้า-ศีรษะ-แขน-ตัวด้านหน้า/หลัง-ขา  โดยให้รู้เวทนาที่เกิดขึ้น นะที่นั้นว่ามีเวทนาเกิดขึ้นอย่างไร  (รับรู้อย่างเดียว) เวทนา หมายถึง ความรู้สึกที่เกิดหนาว ร้อน สั่นสะเทือน เจ็บ ปวดฯลฯ  ที่เกิดขึ้น และไม่ได้เกิดจากการปรุงแต่งของจิตเรา  จิตปรุงแต่ง หมายถึง ทำไมมันเจ็บอย่างนี้/มันทรมานมากเลย/มันร้อนจะตายฯลฯ  อะไรทำนองเนี๊ย!  เมื่อเกิดเวทนา ก็ให้อุเบกขา  เรารู้มาตั้งแต่เด็กว่า อุเบกขาคือความนิ่งเฉย  เพิ่งจะรู้ว่า ที่แท้เราไม่รู้จักมันเลย ใช้ก็ไม่เป็นด้วย เราจึงเหมือนวัวที่ไม่เคยล่ามเชือก ก็กระโจนไปกระโจนมา จนเหนื่อย                                                           วันที่ 4 เวทนาเกิดขึ้นมากมาย รับรู้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ที่ปวดมากก็ตรงเข่าซ้าย จิตไร้สำนึกของเราจะบอกว่าทนไม่ไหวแล้วนะ ทรมานมากจนไม่อยากนั่งต่อไป

แต่สิ่งที่ดีของที่นี่ก็คือ การที่มีเวลาให้พบอาจารย์ที่ดูแลฝึกปฏิบัติทุกวันก่อนเที่ยง (และถ้าใครอยากถามเพิ่มก็ถามได้หลังรับประทานอาหารกลางวันแล้ว)  ว่าเป็นอย่างบ้าง รู้เวทนาไม๊ ทำอย่างไร อะไรทำนองเนี๊ย แล้วท่านก็แนะว่า ในขณะที่ปวดเข่า ทำไมไม่กลับไปบ้านเราล่ะ(คือที่ปลายจมูก) ท่านก็เมตตาบอกอีกว่า สมมุติว่า ตอนนี้มีคนมายื่นด่าเราอยู่หน้าบ้าน แล้วเราด่าสู่เขาไม่ได้ แล้วจะไปสู้เขาทำไม กลับไปอยู่บ้านก่อน แล้วก็ไปที่อื่น เช่นไปสำรวจเวทนาที่แขน  ขา อื่นๆ พอจิตเริ่มนิ่งแล้วค่อยไปที่ขาซ้ายใหม่  เมื่อทดลองปฏิบัติตามที่ท่านเสนอแนะ ก็ทำได้จิตไม่ ทุรนทุรายเหมือนเดิม  เริ่มมีความสุขที่จัดการกับเวทนาได้ รู้จักใช้อุเบกขาเป็น เมื่อมีความสุขก็ให้รู้ว่ามีความสุขเท่านั้น ก็เริ่มปฏิบัติได้ดีขึ้นเรี่อยๆ จน 10 วัน และมีความรู้สึกว่า ให้นั่งอีกเป็นเดือนก็อยู่ได้

 สิ่งที่ได้จากการปฏิบัติ 10 วัน ก็คือ 1.การรู้ว่า การมีสติอยู่กับลมหายใจเป็นอย่างไร เกิดความปิติอย่างไร เมื่อเกิดคำถามในใจ ก็จะมีคำตอบ กับมาทุกครั้ง แล้วก็รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว ในตัวเราน่ะจะมี จิตอยู่ 2 ต้ว คือตัวพระเอก ให้ทำสิ่งที่ดีๆ กับตัวผู้ร้ายก็จะบอกว่าให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ที่ร้ายๆ  มันจะต่อสู้กันตลอดเวลาเว้นแต่ตอนไหนใครจะชนะ เท่านั้น

2. การมองคนในแง่ดีมากยิ่งขึ้น รู้จักให้อภัยมากขึ้น ใจเย็นมากขึ้น ทนการรบกวนจากภายนอกได้มากขึ้น พูดน้อยลงปฏิบัติมากขึ้น รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเองมากขึ้น

3. ทุกชาติ ทุกศาสนา มีทุกข์เหมือนกัน มีสุขเหมือนกัน ไม่แยกว่าทุกข์แบบนี้เป็นของพุทธนะ คริสต์ อิสลามฯลฯ

จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมที่นี่จึงมีหลายศาสนามารวมกันได้โดยไม่ได้พูดเรื่องพิธีกรรมกทางศาสนาเลย  การปฏิบัติอย่างเดียวที่คนในโลกนี่จะทำได้เหมือนกันก็คือสติอยู่กับลมหายใจของตนเอง นี่แหละที่ไปเรียนวิชาอานาปาณสติมาเป็นธรรมมะบริสุทธิ์อย่างแท้จริง และก็เป็น 10 วันที่หลายคนไม่กล้าไปปฏิบัติ

 ***มักจะถูกเพื่อนๆพี่ๆ ถามว่า ไป10 วัน ทำอะไรมั่ง***

***ก็จะตอบว่า กำหนดดูลมหายใจเข้า/ออกที่จมูก***

***เพื่อนก็จะบอกอีกว่า อะไร 10 วันได้แค่นี้นะหรือ***

 ขอบคุณ ที่อ่านความในใจ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 450771เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2011 21:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอบคุณ คนไกลบ้านที่ มาสาธุ

ทำไมต้องสาธุ!!!!   จากหนังสือรัตนะในเรือน บอกว่า "การกระทำที่เป็นบุญมี 10 อย่างคือ 1.ด้วยการให้ 2.ด้วยการรักษาศีล 3.ด้วยการเจริญภาวนา 4.ด้วยการประพฤติอ่อนน้อม 5.ด้วยการขวนขวายรับใช้ 6.ด้วยการเฉลี่ยบุญให้แก่ผู้อื่น7.ด้วยการอนุโมทนาบุญหรือยินดีในความดีของผู้อื่น 8.ด้วยการฟังทำ 9.ด้วยการสั่งสอนธรรม 10. ด้วยการทำความเห็นให้ตรง

   จะเห็นว่าในแต่ละครั้งที่ท่านอาจารย์ทำบุญด้วยการสั่งสอนธรรม ท่านจะทำความดีด้วยการแผ่ส่วนบุญให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย สมควรที่เรากล่าวว่า "สาธุ สาธุ สาธุ" ขออนุโมทนาด้วย นี่คือ เหตุผลว่า ทำไมต้องสาธุ

 

กำหนดดูลมหายใจเข้า/ออกที่จมูก     

สำหรับคนที่ไม่เข้าใจไม่เคยฝึกเป็นคำถามที่ธรรมดาเพราะใจเขายังไม่เข้าถึงค่ะ

พวกเราก็คงได้แต่ค่อยๆๆชี้ชวนจนกว่าใจเขาจะเปิดรับจ้า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท