กว๊านพะเยา แหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่อง ดอยบุษราคัม
"กว้านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง
บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม "
พะเยาเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งในแถบลานนาไทย เดิมมีชื่อว่า ภูกามยาว หรือพยาว มีอายุกว่า 900 ปี มีเนื้อที่ประมาณ 6,335 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพะเยา อำเภอจุน อำเภอเชียงคำ อำเภอเชียงม่วน อำเภอดอกคำใต้ อำเภอปง อำเภอแม่ใจ อำเภอภูซาง และอำเภอภูกามยาว
กว๊านพะเยา ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดพะเยา เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่สุดของภาคเหนือตอนบน ตั้งอยู่ในเขตลุ่มน้ำอิง มีลำน้ำสายต่างๆจากเทือกเขาผีปันน้ำที่อยู่ทางด้านตะวันตกของจังหวัดพะเยาคือ ดอยขุนต๊ำ ดอยกองหิน ดอยขุนแม่สุก ดอยขุนแม่พาดและดอยหลวง รวมกับลำน้ำสายต่าง ๆ ในเขตอำเภอแม่ใจไหลลงสู่กว๊านพะเยา มีลักษณะคล้ายแอ่งกระทะ โดยมีกว๊านพะเยาเป็นก้นกระทะ กว๊านพะเยาได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ แปลงเลขที่ พ.ย.7 มีพื้นที่ตามกฎหมายที่ดิน 12,831 ไร่ 1 งาน 26.6 ตารางวาหรือประมาณ 20.53 ตารางกิโลเมตร โดยมีประวัติการได้มาตามประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่เวนคืนในท้องที่อำเภอพะเยา จังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2482 เพื่อใช้ในราชการกระทรวงเกษตราธิการ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปัจจุบัน) ในการบำรุงพันธุ์สัตว์น้ำกว๊านพะเยาและซื้อด้วยงบประมาณแผ่นดินบางส่วน ระหว่างปี พ.ศ.2482 – 2484 กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สร้างทำนบและประตูน้ำขวางกั้นแม่น้ำอิงบริเวณที่ไหลออกไปทางตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อระดับน้ำในกว๊านถูกควบคุมโดยปิด – เปิดประตูน้ำ จึงทำให้หนองน้ำธรรมชาติกลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่สามารถกักเก็บน้ำในพื้นที่กว๊านพะเยาได้โดยเฉลี่ย 31.45 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ
กว๊านพะเยานั้นนอกจากจะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีคุณค่าต่อวิถีชีวิตของชาวพะเยาแล้ว ยังเป็นบ่อเกิดของศิลปหัตถกรรมที่เกิดจากฝีมือของชุมชนรอบกว๊านที่อาศัยทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่รอบ ๆ กว๊าน มาสร้างงานฝีมือต่าง ๆ จนกลายเป็นสินค้าและงานศิลปะประจำท้องถิ่นของจังหวัดพะเยาจนเป็นที่รู้จักทั่วไป เช่น การตีมีด การทำครกหิน พระพุทธรูปหินทราย การสานผักตบชวาและงานหัตกรรมอีกมากมายที่ส่งผลเชิงบวก ด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม
ขอบคุณข้อมูลจาก(สำนักงานประมงจังหวัดพะเยา)http://www.fisheries.go.th/fpophayao/Kwan
Phayao/kwanhistory1.htm)