นายกาหรีม เจริญฤทธิ์ : คนไร้รัฐที่เกิดในประเทศไทย จากบิดาที่มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ และมารดาที่มีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศไทย
คำบอกเล่าของบิดา ที่ถ่ายทอดความรู้สึกเจ็บปวดร้าวลึกกว่าคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยทั่วไป ด้วยความเป็น “คนไทยพลัดถิ่น” ที่สำนึกอยู่ตลอดเวลาว่าตนเป็นลูกหลานไทย ยิ่งต้องตอกย้ำเมื่อเห็นความเจ็บปวดนี้สืบทอดไปยังลูกหลาน
“ลูกๆ ไปเข้าเรียน ก็อาย ..เวลาลูกมาทวงขอทะเบียนบ้านไปให้ครู ก็ได้แต่บอกลูกว่า จะไปเอาที่ไหน พ่อยังถือใบต่างด้าวเลย !! .. เวลามีประชุมผู้ปกครอง ก็ไม่กล้าไป”
นายหมาด เจริญฤทธิ์ บิดาของนายกาหรีม เกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๐ ที่บ้านหินช้าง ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระนอง เมื่ออายุ ๑๑ ปี ได้ไปเรียนศาสนาอิสลามที่เกาะสอง ประเทศสหภาพเมียนมาร์ ๓-๔ ปี จากนั้นได้ทำสวนอยู่ต่อกับบิดา [1]มารดาซึ่งย้ายไปทำสวน ที่บ้านสิบไม้ ตำบลเกาะสอง จังหวัดมะริด จนกระทั่งแต่งงานกับภรรยาคนแรก มีบุตร ๓ คน ต่อมาเมื่อแต่งงานกับภรรยาคนที่สอง จึงได้พาภรรยาย้ายกลับมาอยู่ประเทศไทยที่บ้านกำพวน ตำบลกำพวน กิ่งอำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง แต่ในขณะนั้นนายหมาด ก็ยังคงไปๆ มาๆ ระหว่างเกาะสอง ตามลักษณะอาชีพประมง จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๓๐ จึงได้ปักหลักอยู่ที่หมู่บ้านหินช้างอันเป็นที่อยู่ในปัจจุบัน หลังจากนั้นก็เริ่มได้รับการจัดทำบัตรประจำตัวชนกลุ่มน้อยต่างๆ ที่ระบุว่ามาจากประเทศพม่า
ปัจจุบัน นายหมาดเพิ่งได้รับสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ และถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๔๘ ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองระนอง ขณะที่นางฮารีด๊ะ วิชัย มารดาของนายกาหรีมซึ่งยื่นคำร้องขอแปลงสัญชาติไปพร้อมสามี ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ยังคงถือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และใบสำคัญถิ่นที่อยู่จนถึงปัจจุบัน
กาหรีม เป็นบุตรคนแรกที่เกิดกับภรรยาคนปัจจุบัน เกิดเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๑๘ ที่บ้านกำพวน ตำบลกำพวน กิ่งอำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง โดยมีหมอตำแยเป็นผู้ทำคลอดให้ ต่อมาเมื่ออายุ ๑๑ ปี ได้ย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านหินช้าง ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระนอง อันเป็นที่อยู่ในปัจจุบัน จึงได้มาเข้าเรียนจนจบชั้น ป.๔
ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน กาหรีมยังไม่เคยมีเอกสารราชการใดๆ ที่สามารถยืนยันการมีตัวตนในประเทศไทยได้ แม้จะเคยเรียนจบการศึกษาภาคบังคับในขณะนั้น หรือแม้เมื่อครั้งที่บิดาและมารดาได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวชนกลุ่มน้อยหลายครั้ง กาหรีมก็ไม่เคยได้สำรวจด้วย เนื่องจากเจ้าหน้าที่บอกว่ายังเด็ก ให้รอก่อน
กาหรีม จึงตกเป็นคนไร้รัฐที่ไม่มีเอกสารพิสูจน์ตนใดๆ เลย จนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังคงรอให้มีการบันทึกประวัติและเลขประจำตัว ๑๓ หลักในทะเบียนราษฎรไทย หลังจากที่กาหรีมพร้อมภรรยาและลูก เพิ่งได้รับการสำรวจเพื่อจัดทำทะเบียนสำหรับบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ไปเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๙
[1] บิดาของนายหมาด ชื่อนายอาบู ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว แต่น้องสาวชื่อนางเมีย ทับสมุทร เกิดเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๖ ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ และมีบัตรประจำตัวประชาชน เลขที่ ๓-๘๕๐๑-๐๐๓๐๖-๙๖-๖
เท่าที่ได้สัมผัสชีวิตชาวบ้านแนวชายแดน ไม่ว่าจะกรณีชายแดนทางเหนือตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย เชียงใหม่ หรือชายแดนทางฝั่งประเทศลาว เช่นชุมชนชาวลัวะ ถิ่น อำเภอปัว จังหวัดน่าน กรณีพี่น้องกะเหรี่ยงชายแดนตะวันตก อย่างอำเภอสวนผึ้ง ราชบุรี หรือกรณีพี่น้องไทยพลัดถิ่นชายแดนระนอง อย่างในกรณีนี้
ชีวิตชาวบ้านรากหญ้าที่ต้องทำมาหากิน ไปๆ มาๆ ข้ามพรมแดน ๒ รัฐ ส่งผลให้พวกเขาต้องประสบชะตากรรมไร้รัฐ ไร้สัญชาติ ไม่ต่างกันเลย
เราน่าจะต้องมีนโยบายเฉพาะสำหรับกลุ่มคนชายแดนลักษณะนี้ ซึ่งนับวันปัญหาก็จะใหญ่ขึ้นทุกที
หากข้อเท็จจริงฟังว่า หมาดเกิดในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๐ หมาดก็ไม่มีสัญชาติไทยมาตั้งแต่เกิด หมาดเป็นคนไทยพลัดถิ่นที่ยังคงมีสัญชาติไทย การเข้าไปในมะริด เป็นการเข้าไปหลังจากการเสียดินแดน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปแปลงสัญชาติแต่อย่างใด
ไม่ทราบต้องตี๋เห็นประเด็นตรงนี้ไหม ?
ข้อเท็จจริงของหมาดชัดนะ ดังนั้น กาหริ่มก็มีสัญชาติไทยนะ จับประเด็นตรงนี้ให้ได้นะ ?
กลับไปแก้ปัญหาที่หมาดให้ถูก ก็จะแก้ไขปัญหาลูกทุกคนของหมาดได้
แก้ให้ตรงจุดนะ มิเช่นนั้น ปัญหาจะมาเป็นพวงโตแก้ไขไม่ได้